วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แบกเป้เที่ยวปักกิ่งหน้าหนาว แบบคูลๆ ขึ้นเขาชมวิวมหานครปักกิ่งและชมอาทิตย์อัสดงและชมจันทร์ขึ้น ณ อุทยานเป่ยไห่ Sunset & Moon rising at Beihai Park


จุดหมายของเราเย็นนี้คือการได้ขึ้นไปชมวิวพระราชวังต้องห้ามและเมืองปักกิ่งชั้นในบนยอดเขาภายในสวนจิงชาน (Jingshan Park) เรารีบเดินไปซื้อตั๋วเข้าชมราคา 2หยวน ซึ่งที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-19.00 น. สวนจิงชานมีขนาดใหญ่มาก ภูเขาทั้งห้าลูกสร้างขึ้นตามศาสตร์ฮวงจุ้ยไม่ได้เป็นภูเขาตามธรรมชาติหากแต่มาจากการขุดลอกคูคลองทั้งสี่ด้านของพระราชวังต้องห้าม ตัวเนินเขาสูงราวๆ 47 เมตร  ซึ่งภูเขานี้จะอยู่ทางทิศเหนือของวังตามตำราฮวงจุ้ยเลย และภูเขาลูกนี้ยังทำหน้าที่บังลมที่พัดพาความหนาวมาจากทางทิศเหนือด้วย
ทางเข้าสวนจิงชาน จุดมุ่งหมายของเราคือบนยอดเขานั่น 
เอ้าเข้าแถวรอจ่ายตังค์ค่าเข้าชมอีกแล้วจ้า 
ค่าเข้าชมสวนจิงชานแค่สองหยวนเอง 
ประวัติความเป็นมาของสวนจิงชานครับ

      เราออกแรงเดินขึ้นไปบนยอดเพื่อชมวิวพระราชวังต้องห้ามจากด้านบน ทางเดินขึ้นตอนเย็นๆ ค่อนข้างเปลี่ยวไม่มีคน พอถึงชั้นบนสุดจุดชมวิวเลยรู้เลยว่าลมพัดแรงมากหนาวจนหูชาเลย แลกกับภาพที่เห็นเบื้องหน้าแล้วคุ้มค่าหายเหนื่อย ท้องฟ้าเมืองปักกิ่งแจ่มใสแต่ถ้ามลพิษน้อยกว่านี้ก็คงจะดีภาพที่ได้ก็จะไม่มีสีมอซอแบบที่
ทางขึ้นเขาไม่มีคนเดินขึ้นตามเรามาเลย 
จุดชมวิวฝั่งเมืองปักกิ่งเห็นตึกสูงๆแต่ไกล 
แป้นหมุดบอกทิศเหนือบนยอดเขา
เห็นมั้ยเจดีย์ไป่ถายอดสีขาว อีกสวนหนึ่งที่เราจะต้องไปต่อ 
จุดชมวิวพระราชวังต้องห้ามจากมุมสูง 
เราเจอหมุดเมืองปักกิ่งอีกแล้ว
ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวคำกล่าวที่ว่านี้เป็นจริง ลมพัดตึงมาก 
ศาลาเล็กๆ บนยอดเขา

        ยืนทนลมหนาวได้ไม่นานก็ต้องลงมาเพราะเป้าหมายต่อไปของเราคือเจดีย์ไป่ถา ณ อุทยานเป่ยไห่ สวนที่ตั้งอยู่ติดกับสวนจิงชานเดินขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เราเดินตัดสวนที่ร่มรื่นแต่ไม่มีคนเดินเลยรีบจ้ำเพื่อเอาตัวเองออกมานอกสวนและข้ามถนนเล็กๆสู่อุทยานเป่ยไห่
เดินหนีหนาวลงมาข้างล่างดีกว่า 
โคมแดงจีนแขวนต้นไม้มีให้เห็นทั่วไปในสวนแห่งนี้ 
เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอทางออกไปอุทยานเป่ยไห่ 
นี่ไงถึงทางออกแล้วอยู่ด้านทิศตะวันตกของสวน 
โคมแดงสัญลักษณ์ของจีนเลย 
ข้ามถนนแล้วเดินอีกนิดก็จะถึงอุทยานเป่ยไห่แล้ว

