วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แบกเป้เที่ยวไต้หวันตอนที่ 2 : Around Taipei & Downtown Taipei พาชมชายทะเลไต้หวันและอนุสรณ์สถานทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่

          เพราะโลกกว้างยังรอเราอยู่ ตื่นเช้าวันนี้พวกเราพร้อมที่จะแบกเป้เที่ยวไต้หวันกันอีกครั้ง รีบจัดรองเท้าผ้าใบคู่โปรดพร้อมลุยกับเป้ที่สะพายสบายน้ำหนักเบา พร้อมจะใส่ของยามเดินช้อปปิ้งด้วย ตื่นเช้าขนาดนี้ก็ต้องหาอาหารเช้าสไตล์ไต้หวันรองท้องตอนเช้าตามแบบคนไต้หวัน คนที่นี่เค้ากินอะไรกันต้องตามไปดูสักหน่อย มีทั้งโจ๊กหมู โจ๊กไข่เยี่ยวม้า เกี๊ยวทอด เต้าหู้ทอด ขนมที่คล้ายแป้งทอดนานาชนิด เราสั่งมาลองนิดหน่อย ก่อนที่จะต้องเดินทางอีกไกลในเช้านี้
ที่ที่พวกเราจะไปกันในวันนี้จ้า
รองเท้าผ้าใบคู่โปรดพร้อมลุยแล้ว

แผ่นแป้งทอดแล้วตัดข้างในเป็นไส้กะหล่ำปลี
แล้วเราก็ได้เกี๊ยวกับเจ้านี่มากินคู่กับชาร้อนเป็นมื้อเช้า

     เราต้องเดินไปขึ้นรถเมล์ที่สถานีขนส่งไทเป (Taipei west bus station) ซึ่งเช้านี้เราจะไปอุทยานเหยหลิ่วกัน (Yeiliu Geopark) เพื่อชื่นชมความงดงามของการกัดเซาะตามธรรมชาติ ครั้งนี้เราจะต้องนั่งรถเมล์สาย Kuo Kuang ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง  รถออกทุก20 นาที ค่าโดยสารคนละ 96 NTS 

หน้าตาของตั๋วรถโดยสารที่ออกนอกเมืองจะเป็นแบบนี้
ต้องมีวินัยต่อคิวซื้อตั๋วกันนะจ๊ะ
ล้อหมุนแล้วจ้า แล้วเจอกันตอนบ่ายนะไทเป

        อุทยานเหยหลิ่ว  (Yeiliu Geopark) เป็นอุทยานทางธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองไทเปนัก ตั้งอยู่ทางทิศเหนือติดทะเลตอนบนของเกาะไต้หวัน ด้วยความที่อยู่ปลายสุดนี่เอง คลื่นลมที่นี่จึงค่อนข้างแรงกัดเซาะชายฝั่ง และเจ้าลมนี่แหละที่พัดผ่านหินให้สึกกร่อนจนกลายเป็นรูปทรงประหลาดได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการสรรสร้างประติมากรรมนี้เป็นพันๆปีกันเลยทีเดียว
ลงจากรถบัสแล้วก็ต้องเดินเข้าไปต่อตามป้ายนะคะ เค้าทำทางเดินไว้ให้แล้ว


เรากำลังจะผ่านหมู่บ้านที่เค้าทำประมงกันล่ะ
มาเช้ามากร้านค้ายังไม่เปิด รอก่อนนะ 
มุมนั่งพักบริเวณท่าเรือเมือง Wanli

        อุทยานเหยหลิ่วแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตว่านหลี่ (Wanli) ที่มีการทำประมงชายฝั่ง มีท่าเรือและภัตตาคารอาหารทะเลสดๆ ขายกันอยู่ก่อนถึงอุทยาน ตั้งใจไว้ว่าขากลับจะแวะชิมสักหน่อย ระยะเดินจากป้ายรถเมล์สู่สวนประมาณ1กิโลเมตร มาถึงศูนย์การเรียนรู้ เราจะต้องเสียค่าเข้าคนละ 80NTS จะเข้าชมที่นี่ต้องเผื่อเวลาไว้ด้วยนะ ด้วยระยะทางเดินเท้าภายในอุทยานมากกว่า 1.7 กิโลเมตร แถมบางช่วงยังต้องเดินขึ้นๆลงๆ เนินเขาเตี้ยๆ เพราะพื้นที่ที่นี่กว้างใหญ่เอาการอยู่
ถึงแล้วจ้าจุดซื้อตั๋วชมอุทยานเหยหลิ่ว  

