วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บินเดี่ยวเที่ยวศรีลังกา การเดินทางแบบชิลๆ จากสุวรรณภูมิถึงโคลอมโบต่อรถไปเมืองแคนดี้

                เราออกเดินทางไปศรีลังกาช่วงเดินสิงหาคม เป็นหน้ามรสุมแต่อากาศกำลังดี ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ช่วงเวละที่เหมาะสมกับการเดินทางมากที่สุดคือช่วงเดือน พฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม เพราะอากาศจะแห้งไม่มีฝนตก แต่ตั๋วออกมาเดือนสิงหาคมเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว เครื่องออกจากสุวรรณภูมิ 22.55 น. ไปถึงที่หมายเวลา 0.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศศรีลังกาซึ่งช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมงครึ่ง ใช้เวลาบินราวสามชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางเสริ์ฟอาหารบนเครื่อง1มื้อ เป็นข้าวแกงกะหรี่ไก่รสจัดจ้านแบบศรีลังกาเลย ใช้เครื่องบินลำใหญ่บินเหยียดขาได้สบายแอบงีบไปนิดในเวลาอันสั้น
พร้อมจะออกเดินทางกันแล้วนะ



              พอเครื่องแตะพื้นเราก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ Bandaranaike International Airport คนที่นั่น อ่านออกเสียงว่า “บัณดาระนายะเก”  แต่จะพูดรัวกว่านี้ เป็นภาษาประจำชาติ ภาษาสิงหล (Singhala) “สิงหะละ”    อันที่จริงแล้วคนที่นี่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับดีทีเดียว แต่ถ้าเราเรียนรู้ภาษาของเค้าเล็กๆน้อยๆ อาจเป็นคำง่ายๆ เช่น ขอบคุณ หรือสวัสดี มันจะช่วยสร้างเสน่ห์ในการเดินทางได้เยอะทีเดียว

อย่าลืมกรอกบัตรเข้าเมืองกันด้วย ถ้าบนเครื่องไม่แจกก็หยิบได้ที่ก่อนถึงตม.จ้า

สนามบินที่นี่ใหญ่และทันสมัยทีเดียวแหละ

             ทางเดินจากงวงช้างไปยังตรวจคนเข้าเมืองค่อนข้างไกลทีเดียว สนามบินมีขนาดใหญ่ควรรีบเดินสักนิด ระหว่างทางก็มีป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่ประเทศศรีลังกาโดยสาวสวย “อายุบอวัน.” Ayubowan เป็นคำกล่าวทักทายง่ายๆ แปลว่าสวัสดีนั่นแหละใช้ได้ตั้งแต่เช้ายันดึก แต่เรามาถึงที่นี่เสียตี 1 ถ้าไม่ใช้บริการรถรับส่งของโรงแรมก็จะหารถยากเต็มที ค่า Taxi เข้าเมืองหลวง Colombo “โคลอมโบ”  ราคา 2000 รูปี ขึ้นไป ถ้านอนเมือง Negombo “เนกอมโบ” ก่อนคืนแรกจะเสียค่ารถประมาณ 1500 รูปี แต่เราใช้บริการรถของโรงแรมที่จะไปพักเค้าคิดค่าบริการแค่ 700 รูปี โดยโรงแรมอยู่ห่างจากสนามบินแค่ 7 กิโลเมตร
Presenter มีทั้งสาวสวยพนักงานต้อนรับและสัญลักษณ์แห่งเมืองพุทธ

ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่นี่คิวไม่ยาว ถ้าทำวีซ่ามาแล้วก็ไม่มีปัญหา

             ที่พักคืนแรกเราจองผ่าน booking.com เข้าไปเพื่อขอวีซ่าศรีลังกาก่อน อยู่ในเขตเมืองเนกอมโบ (Negombo) สถานที่พักตากอากาศที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด โรงแรมที่เราจองไว้เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ น่ารักพักกับเจ้าของบ้าน มีชื่อว่า Grand Traverse Home stay บริหารงานโดย Mr. Rasika Fernando ชายหัวโล้นหน้าตาดีชาวสิงหลนับถือพุทธ อยู่ร่วมชายคาเดียวกับภรรยาที่นับถือคริสต์ การตกแต่งที่พักจึงทำได้อย่างลงตัว ภายในห้องพักมีฟูกปูกับพื้นพร้อมมุ้งครอบเป็นวงกลมจากด้านบน มีพัดลมให้ตัวนึง ภายในราคาที่คิดเป็นเงินแค่ 10U$ เอาน่า เหนื่อยมามากแล้วเราต้องนอนให้ได้

