วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Mabuhay Philippines Episode2 : เพราะคิดถึง ฉันจึงมาหาเพื่อนที่ฟิลิปปินส์กับทริปสั้นๆ 3วัน วันอาทิตย์เราไปเที่ยวโบสถ์กัน Baclaran Church แวะชิมหมูย่างแบบฟิลิปปินส์แท้ๆ

          เราเที่ยวฟิลิปปินส์มาจนถึงวันสุดท้ายของทริปซึ่งตรงกับวันอาทิตย์พอดี ถ้าอยากรู้ว่ากิจกรรมวันหยุดของชาวมะนิลานั้นเขาทำอะไรกัน วันนี้เรามีคำตอบว่าวันหยุด คนมะนิลาเขามีความสุขกันอย่างไร เริ่มต้นด้วยการนอนตื่นสายหน่อย บางครอบครัวก็อาจตื่นเช้า แล้วเขาไปทำอะไรกัน ใช่แล้วทุกคนมุ่งหน้าไปที่โบสถ์
เส้นทางจากที่พักที่เราเดินไปกินมื้อเช้า 
เช้าวันอาทิตย์ร้านค้าส่วนใหญ่จะปิดทำการ 

มีอาหารเช้าให้เลือกมากมายตามเดิม
อาหารเช้าเรียบง่ายในราคา 35เปโซ

        หลังจากเติมพลังมื้อเช้าแถวที่พักเสร็จเราก็เรียกรถสามล้อถีบแถวที่พักนั่นแหละ ให้เขาขี่ไปส่งแถวชุมชนโบสถ์บัคคลาราน Baclaran Church ในราคา 50เปโซ ชุมชนรอบโบสถ์นี้ขึ้นชื่อเรื่องการทำรูปเคารพพระเยซูและพระแม่มารีมาก  บางร้านนอกจากจะขายแล้วยังรับตัดเย็บชุดสำหรับหุ่นด้วย นอกจากร้านขายตุ๊กตาเทพแล้ว แถวนี้ยังมีชุดพื้นเมืองทั้งชายและหญิงขายด้วย ชุดบารอง (Barong) ของผู้ชายที่เดิมใช้ผ้าใยสับปะรดในการผลิต แต่ที่นี่วางขายกันเป็นชุดผ้าใยสังเคราะห์ครับ
งานศพแบบคริสต์ที่ตั้งศพไว้ในบ้าน เราเดินผ่านตอนเย็นก็มีพิธีกรรม
ร้านขายชุดตุ๊กตาเทพที่ไม่ใช่ลูกเทพ 
ตุ๊กตาเทพในชุดต่างๆ วางขายข้างทางเต็มไปหมด 
รถสามล้อถีบที่เรานั่งมาจากโรงแรมที่พัก 
บางร้านเค้าก็ทำตุ๊กตากันข้างถนนเลย  
จะเห็นได้ว่ามีทั้งงานตัดเย็บชุดและงานเพ้นท์หน้าตุ๊กตา 
ตุ๊กตาเทพที่นี่ขายกันจริงจัง ไม่ได้ตามกระแสแบบบ้านเรา
 เสื้อชุดประจำชาติของผู้ชาย (Barong) ไว้ใส่ไปงานต่างๆ
 

            เดินชมของขายในตลาดเสร็จแล้วก็ได้เวลาเข้าไปเดินเยี่ยมชมโบสถ์ Baclaran กัน  ช่วงเช้าวันอาทิตย์คนค่อนข้างเนืองแน่น เป็นชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมดไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวเราเลยได้เห็นพิธีกรรม ความเชื่อและความศรัทธาของมวลหมู่ชาวคริสต์ทั้งหมด 
เห็นกุญแจที่คล้องที่รั้วนั่นไหม ลองทายสิว่าเขาคล้องไว้ทำไม 
โบสถ์สร้างแบบเรียบง่ายแต่มีขนาดใหญ่มาก 
ข้างในเต็มไปด้วยชาวคริสต์ที่รักและศรัทธาในพระเจ้าแน่นโบสถ์เชียว 
Baclaran Church
บริเวณจุดตะเกียงจะอยู่ด้านนอก ทุกคนสำรวมและสงบ 
ความศรัทธาของชาวมะนิลาในเช้าวันอาทิตย์
ภาพวาดฝาผนังรายรอบโบสถ์ 

         ไฮไลท์ที่สะดุดตาเรานิดนึงนั่นคือมีผู้คนนำแม่กุญแจมาคล้องซ้อนกันแล้วก็ล็อคทิ้งไว้อย่างนั้น เหมือนสถานที่บางแห่งที่เกาหลีหรือในยุโรป เลยได้สอบถามผู้คนแถวนั้นว่าเขาคล้องไว้ทำไม เลยได้ความมาว่า เขาคล้องเมื่อเขาสัญญากับพระเจ้าว่าเขาจะทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จลุล่วง ความเชื่อเรื่องการคล้องกุญแจในแต่ละที่ไม่เหมือนกัน บางที่เชื่อว่าคล้องแล้วรักกันมั่นคงยืนยาว แต่ที่นี่คล้องเพื่อให้คำมั่นสัญญากับพระเจ้า
 จุดคล้องกุญแจจะอยู่รอบๆ รูปปั้นพระแม่มารี
คล้องแน่นขนาดนี้เสามันรับน้ำหนักไหวไหม 
ส่วนใหญ่จะมีชื่อบุคคลเขียนอยู่ตามกุญแจด้วย 

