วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561

Mabuhay Philippines Episode2 : เที่ยวมะนิลา เพราะคิดถึง ฉันจึงมาหาเพื่อนที่ฟิลิปปินส์กับทริปสั้นๆ 3วัน

          ยังจำได้ว่าเมื่อ8 ปีที่แล้ว เราเคยมาเยือนที่นี่ มาแบบไม่รู้อะไร มาแบบมีข้อมูลมานิดเดียวเพราะไม่มีคนเขียนคนแชร์ ต้องอ่านบล็อกภาษาอังกฤษแล้วก็คลำๆไป เน็ตก็ไม่มีจ้า ทางอยู่ที่ปากกับแผนที่กางๆเท่านั้น  สุขบ้างทุกข์บ้างคละเคล้ากันไปตามวิถีคนเที่ยวแบบประหยัด จำได้ว่าทริปนั้นสี่วัน ไปได้ทั้งภูเขาไฟนอกเมือง ไปเดินห้าง ไปชมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของกรุงมะนิลา ได้มิตรภาพใหม่ๆ มาหลายคนและยังติดต่อกันทางเฟสบุคอยู่ แล้ว 8 ปีผ่านไป อะไรอะไรมันก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยล่ะ 
พาหนะท้องถิ่นรถJeepney ยังคงอยู่เหมือนเดิม
ห้างใหญ่ Mall of Asia ตอนนี้มีสวนสนุกแล้วนะ
ตอนนี้พร้อมมากๆพูดเลย อีก4ชั่วโมงเจอกันนะ

         ทริปสั้นๆ เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จากเพื่อนที่ฟิลิปปินส์ทั้งสองคน inbox มาว่าจะมาเที่ยวเมืองไทยนะปลายปีนี้ เราก็คิดว่าทำไมเราไม่ไปหาเขาก่อนเสียแต่ต้นปีล่ะ งานนี้ต้องขอขอบคุณสายการบินราคาประหยัด Cebupacific ที่ปล่อยโปรแรงในราคาตั๋วไปกลับ กรุงเทพ-มะนิลา มาในราคาแค่ 2275 บาท แถมเดินทางในเดือนมกราคมที่อากาศดีที่สุดและเย็นสบาย  ใครเล่าจะอดใจไม่ให้ลั่นมือได้ไหว

สามารถเข้าไปดูตั๋วได้ที่ www.cebupacificair.com
เครื่องบินลำใหญ่แบบสามแถว จุคนได้มากกว่า 280ที่นั่ง
ความกว้างระหว่างแถวที่นั่งก็ดีด้วย 
ไฟลท์เช้าเดินทาง 9.00 น.คนไม่เยอะ นั่งสบายๆ

              ปัจจุบันนอกจากสายการบินเซบูแปซิฟิคที่เปิดบินตรงฟิลิปปินส์แล้ว ยังมีสายการบิน แอร์เอเชียที่เปิดบินตรงเช่นกัน โดยเข้าไปดูหน้าเว็บและกดจองได้เลย ราคาจะถูกกว่ากันหน่อย แต่ความสบายในการนั่งต่างกันนะเพราะทางเซบูแกใช้ลำใหญ่บินขนาด 280ที่นั่งจ้า หรือใครอยากบินแบบสบายๆ ก็จัดการบินไทยหรือฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ได้เลย
เส้นทางบินของ Cebupacific 
ได้อุดหนุนมาม่าคัพกับกาแฟร้อนรองท้อง ยกชุดราคาไม่แพง 100เปโซจ้า 

                ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มาเที่ยวเองได้ไม่ยาก ผู้คนสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีฟังเราเข้าใจทุกคำ คนไทยมาเที่ยวที่นี่แบบไม่ต้องขอวีซ่าโดยอยู่ได้ยาวถึง21 วัน ตม.เป็นมิตร ถึงตัวประเทศจะเป็นหมู่เกาะอยู่ทางทิศตะวันออกในเขตประชาคมอาเซียน แต่กลับต้องใช้เวลาเดินทางเกือบสี่ชั่วโมง ก็เพราะว่าระยะทางมันไกลนั่นเอง อย่าเพิ่งเบื่อนะ เพราะบนเครื่องของCebupacific มีอาหารขายและมีของที่ระลึกมาคอยหลอกล่อให้คนซื้อตลอดการเดินทาง และมีเกมส์ทายชิงรางวัลให้ผู้โดยสารได้เล่นบนเครื่องอีกด้วย แปบเดียวเครื่องก็ร่อนลงสนามบิน Ninoy Aquino ประจำกรุงมะนิลา (Manila) แถมสนามบินใหม่ไฉไลกว่าเดิมมาก มีการตกแต่งสวยงามต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอย่างดีเลย
เดี๋ยวนี้เขามีภาพแนวStreet Art  ต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้วนะ
ยังแปลกใจอยู่ว่านี่สนามบินหรือพิพิธภัณฑ์ 
นี่แหละดาราหน้ากล้องเสน่ห์ของเมืองหลวงมะนิลา 
รถคันนี้คือรถจริงแต่นำมาผ่าครึ่งให้บริการ 
ผ้าทอผืนนี้ก็ผ้าลายชนเผ่าของจริงแต่ทอแบบผืนใหญ่

         การเดินทางในกรุงมะนิลา Metro Manila นั้นง่ายกว่าเมื่อ 8ปีที่แล้วมาก เพียงแค่มีแอพ Grab Taxi ก็สามารถมาเรียกใช้บริการรถที่นี่ได้เลย แถมราคาค่าโดยสารก็ตามจริงไม่โดนฟัน ส่วนรถสาธารณะอื่นๆก็ยังคงมีรถไฟฟ้าแค่2สาย แต่มีส่วนต่อขยายออกไปบ้าง นอกจากนี้ก็ยังมีรถเมล์ รถตู้แวน รถถีบสามล้อและรถโดยสารท้องถิ่น  Jeepney ที่เป็นหน้าเป็นตาของฟิลิปปินส์ เหมือนรถตุ๊กๆในบ้านเรา มาเที่ยวนี้เราได้ขึ้นรถเกือบทุกชนิดเลยจ้า ราคาค่าโดยสารจากสนามบินมาที่พักในบ่ายวันศุกร์ที่รถติดมากๆ เต็มที่ 180 เปโซ 
และแล้วก็ได้เวลารอรับกระเป๋าเพื่อที่จะเดินทางไปต่อกันจ้า 

 เราสามาถเปิดแอพเรียก Grab Taxi ได้ตั้งแต่อยู่ในสนามบินเลย
แล้วเราก็ออกมายืนรอรถตรงนี้ ช่วงบ่ายๆ คนไม่เยอะเท่าไร
แต่บ่ายวันศุกร์บนท้องถนนรถติดมากๆ

         พอถึงที่พักที่ได้จองไว้ใน Air BNB ก็เป็น Hostel ขนาดเล็กๆ ในเครือ YHAมีสัดส่วนแยกออกมาจากถนน ราคาไม่แพง ตกคืนละ 750 เปโซ ค่อนข้างปลอดภัย วางกระเป๋าไม่นาน คุณเพื่อนต่างวัยโทรศัพท์เข้ามาทันที คุณถึงฟิลิปปินส์หรือยัง อิชั้นทำผมรออยู่ที่ห้าง SM Mall สาขา St. Ortigas นะ ตอนแรกก็งงๆว่าห้างมันอยู่ที่ไหน แต่มาที่นี่เครือข่าย Maps ครอบคลุมหมดแล้วเปิด Google Maps หาได้เลยจ้า
ที่พักของเราสำหรับคืนแรก ใครเช่ารถมาก็มีที่จอดจ้า