ภายในห้องพักและห้องรับแขกของ Grand Traverse Homestay
การตกแต่งอย่างน่ารักเรียบง่ายของโฮมสเตย์แห่งนี้

            เราตื่นสายประมาณ 8 โมงกว่า  จะต้อง Check out ออกไปและรีบหารถไฟเข้าไปในเมือง เพื่อต่อรถไฟไปเมืองแคนดี้ (Kandy) อีกทอดหนึ่ง เราจึงขอร้องให้เจ้าบ้านช่วยทำอาหารเช้าแบบพื้นเมืองให้ทานก่อนออกไปข้างนอก เขาทำข้าวหุงกะทิกับน้ำพริกรสเผ็ดแบบพื้นเมืองมาให้กิน พร้อมผลไม้สด 1 ชุด คำแรกที่กัดกินไปเรารู้สึกว่ามันเผ็ดซ่ามากเลย คือมีทั้งรสเผ็ดพริกและเผ็ดร้อนของหัวหอมและสมุนไพร อาหารเช้าทานคู่กับชาร้อนและกาแฟร้อน กินแทบไม่หมดข้าวมาคำใหญ่มากๆ เสร็จแล้วก็ให้เจ้าของที่พักดูรอบรถไฟเข้าเมืองให้ มีรอบ 9.30 น. หลังจากเคลียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จ (ค่าที่พักรวมอาหารเช้า 1250 รูปี) เขาจึงอาสามาส่งเราที่สถานีรถไฟฟรีๆ คงกลัวเราตกรถมั้ง จากที่พักถึงสถานีรถไฟเดินแค่ 300 เมตรเอง
ห้องรับแขกของที่พักซึ่งมีห้องนอนเพียง 4ห้องให้บริการ

ชุดเครื่องดื่มสำหรับมื้อเช้า

มาแล้วชุดอาหารเช้าแบบพื้นเมืองรสชาติเผ็ดมาก

         สถานีรถไฟแห่งนี้มีชื่อว่า Kurana อยู่ห่างจากเมืองหลวงโคลอมโบประมาณ 50 กม. ค่าโดยสารรถไฟต้องซื้อตั๋วที่สถานี 35 รูปี มันถูกมากๆ รถใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง เป็นรถธรรมดาสายชานเมืองแวะจอดเกือบทุกสถานี ภายในตู้โดยสารสะอาดและกว้างขวางเพราะรางของรถไฟที่นั่นประมาณ 2เมตร ก็จะทำให้ตู้โดยสารกว้างกว่าไทยด้วย


ป้ายสถานีและภายในตู้โดยสารรถไฟสายชานเมือง

สีสันของรถไฟศรีลังกา

บริเวณโดยรอบสถานี Kurana

            รถไฟที่นี่มีเสน่ห์ไม่ต่างจากรถไฟชั้นสามบ้านเรานัก ที่มีทั้งพ่อค้าและแม่ค้านำอาหารและเครื่องดื่มจากภายนอกขึ้นมาขาย และมีวณิพกร้องเพลงหาเงิน คนพื้นที่ที่ชอบคุยกับนักท่องเที่ยว หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวแบกเป้ทักทายคุยกันเอง อยู่บนรถเราได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นที่จะไปเที่ยวเมืองหลวงโคลอมโบแบบค้างคืน เราต่างลงสถานีเดียวกันคือ Colombo Fort Station สุดสายปลายทาง เมืองหลวงที่รถติด ผู้คนจอแจ แถมอากาศร้อนสุดๆ  พอลงจากรถเพื่อไปเข้าแถวซื้อตั๋วต่อไปยังเมืองอื่น เขาจะมีช่องสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะสำหรับซื้อตั๋วคล้ายกับอินเดีย ซึ่งแน่นเนืองไม่แพ้กัน มีทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติยืนต่อคิวกันยาว การเดินทางด้วยรถไฟในศรีลังกาได้รับความนิยมสูง เนื่องจากราคาถูก ใช้ระยะเวลาน้อยและปลอดภัยที่สุด 