         หลังจากเดินชมโบสถ์และตลาดนัดชุมชนรายรอบจนอิ่มตากับเครื่องรางของขลังและรูปเทพเจ้าแล้ว ได้เวลาไปชิมของอร่อยประจำชุมชน Baclaran นั่นคือหมูย่างทั้งตัว หรือที่ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า Lechon (เลอชอน) นั่นเอง

 ได้เวลาเดินออกจากโบสถ์ไปหาของกินอร่อยๆแล้ว
 รถเจ้าถิ่น Jeepney วิ่งเข้ามาถึงในตลาดเลย
อยากรู้ว่ารถไปที่ไหนให้สังเกตป้ายข้างรถ คือจุดที่รถนั้นวิ่งผ่าน

ของที่ขายดีตลอดกาลคือพัด เพราะคนที่นี่พกพัดกันทั้งชายและหญิง 



       หมูย่างที่นี่จะย่างทั้งตัวให้หนังกรอบและแห้งแต่เนื้อข้างในจะชุ่มและอมน้ำมันเคี้ยวกำลังพอดี คล้ายๆกับหมูกรอบของจีนแต่อร่อยกว่า  ร้านนี้ชื่อร้าน Kuya Erick มีขายทั้งแบบเป็นกับข้าวราดข้าว ไปจนถึงซื้อกลับบ้านแบบชั่งขายตามน้ำหนัก  นอกจากนั้นร้านนี้ยังขายกับข้าวอื่นๆ ในแบบข้าวแกงด้วย  โดยราคาจะสูงกว่าร้านทั่วไปพอสมควร แต่ถ้าใครอยากกินอาหารพื้นบ้านแบบฟิลิปปินส์แท้ๆ ร้านนี้ตอบโจทย์เลยเพราะมีทุกอย่างให้เลือกจ้า
หมูย่างร้านดังมีทั้งขายเป็นกิโลและขายแบบกินกับข้าว 
ร้านนี้หาง่าย พิกัดอยู่หลังโบสถ์ Baclaran 
นอกจากหมูย่างแล้วที่ร้านยังมีซุปเนื้อถ้วยใหญ่สำหรับทาน2คนด้วย
วิธีการสั่งอาหารต้องเดินไปสั่งชี้ที่ตู้แล้วก็ไปนั่ง เดี๋ยวเขาจะตามมาเสิร์ฟ 
นอกจากหมูย่างแล้วยังมีแกงชนิดต่างๆมากมาย 
เมนูปลาที่นี่ราคาถูกและชิ้นโตมากๆ
เบื้องหลังความอร่อยของจานนี้ในราคา 200 เปโซ


 แล้วเราก็ได้เวลาไปเดินเล่นชมห้างหรูย่านมากาติ (Makati) เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในวันอาทิตย์ ก่อนจะไปชมพระอาทิตย์ตกริมทะเลที่ห้าง Mall Of Asia (MOA) ห้างสรรพสินค้าที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในประเทศครับ


วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Mabuhay Philippines Episode2 : เพราะคิดถึง ฉันจึงมาหาเพื่อนที่ฟิลิปปินส์กับทริปสั้นๆ 3วัน Intramuros เมืองเก่าที่ได้กลิ่นอายแห่งความเป็นสเปน พร้อมไปเจอเพื่อนวัยใสไปเสพงานอาร์ตกันจ้า

          แดดร่มๆ ได้เวลาเดินเล่นบนกำแพงเมืองอินทรามูรอส (Intramuros) กันแล้ว กำแพงเมืองที่นี่สามารถเดินขึ้นไปชมได้เรื่อยๆ จนกว่าจะสุดทาง โดยบางตอนอาจต้องเดินลงมาบ้างเพราะไม่ต่อเนื่อง ถ้าใครไม่อยากเดินจะเหมารถม้าหรือรถสามล้อถีบที่ให้บริการก็ได้ แต่ต้องต่อรองราคาดีดี ราคาเริ่มต้นครึ่งชั่วโมง 750 เปโซ ไม่รวมค่าทิปคนขับรถ ถ้าใครมาเที่ยวมะนิลาแล้วไม่ได้นั่งรถม้าหรือเดินบนกำแพงเมืองอินทรามูรอสถือว่ายังมาไม่ถึงมะนิลานะ
ซากเมืองเก่าที่โดนไฟไหม้จนเหลือแต่โครงสร้าง
 มาเดินเล่นตอนบ่ายๆเย็นๆ คนจะไม่ค่อยมี
บ้านเรือนเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ 
ภาพนี้ถ่ายจากบนกำแพงเมืองที่เราเดินขึ้นไป          

