วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

แบกเป้เที่ยวเมืองนารา มรดกโลก Nara The World’s Heritage

           นารา (Nara) เมืองน่าเที่ยวแห่งภูมิภาคคันไซ เมืองที่ไม่ได้มีดีแค่วัดและกวาง เมืองที่มีของโอท็อปให้ได้ลองชิม เมืองมรดกโลกที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนยุคโบราณ ประหนึ่งดังหลงยุคเข้าไปสู่อดีตกาล เมืองนารานี้น่าเที่ยวยังไงเดี๋ยวไล่ลงไปอ่านด้านล่างกันเลย

วัดโทไดจิและกวางน้อย สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองนารา

         เมืองนารามาเที่ยวได้ง่าย ตั้งอยู่ห่างจากเมืองโอซาก้าไม่ไกลนัก ใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟประมาณ 50 นาทีเท่านั้น ด้วยการใช้รถไฟสาย Kintetsu-Nara โดยไปตั้งต้นที่สถานีนัมบะ (Namba) แล้วลงที่ปลายทางสถานี Kintetsu-Nara ใจกลางเมืองนารา จากนั้นก็เดินแบกเป้เที่ยวเมืองนารากันได้เลย เพราะสถานที่เที่ยวแต่ละแห่งนั้นไม่ไกลกันเกินกำลังขาของคุณๆหรอกน่า


ระหว่างทางไปวัดโทไดจิ จะต้องเดินผ่านสวนที่เต็มไปด้วยฝูงกวาง

กวางที่นี่จะเดินปะปนกับนักท่องเที่ยวเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งเลย

วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า วัดกวาง ที่หากใครก็ตามที่ได้มาเยือนที่นี่แล้วจะต้องมา ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงนะ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะต้องมีรูปถ่ายคู่กับกวางไม่งั้นจะไปคุยกับเขาไม่ได้ว่ามาเที่ยวที่วัดกวางแล้ว
ก่อนเข้าวัดจะมีสระน้ำขนาดใหญ่

กวางที่นี่แค่กวักมือเรียกก็มาแล้ว

            วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟนัก นับก้าวไปประมาณ 800 เมตรได้ จะเจอกับลานขายของขนาดใหญ่ บริเวณหน้าลานและสวนข้างๆจะมีแต่ฝูงกวางเต็มไปหมด ย้ำเลยว่าฝูงกวางเพราะมันเยอะจริงๆ เดินชูคอรออาหารจากคนที่มาเที่ยว จุดนี้ต้องระวังของกินในมือให้ดี เพราะคุณเธออาจจะงาบฉกของจากในมือไปได้ 
ซุ้มประตูแรกทางเข้าวัด
แม้แต่เด็กนักเรียนก็มาทัศนศึกษากันที่นี่จ้า

เจ้าถิ่นประจำที่นี่


          วัดโทไดจิเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ราชวงศ์โชมุ จุดเด่นอยู่ที่พระพุทธรูปไดบุทสึ (Daibutsuden) องค์ขนาดใหญ่เป็นพระพุทธรูปแบบศิลปะญี่ปุ่นสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 752 ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถเก่าแก่ทำด้วยไม้ ตรงจุดนี้จะต้องเสียค่าตั๋วเข้าไปชมก่อน คนละ 500 เยน เด็ก 300 เยน ถ้าเดินขึ้นบนเนินเขาไปอีกก็จะมีในส่วนของวัดอีก มีจุดชมวิวเมืองนาราด้านบน และมีน้ำน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้ได้รดเพื่อขอพรด้วย 
อุโบสถไม้หลังใหญ่ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึองค์โต

ประตูทางเข้าวิหารหลัก


ทางเดินขึ้นเขาไปสู่อีกวัดหนึ่งใกล้กัน


ภายในวิหารและกุฏิสงฆ์

มองจากมุมสูงของวัด

ศิลปะโบราณแบบเมืองหลวงเก่า นารา

น้ำศักดิ์สิทธิ์ไว้ขอพร และปะพรมตามตัว



      ออกจากวัดมาแล้วด้านหน้าวัดมีของฝากของที่ระลึกให้ซื้อไปฝากคนทางบ้านด้วย แต่ราคาข้าวของที่นี่ค่อนข้างสูง แนะนำให้ไปซื้อที่ตลาดในเมืองจะถูกกว่า หรือใครจะซื้อขนมเซมเบ้แป้งข้าวพองกรอบๆไปเลี้ยงน้องกวางก็แล้วแต่ศรัทธาเลย