ค่าเข้าชม 80NTS สำหรับ Yehliu Geopark

ผังทางเดินของที่นี่ เดินแล้วไม่หลงแน่นอน

             ส่วนไฮไลท์เด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาดของสวนนี้คือ หินรูปเศียรพระราชินี หรือ Queen’s head นั่นเอง ที่ ใครอยากถ่ายรูปคู่กับหินก้อนนี้ต้องทำใจเพราะมีคนรอต่อคิวถ่ายเยอะมากๆ นอกจากนี้ยังมีหินรูปเห็ด รูปช้างพ่นน้ำ รูปหัวใจและรูปเต้าหู้อีกด้วย ใครมาที่นี่แนะนำให้พกเสื้อกันฝนมาด้วยถ้าฝนตก เพราะลมพัดแรงร่มไม่อาจต้านทานอยู่ได้ ถ้ามาหน้าร้อนควรใส่หมวกเพราะแดดจะแรงมาก และมาหน้าหนาวควรใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพราะลมเย็นที่นี่แรงเจาะเนื้อผ้ากันเลยทีเดียว 
ความงามทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล

โพรงหินแบบนี้น่าจะยื่นหน้าเข้าไปถ่ายรูปเนอะ 

หินรูปเศียรพระราชินีและหินรูปหัวใจ 

มาตอนเช้าคนก็ยังเยอะอยู่ แต่ลมแรงมาก

เราเดินขึ้นไปจนถึงจุดชมวิวชั้นสูงสุดละ

ได้เวลาเดินกลับกันแล้วไปก่อนนะทะเลหน้าหนาว


        ที่นี่ใช้เวลาเดินดูจนทั่ว 2-3 ชั่วโมงจริงๆ ตามที่คาดไว้เลย ได้เวลาไปกินอาหารทะเลกันแล้ว แต่เมื่อเดินไปถึงภัตตาคารก็ต้องตกใจที่ราคานั้นแพงกว่าฮ่องกงเสียอีก และอาหารมาจานใหญ่เกินกว่าที่เราจะรับผิดชอบหมดแน่ๆ เลยประหยัดไปอีกมื้อก็แล้วกัน กินเป็นข้าวหน้าหมูแบบง่ายๆไปแล้วกันนะ
สารพัดอาหารทะเลตากแห้งมีขายที่นี่เยอะมากๆ


สาหร่ายทะเลตากแห้งก็มีขายนะจ๊ะ 
หอยปิ้งกันสดๆเลยจ้าน่าทานมาก 
ปลาหมึกที่นี่ตัวเล็กกว่าบ้านเราจ้ะ

สุดท้ายได้มากินข้าวหน้าหมูเค็มกับจี่หอย เอ๊ยหอยดองแทน

            ได้เวลานั่งรถเมล์คันเดิมกลับไปลงใจกลางไทเป ก็ให้รอทางฝั่งตรงข้ามกับขามาเท่านั้นแหละ ตอนบ่ายเราจะเข้าไปเที่ยวอนุสรณ์สถานทางการเมืองที่สำคัญๆ สองแห่งคือ อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัตเซน และอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก
ซึ่งรถเมล์สาย Kuo Kuang จะแล่นผ่าน อนุสรณ์สถาน ดร.ซุนยัตเซน ก่อน ให้ลงที่ป้ายนั้นเลยจะได้ไม่ต้องนั่งรถย้อนมา 

