วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

One day in Oman, Muscat highlight city tour เที่ยวโอมานวันเดียวก็เฟี้ยวได้ ชมไฮไลท์ประจำเมืองมัสกัต

           
  วันเวลาเที่ยว1วันในมัสกัตนั้นสั้นยิ่งนัก เที่ยวมัสกัต เที่ยวโอมานอย่างไรให้คุ้ม เราคงต้องทำเวลาในแต่ละจุดแล้วล่ะ       
ระหว่างทางเราได้แวะทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารอินเดียในตัวเมือง ในกรุงมัสกัตมีคนอินเดียเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงเห็นร้านอาหารอินเดียมากกว่าอาหารอาหรับ วันนี้เราก็ได้มาลองชิมข้าวหมกไก่ ในราคาจานละ 1.7 เรียลโอมาน ตกประมาณ จานละ 150บาท วัฒนธรรมที่นี่แบบเดิมๆ จะนั่งกินกับพื้นเปิบด้วยมือ เมื่ออิ่มหนำสำราญก็สามารถเอนกายพิงหมอนที่หุ้มด้วยผ้าทอลายพื้นเมืองจากทะเลทรายวาฮีบาได้ 
ร้านอาหารกึ่งๆ อินเดียกึ่งๆอาหรับ 
คนให้บริการและพ่อครัวส่วนใหญ่เป็นคนอินเดีย 
วันนี้เรามีเพื่อนกินข้าวอีกแล้วตั้งสองคนแน่ะ
ชุดประจำชาติโอมานของผู้ชายเป็นชุดคลุมสีขาวยาวพร้อมหมวกทรงสูงสีขาว 
จานเรียกน้ำย่อยจะเป็นซุปรสเปรี้ยวกับผักแนมข้าวหมกไก่ 
ข้าวหมกไก่ที่นี่จานใหญ่มาก 1 จาน ต้องแบ่งกันกินถึง3คน 
หมอนอิงลายพื้นเมืองประจำชาติโอมาน

        รถแล่นผ่านตลาดมุตตระ (Muttrah Souq) แต่ไม่สามารถจอดรถได้ เนื่องจากตำรวจกวดขันมาก เลยอดได้ภาพตลาดพื้นเมืองสวยๆ มาฝาก พี่เขาเลยพาไปรียัมพาร์ก (Riyam Park) สวนสาธารณะและสวนสนุกประจำเมืองมัสกัต ที่นี่จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนในช่วงเย็นๆหลังอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เพราะมีเครื่องเล่นให้เด็กๆเล่นมากมาย 
ระหว่างทางได้ผ่านห้างขนาดใหญ่ในมัสกัตด้วย 
รถยังแล่นผ่านภูเขาหินสีน้ำตาลลูกแล้วลูกเล่า
อาคารที่นี่ส่วนใหญ่จะทาสีขาวกับสีเหลือง สีอื่นๆมีน้อยมาก 
อาคารพาณิชย์ในเขตย่านเมืองเก่า  
เสียดายที่ไม่ได้เดินตลาดมุตตระมาก ไม่มีที่จอดรถ
ภูเขาเตี้ยๆในสวนสาธารณะ Riyam Park 
สวนสนุกริมทะเลเบื้องบนคือหอกำยาน 
ร้านค้ายังไม่เปิด คงต้องรอให้เย็นๆกว่านี้ก่อน

     ใกล้กับสวนสนุกเป็นที่ตั้งของหอกำยานขนาดยักษ์สีขาวเห็นเด่นแต่ไกล หอกำยานสลักลวดลายสวยงามแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันชาติครั้งที่ 20 ของประเทศโอมาน น่าเสียดายที่เขาปิดไม่ให้เดินขึ้นไปชมข้างบนหอซึ่งในตัวเมืองมัสกัตมักจะเต็มไปด้วยภูเขาหินเตี้ยๆ สีน้ำตาลตลอดทั้งเมือง 
เสียดายที่ทางขึ้นหอกำยานปิด เลยอดขึ้นไปถ่ายมุมสูง 
เลยขอถ่ายคุณพี่เข้าฉากเสียเลย 
สวนสาธารณะที่นี่หญ้าเขียวมากผิดกับเปลวแดดที่แผดเผา  
ถ้ามีลมทะเลพัดขึ้นมาเสียหน่อยคงจะดีขึ้น
ขอแอบเอาหมวกพี่เขามาใส่หน่อย