ป้ายเตือนว่าอย่าไปแหย่กวางนะ
ฝูงกวางรุมกินขนมเซมเบ้ที่คนให้ 
ลาก่อนนะเจ้าตัวน้อย

     ถ้าเดินกลับไปทางเดิมจะผ่านวัดโคฟุคุจิ ( Kofuku-ji Temple)  และสวนเมืองนารา (Nara Park) ตั้งอยู่ติดๆกัน วัดโคฟุคุจิโดดเด่นด้วยเจดีย์เหลี่ยมสูง5ชั้นที่มองเห็นได้แต่ไกล ชื่อเดิมคือวัด Yamashina-dera  สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 669 ค่าเข้าชมคนละ 600 เยน

วัดโคฟุคุจิริมทะเลสาบกลางเมืองนารา

ย่านเมืองเก่านารามาจิ (Naramachi) ถ้าใครอยากชมบรรยากาศย่านเมืองเก่าแนะนำย่านนี้เลย ย่านนารามาจิที่คุณจะต้องเพลิดเพลินไปกับอาคารตึกเก่า บ้านเรือนเก่ายุคโบราณ บางบ้านได้ดัดแปลงมาเป็นคาเฟ่เล็กๆ ร้านขายของไปจนถึงร้านอาหาร ขนมของกินหายากก็หาซื้อได้ที่นี่เช่นกัน
พ่อค้าแซ่บทุบแป้งทำโมจิสดๆ พร้มเสิร์ฟ

บ้านเมืองเก่าในย่านนารามาจิ 
คนที่นี่จำนวนไม่น้อยเลยใช้จักรยานเป็นพาหนะกัน

หน้าร้อนก็มีดอกไม้บานที่นี่นะ


สุดท้ายคงหนีไม่พ้นอาหารการกิน ของซื้อของฝากที่แนะนำว่าอย่าพลาด อุตส่าห์มาถึงเมืองนาราทั้งทีแล้ว นั่นคือข้าวปั้นห่อใบพลับสด (Persimmon Leaf Sushi) ใช่แล้วได้ยินไม่ผิดหรอก ใบพลับสดที่บรรจงห่อข้าวปั้นซูชินั่นแหละ ด้วยสรรพคุณเย็นของใบพลับจะช่วยรักษาอุณหภูมิและความสดของอาหารให้คงความสดอยู่เสมอ สนนราคาต่อชิ้นค่อนข้างแพงเอาเรื่อง ที่นี่เค้าจะใช้ปลาซาบะมากที่สุด รองลงมาคือปลาทูน่า และปลาแซลมอน ใครไม่สะดวกกินที่ร้านจะซื้อกลับมากินที่โรงแรมก็ทำได้ เพราะแต่ละร้านจะมีบริการแพ็คด้วยความเย็นอย่างดีเลย รับรองไม่เน่าเสียแน่นอน
ซูชิห่อใบพลับสดหน้าปลาซาบะอร่อยที่สุด

ทั่วเมืองนาราจะมีร้านซูชิใบพลับสดเยอะมากๆ


สำหรับอาหารการกินอื่นๆ ในเมืองนาราก็ไม่แพ้เมืองอื่นๆนะ มีทั้งข้าวหน้าปลาไหล ซูชิ ราเมน รสชาติไม่แพ้เมืองอื่นๆ แน่นอน ยิ่งได้ไปเดินตลาดที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าแล้ว มีร้านอาหารเยอะมาก ร้านขายของที่ระลึกและร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นก็ไม่แพ้กัน เอาเป็นว่าใครชอบแนวไหนก็เลือกเดินชมแวะกินได้ตามอัธยาศัย ว่าแล้วไม่ควรเที่ยวแต่เมืองโอซาก้านะควรจะนั่งรถไฟไปชมเมืองมรดกโลก นารา กันด้วย แล้วคุณจะหลงรักนาราอย่างหมดใจ
เซ็ทข้าวหน้าปลาไหลที่นี่ก็มีให้ทานนะ
มาเดินเล่นย่านของกินแถวสถานีรถไฟกัน

ปลาแห้ง วัตถุดิบที่ขาดไม่ได้เลยในน้ำซุปราเมน 
สองสาวกับสัตว์เลี้ยงของพวกนาง

รออีกนิดนะ เกียวโตกำลังจะมาจ้า แนนำสถานที่ท่องเที่ยวและย่านกินอย่างจุใจแน่นอน










วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

แบกเป้เที่ยวเมืองโกเบ Kobe โกเบ เมืองที่ไม่ได้มีดีที่สเต๊ก Not only Kobe Steak but also foreigner city.

