พระธาตุหมากโมรูปทรงระฆังคว่ำ 
เราเคยมาเยือนที่นี่เมื่อ12ปีที่แล้วเอง แล้วได้กลับมาอีกครั้ง
       วัดวิชุนนะราชหรือพระธาตุหมากโมโดดเด่นด้วยเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ซึ่งเป็นเจดีย์แบบลังกาได้รับอิทธิพลมาจากทางอินเดีย
ดูคล้ายกับแตงโมคว่ำ ที่ทางคนลาวเรียกว่าหมากโม ผู้สร้างคิอพระวิชุลราชน่าจะเป็นวัดเดียวในหลวงพระบางที่มีเจดีย์ทรงนี้
แต่ก่อนเป็นที่ประดิษฐานพระบาง
ปัจจุบันที่สิมหลักเป็นสถานที่เก็บพระพุทธรูปเก่าแก่ปางต่างๆ เป็นจำนวนมาก สำหรับค่าเข้าชมวัดแห่งนี้อยู่ที่
20000กีบจ้า
หลายคนขี่จักรยานมาที่นี่ มีลานจอดรถ
ดูชัดๆอีกทีกับพระธาตุหมากโม 
พระประธานประจำสิมวัดวิชุนนะราช 
คนที่มาทำบุญจะมีพานพุ่มดอกไม้ พานบายศรี 
ดูแล้วน่าจะเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่นี่ 
แม่ฉันส่องดูโบราณวัตถุที่เก็บอยู่ภายในสิม
พระพุทธรูปภายในสิม 
       ติดกับวัดวิชุนนะราชคือวัดอาฮามอุตะมะทานี  ที่มีขนาดเล็กกว่า ภายในสิมมีภาพวาดสวยงาม
และที่สำคัญด้านหน้าของสิมยังมีพระธาตุตั้งอยู่สององค์อีกด้วย
วัดอาฮามสร้างหลังจากวัดวิชุนนะราชหลายร้อยปีอยู่
ทั้งสองวัดนี้ตั้งอยู่บนถนนวิชุนนะราช เวลาเปิดปิด 7.00-17.30 น. 
สิมวัดอาฮามสร้างแบบเรียบง่าย 
พระธาตุขนาดเล็กๆ สององค์ 
ยักษ์เขียวหน้าวัดอาฮาม อุตะมะทานี 
พระประธานภายในวัด
             เรานั่งรถกลับไปแถวที่พักอีกครั้งเพื่อไปไหว้พระที่วัดสบสิกขารามและวัดแสนสิกขาราม
ทั้งสองวัดตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกันคือถนนสักกะลิน
แต่ท้องของแม่เริ่มหิวอีกครั้ง เราเลยไปนั่งกินขนมชิวๆกันที่ ร้านเลอบานตง (
Le Banneton Cafe)ก่อน เป็นร้านคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดสบสิกขาราม ร้านนี้จะโดดเด่นด้านเมนูพายมะนาวและครัวซองต์ฝรั่งเศส
เราไปช่วงบ่ายแก่ๆ ขนมจึงเหลือน้อยแล้ว ด้านราคาขนมกับเครื่องดื่มจะสูงนิดนึง
ดังนั้นค่าเสียหายมื้อนี้เลยพุ่งไปถึง 83000 กีบ แต่เมื่อแลกกับความอร่อยถึงเครื่องนมเนย
เราสองแม่ลูกให้สองผ่านจ้า 
เราสั่งขนมมาแค่อย่างละชิ้นเองจ้า  
ทาร์ตพิททาซิโอราสเบอรี่กับทาร์ตลูกแพร์ครีมวานิลลา 
ครัวซองต์ที่นี่มีโปรโมชั่น ซื้อ4ชิ้นแถม1ชิ้น 
ขนมอบใกล้จะหมดแล้วในรอบบ่าย 
วัดสบสิกขารามหรือที่ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่าวัดสบ
เดิมมีชื่อว่า วัดสบเซียงทอง มีอายุกว่า 500ปี ว่ากันว่าน่าจะสร้างขึ้นมาคู่กับวัดสบเชียงคานที่จังหวัดเลยในยุคเดียวกัน
คำว่าสบ น่าจะหมายถึงพระบรมศพ
ซึ่งวัดเหล่านี้ครั้งนึงเคยเป็นสถานที่จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงนั่นเอง 
วัดสบสิกขาราม วัดขนาดเล็กๆ ตรงข้ามกับร้านคาเฟ่ 
สิมเล็กๆของวัดสบ 
                วัดแสนสุขาราม
ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดแสน ชื่อของวัดที่ชื่อวัดแสนนี้มาจากเงินบริจาค
1แสนกีบ ที่ใช้เป็นทุนในการก่อสร้างในยุคนั้น
โดดเด่นด้วยผนังวัดทาสีแดงพร้อมลายลงรักปิดทอง และพระยืนที่โดดเด่นอยู่ภายใน
เรียกว่าพระเจ้า 18ศอก ด้วยว่าความสูงขององค์พระสูงถึง 18ศอกนั่นเอง
นอกจากนี้บริเวณหน้าวัดแสนยังเป็นจุดที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมาใส่บาตรพระตอนเช้าอีกด้วย