อยากบอกถึงคนที่มาเที่ยวมะนิลาในวันศุกร์ จงทำใจเรื่องรถติดเพราะมันสาหัสกว่าบ้านเราหลายเท่าตัว เลิกคิดไปได้เลยเรื่องรถแท็กซี่ในระยะทางที่มากกว่า 15 กิโลเมตรขึ้นไป เราเลือกใช้บริการรถ Jeepney จากป้ายแถวหน้าโรงแรมไปลงยังสถานีรถไฟฟ้า EDSA ค่าโดยสารแค่ 7เปโซ แล้วต่อรถ LRT ไปลงสถานี ST. Ortigas ราคาตั๋ว 30 เปโซ คนต่อคิวซื้อตั๋วยาวมาก และกว่าจะได้ขึ้นไปบนชานชาลาเกือบครึ่งชั่วโมง ยังแอบสงสัยว่าทำไมที่นี่ไม่ทำระบบบัตรแตะรายเดือน  พอได้ขึ้นรถไฟเท่านั้นแหละ ว้ายตายแล้วโรงงานปลากระป๋องมีจริงจ้า
สองข้างทางในเมืองมะนิลากับความวุ่นวายบนรถ Jeepney



         คุณป้า Mila Corpus รอเราอยู่ที่ร้านทำผมบนห้าง SM Mall ตลอดเวลาที่ได้นั่งคุยกันเกือบ 4 ชั่วโมง ทำให้รู้ว่านางเกษียณแล้ว แต่ยังรับงานตกแต่งตามอีเว้นต์เล็กๆน้อยๆ ลูกนางโตจนเพิ่งแต่งงานออกไป นางเลี้ยงอาหารพื้นเมือง 1มื้อ พร้อมด้วยกาแฟตบท้าย นางวางแผนจะมาเที่ยวเมืองไทยปีนี้แหละ ถ้าคุณมาหาฉันอีกคราวหน้า ฉันจะพาไปเที่ยวเกาะ Palawan และ Boracay นะ ขอให้บอกล่วงหน้านะ ด้วยมิตรภาพอันยาวนานกว่า7 ปี ฉันสัญญาว่าจะมาหาคุณป้าอีกนะ
ห้างSM มีสาขามากมายกระจายทั่วฟิลิปปินส์
 ขอบคุณสำหรับมื้ออาหารที่แสนอร่อยและมิตรภาพยาวนาน7ปี

แก้วกาแฟแบบ Pinoy Edition ก็มีนะ

          ขากลับเราแยกย้ายกันกลับบ้านคุณป้าอยู่ไม่ไกลจากห้าง ส่วนที่พักเรานั้นไกลมาก และหลังสี่ทุ่ม ต้องจำไว้เลยว่า รถไฟฟ้าขาเข้าเมืองนั้นหมดแล้ว มีแต่รถขาออก งานนี้เลยต้องอาศัยส่องรถเมล์แอร์ที่เขียนว่าไป EDSA - Mall of Asia เพื่อที่จะได้ไปลงจุดที่ใกล้ที่พักที่สุด ค่าโดยสาร 20เปโซ  ขากลับได้เดินผ่านตลาดนัดกลางคืนที่เหมือนจะเปิดขายของทั้งคืน มะนิลา2018 นั้นเปลี่ยนไปเยอะ ถนนหนทางสว่างไสว ไม่น่ากลัวไม่เปลี่ยวเหมือน8ปีที่แล้ว ผู้คนเยอะขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  พรุ่งนี้แหละ เราถึงจะพาเที่ยวมะนิลาในตัวเมืองแบบเต็มวัน พร้อมเจอมิตรสหายรุ่นน้องอีกคนนึงจ้า
ตลาดนัดกลางคืนดึกแล้วก็ยังขายของ 

ส่วนใหญ่จะขายเป็นพวกเสื้อผ้า 
ร้านอาหารที่นี่ส่วนใหญ่เปิดถึงดึกเลย 
Lechon หรือหมูหันที่นี่ หน้าตาน่ากินมากจ้า

ตอนหน้าพาลุยย่าน Rizal Park และพิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยา ใจกลางเมืองเก่ามะนิลาจ้า