ในตัวเมืองไทเป เค้าให้ความสำคัญกับคนรักสัตว์เหมือนกันนะ ถุงเก็บอุนจิน้องหมา

อนุสรณ์สถาน หรือหอที่ระลึก ดร.ซุนยัตเซ็น (National Dr. Sun Yat-Sen Memorial Hall)
ถ้าไม่ได้นั่งรถเมล์มาลงที่นี่ก็ให้นั่งรถไฟใต้ดิน สายสีน้ำเงินมาลงที่สถานี Sun Yat-Sen Memorial Hall ชื่อสถานีตรงตัวกับสถานที่ เมื่อโผล่จากใต้ดินก็จะเจอเลย เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1972 เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประชาธิปไตยของ ดร. ซุนยัตเซน  ด้วยพื้นที่อาณาเขตที่กว้างขวางจึงทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะไปด้วย สามารถยืนถ่ายรูปตึกไทเป101 ที่นี่ได้เช่นกัน ตัวอาคารเน้นสถาปัตยกรรมแบบพระราชวังจีนโบราณแต่ออกแบบให้ทันสมัยมากขึ้น

รูปปั้นของท่านบริเวณสวน

อาคารอนุสรณ์สถานโอ่อ่ามากเลย


มาที่นี่นอกจากถ่ายกับท่านได้แล้วยังได้ถ่ายกับไทเป101ด้วยนะ

       ภายในอาคารอนุสรณ์สถานมีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงประวัติส่วนตัวและผลงานด้านการเมืองของท่าน ดร. ซุนยัตเซน มีรูปปั้นของท่านสูงเกือบ6 เมตรตั้งอยู่ภายในพร้อมทหารรักษาการณ์ที่มีการเปลี่ยนเวรยามทุกๆชั่วโมง ที่นี่ค่าเข้าชมฟรีมาแล้วจะได้รู้ว่าประวัติศาสตร์ไต้หวันจะต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจากจีนมานานเท่าใด เดินจนทั่วก็ได้เวลาเดินทางอีกครั้งด้วยรถไฟใต้ดินเพื่อไปยังอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็กกันต่อ
รูปปั้น ดร. ซุนยัตเซ็น นั่งอย่างสง่างามกลางหอประชุม 
ทหารไต้หวันยืนนิ่งไม่ไหวติง

ภายในพิพิธภัณฑ์ท่าน ดร.ซุนยัตเซน

ปรัชญาทางการเมืองจารึกไว้เต็มกำแพง

อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก (Chiang Khai Shek Memorial hall) นับเป็นไฮไลท์ยิ่งใหญ่สุดของไต้หวัน จุดหมายหลักที่นักเดินทางทุกคนต้องมาเยือนที่นี่ ตัวอาคารใหญ่โตพร้อมกับลานกว้างนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงท่านเจียงไคเช็ก อดีตประธานาธิบดีแห่งไต้หวันที่ได้ถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว ตัวอาคารโดดเด่นด้วยสีขาว ตัดกับหลังคาแปดเหลี่ยมกระเบื้องสีน้ำเงินเบื้องบน ภายในจะมีรูปปั้นสำริดของท่านนั่งอยู่ พร้อมกับมีทหารเปลี่ยนเวรยามมาเฝ้าตามเวลา แนะนำให้ไปช่วงตอนเปลี่ยนกะ จะได้เห็นพิธีการที่ดูขึงขัง ภายนอกยังมีลานกว้างและซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาตามหลักฮวงจุ้ยเป๊ะๆ อ้อแล้วที่นี่ค่าเข้าชมฟรีนะจ๊ะ
ลานกว้างที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครด้วยนะ

รูปปั้นท่านเจียงไคเช็กตั้งอยู่ในหอหลังคาแปดเหลี่ยมนี้จ้า

ด้านนอกลานที่เราไปมีนิทรรศการหนังเรื่อง Frozen อยู่

ท่านเจียงไคเช็กนั่งอย่างสง่างามเช่นกัน

ประตูที่นี่งดงามจริงๆ

เปิดทุกวัน 5.00-24.00 น. การเดินทาง MRT สายสีน้ำเงิน สถานี CKS Memorial Hall Station ทางออก5 

เราอยู่ที่อนุสรณ์สถานยันฟ้ามืดก็ได้เวลาไปหาของกินอร่อยๆ ทานต่อที่ตลาดกลางคืนไทเป ซึ่งในไทเปเองมีตลาดกลางคืนที่ขึ้นชื่ออยู่หลายแห่ง ทั้งตลาดซื่อหลิน (Shilin Night Market) และตลาดหัวซี (Huaxi Night Market) แต่ละที่เดินทางง่ายรถไฟใต้ดินไปถึงทั้งหมด