        
 วันนี้เราจะพาไปเที่ยวอีกเมืองที่อยู่ติดกับเมืองโอซาก้าไปทางทิศตะวันตกใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงโดยรถไฟฟ้า เมืองที่เป็นเมืองท่าเปิดประตูการค้าสู่สากล เมืองที่มีบ้านพักรับรองสำหรับชาวต่างชาติยุคแรกๆที่ได้เข้ามาทำการค้า เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องสเต๊กเนื้อ เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยประสบเหตุแผ่นดินไหวจนย่อยยับพินาศในปี ค.ศ. 1995 แต่ในวันนี้เมืองกลับฟื้นฟูได้เร็วจนแทบดูไม่ออกว่าเคยประสบภัยพิบัติมาก่อน ทุกคนส่วนใหญ่รู้จักเมืองนี้ เมืองโกเบ (Kobe city) แห่งจังหวัดเฮียวโกะ (Hyugo)  นั่นเอง
ฝาท่อระบายน้ำเมืองโกเบไม่เหมือนใคร

ใจกลางเมืองโกเบ
        แล้วเราจะแบกเป้เที่ยวเมืองโกเบได้อย่างไร  การไปเที่ยวเมืองโกเบสามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟสาย JR  Sanyo Shinkansen และ JR Kobe Line จากสถานีรถไฟ Shin-Osaka มาลงที่สถานี Shin-Kobe และสถานี Sannomiya ได้เลย ถ้าใช้บัตรโดยสารคันไซก็ต้องขึ้นรถไฟสาย Hanshin Main Line ขึ้นจากสถานีอุเมดะ (Umeda) ไปลงที่สถานี Sanyo-Himeiji ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายที่สถานี Kobe- Sannomiya
ตึกสูงใจกลางเมืองโกเบ

สถานีรถไฟใต้ดิน Kobe-Sannomiya 

        จากใจกลางเมืองโกเบ เราขอแนะนำให้คุณไปเที่ยวย่านหมู่บ้านคิตาโนะก่อน หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเรียกเต็มๆว่า Kitano Ijinkan-gai เป็นย่านที่อยู่อาศัยของบรรดาพ่อค้าชาวตะวันตกมากมายตั้งแต่สมัยเปิดท่าเรือการค้าใหม่ๆ ในยุคศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขา บ้านสไตล์ยุโรปแต่ละหลังไม่โดนภัยสงครามและยังคงงามสง่ามาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ จนลืมไปเลยว่านี่เรากำลังเดินทางอยู่ในประเทศญี่ปุ่น นึกว่าอยู่ยุโรปเสียอีก แต่ละบ้านพร้อมเปิดให้เข้าชมแต่เสียเงินค่าเข้าชมเพิ่ม บริเวณรอบข้างยังมีคาเฟ่เล็กๆเปิดเก๋ๆ และร้านอาหารฝรั่งเต็มไปหมดเพื่อให้เข้ากับย่านคิตาโนะ เราแนะนำให้ซื้อตั๋วรวมเข้าได้หลายบ้านจะคุ้มค่ากว่าซื้อแยก การเดินทางต้องนั่งรถไฟสายท้องถิ่นลงรถที่สถานี Shin-Kobe เท่านั้นแล้วเดินต่อ
จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมบ้านชาวต่างชาติแบบบัตรรวม