        สถานที่ต่อไปที่เราจะพาชมคือย่านพระราชวังและเมืองเก่า เราจะพาชมพระราชวัง Al Alam Palace เป็นพระราชฐานของท่านสุลต่านคาบูส เป็นอาคารสวยๆโดดเด่นด้วยเสาสีทองและสีฟ้า สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1972 นี่เอง บริเวณโดยรอบเป็นลานขนาดกว้างใหญ่และอาคารที่ทำการของรัฐบาลหลายตึก ทุกตึกทาด้วยสีขาวสะอาดตา บริเวณใกล้กันเป็นที่ตั้งของป้อมประวัติศาสตร์ Fort Mirani และ Fort Jalali สร้างขึ้นโดยโปรตุเกสในศตวรรษที่ 15 ขณะที่มายึดครองมัสกัต ป้อมทั้งสองอยู่บนยอดเขาสีน้ำตาล เป็นจุดที่สามารถมองออกไปได้ไกลในอ่าวโอมาน 
ตึกสถานที่ราชการพอเราถ่ายเสร็จมีเจ้าหน้าที่มาไล่ทันที 
ลานนี้อยู่ตรงข้ามกับพระราชวัง Al Alam 
ด้านข้างของอาคารตรงข้ามพระราชวัง
โฉมหน้าพระราชวัง Al Alam มาตอนเย็นเงียบสงบมาก
อาคารข้างๆพระราชวัง 
นักท่องเที่ยวที่นี่บางตามาก ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป 
พระราชวังสร้างในปี ค.ศ.1972 มีลักษณะเป็นอาหรับเรโทร ดูที่เสาสิ 
Fort Jalali ป้อมปราการบนยอดเขา
หนุ่มโอมานที่นี่แซ่บจริงๆจ้า 
บริเวณพระราชวังเงียบเหงาจริงๆ  
ตรงนี้คือส่วนของกำแพงเมืองเก่า 
มัสยิดเก่าแก่ในเขตพระราชวัง
บางแห่งก็กำลังบูรณะอยู่ 

        และไฮไลท์ของเราวันนี้คือ การได้ขึ้นป้อมปราการที่ตั้งสูงตระหง่านเพื่อชมวิวอ่าวโอมานและพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ครับ กว่าจะเดินขึ้นไปถึงป้อมชั้นบนสุดก็เล่นเอาหอบเหมือนกันเพราะทางเดินขึ้นทั้งสูงชันและแคบ ป้อมปราการมีขนาดเล็ก ภายในบรรจุปืนใหญ่โบราณโดยหันปากกระบอกปืนออกไปหน้าอ่าว จุดนี้เราสามารถชมเมืองมัสกัตได้ในมุมสูงและอ่าวโอมานทั้งหมดที่เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันเป็นทิวทัศน์ที่แปลกตาออกไป 
กีฬาฟุตบอลเป็นที่นิยมของหนุ่มๆที่นี่ 
ตะวันใกล้ตกดินแล้ว ได้เวลาไปขึ้นป้อมชมวิวกัน
ทางขึ้นป้อมเพื่อชมวิวทะเลอ่าวโอมาน
หอกำยานอยู่ฝั่งตรงข้ามของป้อมปราการพอดี 
ทะเลอ่าวโอมานไม่มีหน้าหาดแต่เป็นหน้าผาตัดลงไป
ยอดเขาทุกลูกในมัสกัตมักจะมีป้อมปราการตั้งอยู่
อาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว ณ ริ่มอ่าวโอมาน 
วิวฝั่งเมืองและสวน Riyam Park  
ปืนใหญ่ของจริงแบบโบราณบนป้อมปราการ 
ริมทะเลไม่มีหน้าหาดมีแต่หน้าผาสูงชัน 
ตะวันลับฟ้าแล้วจ้า งดงามมาก ลาแล้วมัสกัต