โบกมืออำลาเมื่อถึงที่หมายรถไฟเทียบชานชาลา
อย่าลืมการไหว้ทักทายทุกครั้งพร้อมคำกล่าว อายุโบวัน (Ayubowan)

และแล้วก็ต้องเข้าคิวรอซื้อตั๋วต่อไป

           น่าเสียดายที่เราไม่ได้ซื้อตั๋วในเว็บล่วงหน้าเพราะมัวแต่ไปจัดการเรื่องที่พักและหาแลกเงิน เที่ยวรถจึงเต็มไปอีกสามวันสำหรับตั๋วรถไฟไปแคนดี้ จึงต้องเบนหัวเดินไปสถานีขนส่งแทนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เดินไปอีกแค่ 500 เมตร อยู่คนละฝั่งจากสถานีรถไฟ รถประจำทางไปแคนดี้จะออกทุกครึ่งชั่วโมง เป็นรถร้อน ใช้เวลาเดินทาง 4ชั่วโมงเต็ม ค่าโดยสาร 143 รูปี ไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะได้จองโรงแรมที่นั่นทิ้งไว้
การจราจรที่จอแจหน้าสถานีรถไฟ

สถานีรถไฟ Colombo Fort

ตึกที่เห็นนั่นคือกรมศุลกากรของที่นี่ ข้ามถนนแล้วเดินย้อนอีกนิดจะเจอสถานีขนส่ง

               ระยะทางจากกรุงโคลอมโบไปยังแคนดี้ไม่ถึง 200 กิโลเมตร แต่ต้องใช้เวลามากมายถึง 4 ชั่วโมงนั้น เพราะว่าทางแคบคดเคี้ยวและขึ้นเขาเป็นส่วนมาก คนที่นั่งรถไม่ชินก็อาจจะเมารถได้ควรเตรียมยาแก้เมารถไปด้วย เนื่องจากเมืองแคนดี้นั้นตั้งอยู่ในเขตเทือกเขา อากาศจึงเย็นตลอดปีแม้แต่ฤดูร้อน ตลอดทางรถโดยสารคนค่อนข้างแน่น สุดท้ายเราก็เดินทางมาถึงเมืองแคนดี้จนได้
จุดที่เราลงรถในเมืองแคนดี้ สัมผัสถึงกลิ่นอายเมืองหลวงเก่าได้เลย

หนทางไปเมืองแคนดี้นั้นมีแต่เขาและหุบเขา



ครั้งหน้าเราจะมารีวิวเมืองแคนดี้และวัดพระเขี้ยวแก้วกันนะจ๊ะ











วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บินเดี่ยวเที่ยวศรีลังกา ข้อแนะนำต่างๆ ก่อนเดินทางท่องเที่ยวศรีลังกาด้วยตัวคุณเอง

กลับมาอีกแล้ว หลังจากที่หายไปนานให้คุณๆ คิดถึง เรากลับมาอีกครั้งกับทริปแบกเป้ บินเดี่ยวเที่ยวคนเดียวชิลๆ ตามประสาคนแบกเป้ คราวนี้เรากลับมาบินเดี่ยวเที่ยวแบกเป้ไปศรีลังกา ดินแดนพุทธภูมิอันมีอดีตรุ่งเรืองเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปัจจุบันก็ยังคงมีชีวิตมีลมหายใจของดินแดนพุทธภูมิอยู่
ภาพวาดฝาผนังงดงาม

                ทำไมถึงต้องแบกเป้เที่ยวศรีลังกาล่ะ ทำไมถึงไม่ไปอินเดียทั้งที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา และมีอารายธรรมที่เก่าแก่กว่า ก็เพราะว่าประเทศศรีลังกาเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอยู่น่ะสิ หรือกล่าวง่ายๆเลยคือ ยังเป็นเมืองพุทธที่มีชีวิต ต่างกับอินเดียที่เหลือแต่อารายธรรมและวัดพุทธในปัจจุบันที่มีเหลืออยู่น้อยเต็มที หากไม่มีคนไทยและคนอินเดียท้องถิ่นไปเยือนก็คงจะกลายเป็นวัดร้างอีกไม่นาน
วัดพุทธที่ยังมีชีวิตอยู่เพราะมีผู้สืบทอดศาสนา