บ้านเชอร์ล็อคโฮล์มก็มีนะ

แม้แต่ร้านสะดวกซื้อก็ยังกลมกลืนไปกับสถานที่เลย

หมุดเมืองหมู่บ้าน Kitano
 
ร้านกาแฟแบรนด์เนมก็มาเปิดที่นี่

ศาสนสถานของชาวฮินดู

บ้านแบบโบราณสมัยศตวรรษที่ 19

บ้านเดนมาร์ก ที่รวบรวมเรื่องราวต่างๆอยู่ข้างใน

ถ้าใครอยากพักเอาบรรยากาศที่นี่ก็มีเกสท์เฮ้าส์เปิดให้พักด้วย

รถยนต์แบบ Eco car วิ่งอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น

           ในตัวเมืองโกเบเองก็มีรถไฟใต้ดินสายท้องถิ่นมีชื่อว่า Kobe Kaigan Line สามารถใช้โดยสารไปลงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในตัวเมืองโกเบได้ โดยแนะนำให้ลงที่สถานี Habor Land ก่อน เพื่อเดินเล่นริมอ่าวโกเบ ซึ่งสามาถเดินเล่นได้ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ยันมืดค่ำ
เดินเล่นริมอ่าวโกเบตอนเย็นๆนั้น ชิลมากๆ
ริมอ่าวโกเบยามค่ำคืน

           Kobe Harbourland โกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ ครบวงจรความบันเทิงริมอ่าวโกเบ มีห้างสรรพสินค้าชื่อดัง พิพิธภัณฑ์อันปังแมน (Anpanman Children’s Museum & Mall) แหล่งย้อนเวลาการ์ตูนอันปังแมนชื่อดัง พร้อมพิพิธภัณฑ์และของเล่นขายอยู่ในนั้น ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ริมอ่าวที่ตั้งเด่นเป็นสง่า จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดคือ ด้านหลังห้าง Mosaic ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวโกเบ เป็นจุดชมวิวท่าเรือที่สวยที่สุดมุมหนึ่ง จะมีเรือที่รับลูกค้าไปล่องพร้อมอาหารมื้อเย็นรอบอ่าวโกเบจอดนิ่งอยู่ และภายในห้างโมเสคนี้จะมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย และแน่นอนราคาย่อมแปรผันไปตามวิวที่สวยงามด้วย
พิพิธภัณฑ์และร้านของเล่นอันปังแมน 
อาคารร้านของเล่นทันสมัย
ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ริมอ่าวโกเบ 

ห้างโมเสคสุดหรูริมอ่าวโกเบ
ทางเข้าห้าง Mosaic
เรือภัตตาคารจอดรอลูกค้าออกไปดินเนอร์หรูรอบอ่าวโกเบ

           Kobe Port Tower & Kobe Maritime Museum  หอคอยสูงสีแดงสดอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโกเบ เป็นโครงเหล็กสีแดงสูง 108 เมตร สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของท่าเรือตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ชั้นบนสุดเป็นภัตตาคารที่หมุนได้รอบ360องศา ค่าเข้าชม 700 เยน เด็ก 300 เยน  ติดๆกันจะเป็นพิพิธภัณฑ์ทางทะเลเป็นอาคารโครงสร้างเหล็กสีขาวแบบสมัยใหม่รูปร่างคล้ายเรือสำเภา เป็นที่เล่าเรื่องราวการเดินทางของเรือในแต่ละยุค รวมถึงการจัดแสดงโมเดลเรือแบบต่างๆ ค่าเข้าชม 600 เยน เด็ก 250 เยน วิธีการเดินทาง ใช้รถไฟสาย Kaigan Line ลงที่สถานี Minatomotomachi
หอคอยโกเบและพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืนงดงามมาก


                ไฮไลท์สุดท้ายของเมืองโกเบ นั่นคือหุ่นยนต์ขนาดยักษ์ (Tetsujin 28 Monument) หุ่นเหล็กหมายเลข 28 ขนาดเท่าตัวจริงสูง 18 เมตร มีน้ำหนักกว่า 50ตัน เป็นสัญลักษณ์เมืองเช่นเดียวกับหุ่นยนต์กันดั้มในโตเกียว  สร้างขึ้นภายหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และรำลึกถึงผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย การเดินทางใช้รถไฟสาย Kaigan Line ลงที่สถานีShinnagata 
    
หุ่นยนต์ขนาดยักษ์ สัญลักษณ์เมืองโกเบ

หลากอิริยาบถของผู้คนและหุ่นยนต์ Tetsujin 28 

มาเที่ยวโกเบคราวนี้เรามีเวลาจำกัด เลยไม่ได้แวะชิมของอร่อยที่ขึ้นชื่อของเมืองเช่นสเต๊กโกเบเลย เอาเป็นว่าขอแก้ตัวในเรื่องอาหารการกินในเมืองอื่นๆแทนนะจ๊ะ