          ข้ามถนนแล้วเราจะเจอกับถนนคนเดินและตลาดเล็กๆที่วายแล้ว บนถนนสายนี้มีของกินขายอยู่สามอย่างคือ เกาลัดคั่วสด โยเกิร์ตสดพร้อมดื่มขวดละ 5หยวน และ ผลไม้เคลือบน้ำเชื่อมเสียบไม้ หรือถังหูลู่ (Tanghulu) ไม้ละ10หยวน เจ้าผลไม้นี่ก็มีทั้งพุทราจีนและบ๊วยสด มันหวานและสดมากแต่กัดเข้าไปทีเย็นเยือกเลย เพราะน้ำเชื่อมกลายสภาพเป็นน้ำแข็งไปแล้วและโยเกิร์ตจีที่บรรจุในขวดเซรามิคสดและอร่อยมากๆ เมื่อกินแล้วต้องคืนขวดร้านค้าให้เขาเอาไปบรรจุใหม่นะ เหมือนกับดื่มน้ำอัดลมจากขวดแก้วนั่นแหละ
ขวดโยเกิร์ตของคนที่กินแล้ววางเกลื่อนเลย 
อยากกินก็ต้องสั่งผ่านกระจกร้านค้านี่ 
โยเกิร์ตที่นี่ขายขวดละ 5หยวน จัดไป 
ซอยนี้มีแต่รถดีๆ ราคาแพงมาอาศัยจอดกัน 
มาจีนแล้วต้องกินให้ได้นะผลไม้เคลือบคาราเมล 
อยากกินก็ต้องสั่งในร้านอีกเช่นกัน 
อยากกินเกาลัดคั่วสดก็ต้องสั่งเช่นกัน
สุดท้ายมาเสร็จที่โยเกิร์ตครับ กินแล้วจะมีเลือดฝาด
ถนนสายนี้ห้ามรถเข้าตั้งแต่ 8.00-16.00 น. เลยเป็นถนนคนเดินตอนกลางวัน

        อุทยานเป่ยไห่ (Beihai Park) ในช่วงหน้าหนาวเสียค่าเข้าชมแค่ 5หยวน เท่านั้นเอง คนมาชมไม่มากเพราะที่นี่ลมหนาวพัดแรงมากตัวแทบปลิว แถมน้ำในทะเลสาบส่วนใหญ่ก็จะเป็นแผ่น้ำแข็งอีกมีส่วนน้อยที่จะไหลกระเพื่อม ถึงกับมีป้ายเตือนเป็นระยะว่าอย่าเดินบนน้ำแข็งนะ แน่ล่ะเกิดเดินทะลุตกลงไปใครจะกล้าลงไปช่วย 
ตั๋วเข้าชมสวนราคา5หยวนเอง 
ลมแรงมั้งคนเลยเดินน้อย 
หน้าหนาวต้นไม้ในสวนจะผลัดใบจนเกลี้ยงต้น 
บริเวณริมทะเลสาบเป็นจุดที่มีลมแรงมาก 
ธงมังกรตั้งตรงได้ด้วยแรงลม
เจดีย์ไป่ถาบนเนินเขา 
ใครนะจะห่ามลงไปเดินข้างล่าง 
ทะเลสาบน้ำไม่ได้เป็นนำแข็งหมดทั้งผืนนะ

ไฮไลท์ของสวนที่นี่คือเจดีย์ไป่ถาเป็นเจดีย์สีขาวทรงระฆังคว่ำตั้งอยุ่บนเกาะกลางทะเลสาบ ซึ่งกลางเกาะจะเป็นที่ตั้งของวัดหย่งอัน (Yong’an Temple) อันเป็นที่ตั้งของเจดีย์มีความสูง 40 เมตร สร้างขึ้นในรัชสมัยจักรพรรดิจุ่นซือ เนื่องในโอกาสที่องค์ดาไลลามะที่ 5 เสด็จเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการด้วย  ด้านบนก็เป็นจุดชมวิว และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกจุดหนึ่งเลย

เจดีย์ไป่ถาอยู่บนเนินเขาต้องเดินขึ้น 
เส้นทางเดินระหว่างขึ้นเขาไม่ลาดชัน 
ประวัติความเป็นมาของเจดีย์ขาว 
เจดีย์ขาวศิลปะแบบทิเบตสูง 40 เมตร 
จุดชมวิวบริเวณฐานเจดีย์มองเห็นทะเลสาบด้านล่าง 

เสียดายที่วัดหย่งอันปิดลงแล้วเลยต้องเดินชมโดยรอบแทน 
เจดีย์ขาวมองจากด้านล่าง

หมดเวลาเดินชมด้านบนก็ได้เวลาเดินเลียบทะเลสาบชมความงามด้านล่างกันบ้าง เมื่อพระอาทิตย์ตกแล้วเลยได้ชมความงามของพระจันทร์ขึ้นบ้างและเป็นวันเพ็ญเต็มดวงอีกด้วยช่างโชคดีจริงๆ เราเก็บภาพพระจันทร์ที่ทะเลสาบอย่างเดียวไม่พอ เราได้เดินออกไปเก็บภาพพระจันทร์สวยๆ กับสมาคมช่างภาพชาวจีนที่ตั้งกล้องขนาดใหญ่อยู่รายรอบคูคลองพระราชวังต้องห้ามอีกด้วย
ตึกยาวสีแดงนี้มีชื่อว่ายี่หลาน 
ศิลปะจีนบนตึกยาว 
ทางเดินยาวของตึกยาว 
ประวัติความเป็นมาของ Yilan Hall 
แลเห็นศาลาห้ามังกรอยู่ลิบๆ  
ไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวคนเลยเดินน้อย 
พระอาทิตย์ตกแล้วจ้า
ลานนี้เป็นน้ำแข็งทั้งหมดเลย 
พระจันทร์ขึ้นแล้วนะ เต็มดวงด้วยล่ะ
พระอาทิตย์ก็เพิ่งจะตกดินไป 
เจดีย์สวยจากมุมประตูทางออก
พระจันทร์ขึ้นได้มุมสวยพอดี
ช่างภาพคนนี้ขี่จักรยานมาเพื่อถ่ายภาพครับ
อยากได้ภาพสวยๆชัดๆต้องมีขาตั้งกล้องแบบเขานะครัช