รถไฟใต้ดินที่นี่แต่ละสถานีกว้างขวาง ไม่แออัดจนเกินไปเหมือนที่ญี่ปุ่น

ตลาดกลางคืนซื่อหลิน (Shilin Night Market) เดินทางมาง่ายๆด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงลงสถานี Jiantan แล้วลงเดินตั้งแต่หัวตลาดจนถึงท้ายตลาดได้เลย เวลาที่ตลาดเปิดคือ 18.00 -24.00 น. แต่แนะให้มาหลังทุ่มนึงกำลังดี เพราะคนไม่เยอะจนเกินไปและร้านอาหารต่างๆ เปิดพร้อมให้บริการแล้ว
เปิดแล้วตลาดกลางคืนซื่อหลิน
อ้อ ที่นี่มีเกมให้เล่นแบบเสียตังค์ด้วย มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

ผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้นี่มีประจำทุกตลาดเลย

เราเดินมาทั้งวันก็หิวได้เวลาหาของอร่อยๆ กินประจำตลาด เจอร้านอาหารไต้หวันน่านั่งอยู่ร้านหนึ่ง ดูเมนูแล้วราคาไม่แพง อาหารจาน Signature ที่นี่ที่แนะนำให้หาทานคือ หอยนางรมออส่วน ต้มสมองหมู และ เต้าหู้เหม็น Chou doufu (stinky tofu) ฟังไม่ผิดหรอกจ้า เต้าหู้เหม็นคือเต้าหู้ที่เขาจะปรุงรสอย่างดีก่อนนำลงไปทอดในกระทะให้กลิ่นเหม็นเอ๊ยหอมตลบอบอวล บางร้านทอดแล้วกลิ่นไปไกลกว่าร้อยเมตร ยิ่งกลิ่นไปไกลยิ่งดี เพราะจะดึงดูดให้คนมาซื้อได้เยอะ นอกจากนี้เรายังได้ลิ้มลองเมนูอื่นๆ ของร้านนี้ด้วย กินแล้วไม่ผิดหวังเลย
ร้านอร่อยระดับนี้มักจะมีรูปคนดังมานั่งกินแปะไว้ข้างฝา 
ร้านนี้อร่อยจริงๆและราคาไม่แพงเลย 
ร้านนี้ขายชานมไข่มุกและน้ำผลไม้ปั่น
สำรับอาหารเย็นวันนี้ นี่กินกันแค่สองคนนะ จะหมดมั้ย

ตลาดกลางคืนซื่อหลินนอกจากจะมีของกินให้ลิ้มลองมากมายแล้ว ยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าและรองเท้าราคาถูกอีกด้วย ที่สำคัญใครที่ชอบรองเท้าแบรนด์ดังไม่ควรพลาด เพราะมีรองเท้าลดราคาเยอะมากๆ เดินช้อปเสื้อผ้าและรองเท้าจนเมื่อยที่นี่ก็มีร้านชานมไข่มุกชื่อดังหลายเจ้าด้วยกันให้กินแก้กระหายแล้ว ตลาดกลางคืนที่นี่เดินเพลินจริงๆ เดินจนลืมเวลาที่จะกลับมานอนพักผ่อนที่โรงแรมกันเลย
สารพัดของปิ้งย่างเสียบไม้ที่นี่ก็มี 
เจ๊ได้เสื้อแฟชั่นสวยๆ ไซส์ใหญ่ที่นี่แล้วจ้า จะเอาไปใส่กันหนาว
รองเท้าแบรนด์ดังที่นี่ราคาถูกกว่าไทยมาก 
ตลอดสองฝั่งถนนจะมีแต่ร้านรองเท้าเต็มไปหมด 
ถนนที่นี่ยิ่งดึกคนยิ่งเดินเยอะ
แวะกินขนมลิ้นหมาก่อนกลับ

คราวหน้าจะพาไปเที่ยวรอบนอกเมืองไทเปอีก ไปไม่ไกล ไปเมืองโบราณซานเสีย (Sanxia) และเมืองอุตสาหกรรมเซรามิคอิงเก่อ (Yingge)