เชื่อว่าเป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยที่สุดขณะตักบาตรอีกด้วย
หลังคาของสิมวัดแสนสุขาราม 
หอพระพุทธรูปที่สูง 18 ศอก 
ชาวบ้านนิยมปั้นข้าวเหนียวมาวางเพื่อทำบุญที่วัด
ที่มาของพระเจ้า18ศอก มาจากพระยืนองค์นี้ 
สถาปัตยกรรมแบบหลวงพระบางโดดเด่นมากในวัดนี้ 
                เสร็จจากไหว้พระเราแพลนจะไปขึ้นพระธาตุพูสีกันต่อ
แต่งานนี้แม่เราขอบาย
นางขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทานอาหารเย็นแบบพื้นเมืองลาวแท้ๆ ที่ร้านตำหนักลาวในค่ำนี้
งานนี้เลยกลายเป็นว่าเราได้เดินเดี่ยวปีนขึ้นพระธาตุพูสีแต่เพียงผู้เดียว 
แม่ฉันมีความสุขระหว่างทางเดินกลับโรงแรมที่พัก 
รถซีตรองสีแดงในตำนาน ที่ใครๆเดินผ่านเป็นอันต้องหยุดถ่ายรูป 
                พระธาตุพูสี
ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง150เมตร จะพิชิตพูสีได้จะต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น
มีทางขึ้นลงสองทางคือฝั่งด้านถนนติดแม่น้ำคานกับฝั่งตรงข้ามกับหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง
เราเลือกที่จะเดินขึ้นฝั่งตรงข้ามหอพิพิธภัณฑ์เพราะวิวดีกว่า มีค่าธรรมเนียมเข้า
20000 กีบ ครับ
ยังไม่ทันมืดค่ำ พ่อค้าแม่ค้าตลาดมืดก็มาตั้งแผงรอแล้ว 
บริเวณทางเดินขึ้นพระธาตุ
บันไดสูงชั้น 328ขั้น มีชานพักเป็นระยะๆ
ตำนานพระเสื้อเมืองประจำพระธาตุพูสี กับอดีตพระราชวังหลวง
            ถึงแม้ว่าพระธาตุพูสีจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปสักการะตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ
แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือการได้มาชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อมชิมวิวเมืองหลวงพระบางแบบ
360องศา บนยอดพูสี เราเลยแนะนำให้มาหลังสี่โมงเย็นไปแล้ว อากาศจะดีไม่ค่อยร่อน
และกลับก่อนมืด เพราะเวลาเดินลงพูสีถ้าใครไม่มีไฟฉายจะลำบากนิดนึง
เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างที่นี่
พระธาตุพูสีปัจจุบันห้ามปีนแล้ว 
วิวมุมสูงของพระธาตุพูสี 
บ้านเรือนเก่าๆ ใจกลางเมืองมรดกโลก 
เมืองหลวงพระบางอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคาน 
พานบายศรีที่คนเอามาตั้งบูชาไว้ริมพระธาตุ
เสียดายที่พระอาทิตย์ไม่ตกดินให้เห็น เลยขอมานั่งเล่นริมน้ำคานแทน 
                ชมพระอาทิตย์ตกดินเสร็จก็ได้เวลาพาแม่ไปทานอาหารพื้นเมืองแบบสำรับลาวแท้ๆกัน
ร้านที่เราเลือกอยู่ไม่ไกลจากที่พักสามารถเดินไปได้ นั่นคือร้านตำหนักลาว (Tamnak
Lao) ที่เขาเปิดเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารด้วยนะ ตำหนักลาวขายอาหารทั้งแบบเป็นเซ็ทและแบบปกติ
ที่อร่อยมากๆสำหรับมื้อนี้เห็นจะเป็นลาบไก่และสลัดหลวงพระบาง รสชาติกินขาดมากจ้า
ยิ่งกินแกล้มกับเบียร์ลาวด้วยนะสุดยอด 
เมนูอาหารร้านตำหนักลาว
เซ็ทอาหารที่เราสั่งมาแล้วแบ่งกินกันสำหรับคนที่ทานมื้อเย็นไม่เยอะ
พายแอปเปิ้ลคือดีงามมากๆ 
พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปตักบาตรเช้าแถวๆวัดแสน
กับพาไปเดินตลาดเช้าก่อนกลับจ้า


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น