ถ่ายรูปพระจันทร์จนเพลินลืมเวลาของมื้อเย็นไปเลย ถึงเวลาต้องนั่งรถเมล์กลับไปบริเวณถนนคนเดินเฉียนเหมิน มื้อค่ำได้ซดก๋วยเตี๋ยวน้ำแก้หนาวพร้อมกับแกล้มเยลลี่หนังหมูเย็นเพิ่มไขมันให้ร่างกายอบอุ่นพร้อมเดินสู้ต่อไป  มื้อนี้หมดไป 28 หยวนจ้า แถมยังได้เล่นเกมส์ทายสัญชาติกับคนจีนที่นั่งกินอยู่ในร้านอีก เขาสงสัยว่าหน้าตาเราก็ออกจะจีนมาจากมณฑลไหนทำไมถึงพูดจีนไม่ได้ เอาเข้าไปคุณพี่ ทายไปซะจนถึงฟากตะวันตกเลย ต่อไปต้องตอบว่า “ไท่กั๋วเหริน” เป็นคนไทยนะคร้าบ

สารพัดเมนูให้สั่ง พูดจีนไม่ได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เอานิ้วชี้แล้วชูจำนวนเอาเลยจ้า 
ไม่พ้นด๋วยเตี๋ยวน้ำเพราะเราอยากกินร้อนๆ 
เยลลี่หนังหมูแช่เย็น เห็นโต๊ะข้างๆสั่งมากินแกล้มเบียร์

       บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินยามค่ำคืนสวยงามยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปอยู่ แต่ในส่วนของถนนคนเดินเฉียนเหมินแถวที่พักกลับเงียบเชียบ ร้านค้าเปิดก็จริงแต่คนเดินเข้าไปน้อยมากก็เพราะว่ามันหนาวมากนั่นเอง เราเดินย่อยที่นี่จนถึงสี่ทุ่มแล้วก็กลับที่พักเพื่อนอนเอาแรงพร้อมเที่ยวในวันถัดไป กำแพงเมืองจีนด่านปาต้าหลิงรอเราไปสำรวจอยู่จ้า
พิพิธภัณฑ์รถไฟปักกิ่งยามค่ำคืน 
พลับพลาเทียนอันเหมินยามค่ำคืน 
ตึกสวยๆทรงยุโรปมีมากมาย 
อาคารรัฐสภาจีน
กลับมาถึงถนนคนเดินเจอผลไม้เชื่อมเสียบไม้อีกแล้ว 
Madame Tussaud สุดยอดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง อันนี้สาขาปักกิ่ง 
แม่เหล็กของงานคือ เหยา หมิง
ถนนคนเดินโหรงเหรง อากาศน่าจะเย็นเกินไป 
ห้องเสื้อชื่อดังแบรนด์จีนกับCollection Summer 
ร้านนี้ก็ไม่แพ้กัน ราคาสูงเอาการอยู่
อันนี้เป็นห้างขนาดย่อมๆ ขายของแบบสไตล์ห้างโบราณ
ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวสไตล์ปักกิ่งโบราณ 
เป็ดปักกิ่งต้นตำรับต้องมากินที่ปักกิ่งนะ 
เสี่ยวหลงเปานึ่งที่นี่ก็ขึ้นชื่อ 
ใครอยากซื้อชาอบแห้งไปฝากที่บ้านแบบไฮโซก็มี 
หน้าร้านแบบทันสมัยก็มีที่นี่ 
อันนี้เป็นตรอกเล็กๆที่มีแต่ของกิน 
รูปปั้นจำลองการย้อมผ้าไหมจีนโบราณ
หลากหลายเมนูมาสะดุดตาตรงผ้าขี้ริ้ววัว 
ร้านขายผ้าไหมจีนมีทั้งแบบผ้าเมตรและแบบสำเร็จรูป 
ตรอกนี้ขายของคล้ายสำเพ็งบ้านเราเลย 
ใครอยากท้าความหนาวด้วยไอติมซอฟท์เสริฟ์ก็มีให้ได้ชิม
เดินผ่านร้านที่กินก๋วยเตี๋ยวที่กินเมื่อเช้า เค้าเปิดยันดึกเลย
เลยขอต่อแถวอุดหนุนเนื้อแพะย่างอีกสักไม้ ราคาไม้ละ10หยวน 
รถแท็กซี่จีนสีเหลืองคาดดำเรียกได้ทุกที่ทุกเวลา


รอบหน้าพาชมกำแพงเมืองจีนหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกและตอนเย็นพาไปย่านวัยรุ่นถนนคนเดิน แหล่งช็อปแหล่งกินของวัยรุ่นปักกิ่งกันนะจ๊ะ