ทางเดินบนกำแพงเมืองกว้างจนเดินได้สบายๆ เลย 
รถม้านำเที่ยวเป็นรอบๆ ให้ต่อรองราคาก่อนขึ้นให้ดี 
ป้อมสังเกตการณ์บนกำแพงเมือง
จุดนี้น่าจะเป็นส่วนที่กว้างที่สุดของกำแพงเมือง 
 สนามกอล์ฟเขียวๆ ข้างกำแพงเมืองอินทรามูรอส 
จะมีใครรู้บ้างว่านี่คือป้อมยามบนกำแพงเมือง 
ทางเดินบนกำแพงที่นำไปสู่ป้อมปราการอื่นๆ
เด็กและเยาวชนที่นี่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ อาศัยสถานที่บนกำแพงเมืองเสียเลย 
 หลายคนก็ได้มาอาศัยพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่
ปืนใหญ่ซึ่งแต่ก่อนยิงได้จริง บนกำแพงเมืองอินทรามูรอส 
น้องๆมหาวิทยาลัยที่นี่แต่งตัวตามสบาย 
สาวน้อยในชุดพื้นเมืองยืนโพสท่าบนกำแพงเมือง
เราก็เพิ่งรู้นะว่าบนนี้เอาจักรยานขึ้นมาขี่ได้ด้วย 
อาคารโดยรอบกำแพงเมืองยังถูกอนุรักษ์ไว้

          บ้านเรือนในเขตเมืองเก่าIntramurosกลมกลืนไปกับกำแพงเมือง หลายจุดก็ถูกทิ้งร้างจนใกล้จะพังทลายลงมา ยามเย็นจะมีผู้คนมาพักผ่อนทำกิจกรรมบนกำแพงเมืองกันก็เยอะ บางช่วงก็กว้างมากๆ เราเดินมาจนสุดทางจรดแม่น้ำปาสิก (Pasig River) เสียดายที่ครั้งนี้เราไป Fort Santiago ที่เป็นป้อมปราการโบราณ เสียค่าเข้าเพิ่มเติม 70 เปโซ ไม่ทัน เพราะว่ามันจะปิดแล้ว
 สุดทางของกำแพงแล้วถึงเวลาต้องลงเดินถนนด้านล่าง
บางจุดของป้อมปราการก็เคยเป็นที่คุมขังในสมัยก่อน 
 มาถึงแล้วอาคารที่เก่าแก่ใกล้พังที่เคยเป็น Custom มาก่อน

ตึกที่ปัจจุบันเหลือแต่โครงสร้างภายนอกอาคาร 
อาคารศุลกากรเก่าที่ใครๆก็มักจะมาถ่ายรูปที่นี่
 ความเจริญของเขตเมืองใหม่ตรงข้ามกับเมืองเก่า 
เมืองใหม่และเมืองเก่าถูกคั่นด้วยแม่น้ำ Pasig
งานศิลปะสวยๆสะท้อนการเมืองและสังคมริมกำแพง 

รถเจ้าถิ่นประจำเขตเมืองเก่า เอกลักษณ์ของฟิลิปปินส์ 

        ตอนเย็นเราเลยนัดเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง เราเรียก Grab Taxi จากหน้าโบสถ์มะนิลา ไปหานางที่ห้าง SM Megamall ที่ไกลออกไปราว 20กิโลเมตร ในย่าน Mandaluyong ตลอดทางรถค่อนข้างติดแต่ Application คิดราคามาแค่ 270 เปโซ 

Manila Cathedral ยามเย็นก่อนที่จะปิดทำการคนแน่นเชียว 

ห้าง SM Mall เป็นห้างที่มีสาขามากมายกระจายทั่วประเทศฟิลิปปินส์ ของกินในห้างมีทั้งถูกและแพง ฉันได้เตรียมผ้าขาวม้าที่ผลิตมาเป็นผ้าพันคอให้นางเป็นของขวัญจากเมืองไทย นางจึงพาไปเลี้ยงไก่ Bon Chon ขอบคุณมิตรภาพที่ยาวนานมากว่า 7 ปีนะ ก่อนกลับนางยังบอกว่า อย่ากลับดึกนะเพราะที่พักของคุณไกลจากที่นี่มาก ขากลับเรานั่งรถไฟฟ้ากลับไปลงสถานี EDSA ค่าโดยสารแค่ 35เปโซเอง
เพื่อนฉัน Jasmine O Solano ชอบเสพงานศิลปะเป็นที่สุด 

รวม Gallery ของศิลปินชาวฟิลิปปินส์ 
 มีความสุขทุกครั้งที่ได้มาชมงานศิลปะ โดยเฉพาะที่จัดในห้าง

ภาพนี้เป็นวิวสูงของกรุงมะนิลาย่าน Makati
ไก่ Bon Chon เป็นของขึ้นชื่อที่อินเทรนด์ที่นี่และทานกับข้าวสวยค่ะ นางกล่าว


พรุ่งนี้วันอาทิตย์ เราจะตื่นสายๆ พาดูวิถีคนเมืองมะนิลาที่เข้าโบสถ์กันอย่างเคร่งครัดและพาชิมหมูกรอบแสนอร่อยขึ้นชื่อร้านดังจ้า