         และเมื่อตะวันลับฟ้าแล้วเราก็ถึงเวลาที่จะจากลาโอมาน ถึงแม้ว่าจะเป็นทริปที่สั้นที่สุด เพราะเราแค่แวะเปลี่ยนเครื่องในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง แต่ก็เป็นประเทศที่ยังคงมีกลิ่นอายอาหรับอยู่มาก ตั้งแต่ผู้ชายทุกคนประพรมน้ำหอมที่ตัวยังไม่พอ ยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดียวกันฉีดประพรมในรถด้วยถือเป็นธรรมเนียมต้อนรับแขกของที่นี่ หากใครจะแวะเที่ยวที่บ้านหรือขึ้นรถ หน้าที่ของเจ้าบ้านหรือเจ้าของรถจะนำน้ำหอมมาประพรมต้อนรับ พร้อมกับเชื้อเชิญให้แขกได้ทดลองกลิ่นต่างๆอีกด้วย โดยกลิ่นน้ำหอมอาหรับมักจะมี Oud เป็นส่วนผสม
ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว ถึงเวลาต้องรีบไปสนามบิน
ลาก่อนความเวิ้งว้างและเงียบสงบของที่นี่แล้วฉันจะมาอีก

      เราจากลากับพี่แท็กซี่ให้เขามาส่งที่สนามบินมัสกัตตอนสองทุ่ม ในเมื่อเราพลาดเดินตลาดพื้นเมืองก็ต้องลองไปส่องข้าวของในสนามบินมัสกัตดูซิว่า ประเทศโอมานมีของซื้อของฝากโอมานอะไรบ้าง แต่ราคาค่อนข้างแพงตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ลายชนเผ่า และตะเกียงอะลาดิน ตุ๊กตาอูฐ ตุ๊กตาคนอาหรับ ชุดถ้วยแก้ว ราคาเริ่มต้น 3 เรียลโอมานขึ้นไป แล้ววันเวลาในทริปตะวันออกกลางก็สิ้นสุดลง เมื่อมีเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง ลาก่อนนะโอมาน เที่ยวหน้าเราจะมาเที่ยวแบบจัดเต็มสัก 7 วัน ไปเที่ยวให้ทั่วประเทศตั้งแต่หัวจรดใต้
ถ้วยชามแก้วกาแฟลวดลายประจำชาติโอมาน ราคาแพงมาก 
ลวดลายแบบนี้มีขายที่สนามบินมัสกัตเท่านั้น
ผ้าคลุมไหล่ลายสวย 
มีหนังสือแนวขับรถเที่ยวตะลุยทะเลทรายด้วยแฮะ 
ของที่ระลึกจากโอมานแต่ละชิ้นราคาแพงกว่าของดูไบมาก 
ตะเกียงอะลาดินราคาสูงเอาการอยู่ 
ชุดแก้วหุ้มทองสลักสวยงามอยู่ 
แก้วมัคหน้าอูฐ แก้วละ 440 บาท 
สบู่หอมกลิ่น OUD ก้อนละ 290 บาท 
กล่องเงินกล่องโลหะที่นี่สวยอยู่ 
โถใส่กำยานขนาดเล็ก ราคาร่วมพันบาท
แม้แต่ที่คั่นหนังสือยังสวยเลย

     พอเหอะจะบ้าช้อปกันไปถึงไหน เก็บเงินไว้ทริปหน้า เพราะต้องพาขุ่นแม่ไปเที่ยวหลวงพระบางด้วยจ้า เป็นครั้งที่สามที่เราได้พาแม่แบกเป้เที่ยวหลังจากที่ผ่านบททอดสอบสิงคโปร์และฮ่องกงมาแล้ว แล้วติดตามชมตอนหน้านะ