           ด้วยความที่ศรีลังกาเป็นประเทศที่คนไทยไปท่องเที่ยวน้อยมาก การที่จะหาแหล่งข้อมูลอ้างอิงตามหน้าเว็บ หรือหาหนังสือนำเที่ยวดีดีสักเล่มจึงเป็นเรื่องที่ยากพอดู ดังนั้นข้อมูลบางอย่างจึงได้มาจากเว็บบล็อกที่เขียนโดยชาวต่างชาติ เราอาจนึกไม่ออกว่าประเทศศรีลังกานอกจากจะมีโบราณสถานทางพุทธและวัดวาอารามที่มีชื่อเสียงแล้ว ยังคงโดดเด่นด้านอุทยานแห่งชาติทางธรรมชาติ ชายหาดที่มีนักโต้คลื่นเดินทางมาทั่วโลก และไร่ชาที่มีชื่อเสียงอีกด้วย 
แผ่นพับนำเที่ยวศรีลังกาของสายการบินประจำชาติศรีลังกา

                     การเดินทางมาเที่ยวศรีลังกานั้น พูดได้เลยว่าไม่มีสายการบินราคาถูกอีกแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ การบินไทย TG, และ ศรีลังกันแอร์ (SriLankan Airlines) เท่านั้น ซึ่งค่าโดยสารของศรีลังกาถ้ารอโปรน่าจะคุ้มค่าที่สุด เพราะตกอยู่ประมาณแปดพันต้นๆ ซึ่งหลายคนใช้สายการบินนี้แหละต่อเครื่องลงไปยังเกาะสวรรค์มัลดีฟส์เพราะเป็นจุดแวะพักที่ดีที่สุดและเวลาดีที่สุด ใช้เวลาบินทั้งหมด 3ชั่วโมง 30นาที ด้วยเครื่องลำใหญ่พร้อมอาหารเสริ์ฟบนเครื่อง แต่สายการบินที่เราได้ใช้บริการเดินทางไปนั้นกลับเป็นของ Cathay Pacific (CX) เป็น Charter Flight (HK-BKK-COL) ฮ่องกง โคลอมโบ โดยแวะพักกรุงเทพ แต่ปัจจุบันเที่ยวบินดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ตอนนั้นซื้อราคาโปรโมชั่นก่อนยกเลิกเส้นทาง ในราคาเพียง 7035บาท ไปกลับ

นี่คือตั๋วที่ถูกที่สุดที่หาได้ตอนนั้น

                  การขอวีซ่าศรีลังกายุ่งยากหรือไม่ การเดินทางมาเที่ยวศรีลังกายังคงต้องทำวีซ่าอยู่สำหรับคนไทย วิธีการทำได้สองวิธี คือลงทะเบียนออนไลน์ วิธีนี้จะแพงที่สุด โดยเข้าไปลงทะเบียนที่ http://www.eta.gov.lk/slvisa/  แล้วกรอกรายละเอียดตามขั้นตอนให้ครบทุกช่อง จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายระบบจะตัดผ่านบัตรเครดิตที่เรามีอยู่ จุดนี้จะเสียค่าธรรมเนียมทั้งหมด 100 US เป็นวิธการที่แพงที่สุด แต่ไม่ต้องเสียเวลาไปสถานทูต ไม่ต้องถ่ายรูป2นิ้ว และเมื่อเดินทางถึงสนามบินทาง ตม. จะนำหนังสือเดินทางเราไปสแกน ข้อมูลของเราที่ทำวีซ่าไว้แล้วจะปรากฏออนไลน์แล้วเค้าจะติดสติ๊กเกอร์วีซ่าให้เลย
วิธีที่สองคือนำเอกสารที่กรอกแบบฟอร์มไปยื่นขอเองที่สถานทูตหรือให้บริษัททัวร์ทำให้ อาจมีขั้นตอนเตรียมเอกสารและใบจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบินที่ยุ่งยากแต่ค่าใช้จ่ายก็จะน้อยกว่าวิธีแรก
หน้าหนังสือเดินทางที่มีการประทับตราวีซ่าแล้ว

              แล้วจะวางแผนการท่องเที่ยวศรีลังกาอย่างไรล่ะ แนะนำว่าถ้ามีเวลามากถึง7วันจะดีมาก เพราะคุณจะเดินทางไปได้ทั่วเกาะตั้งแต่เหนือจดใต้ แต่ถ้ามีเวลาน้อยกว่านั้นอาจจะเลือกเจาะเป็นย่านๆ ไป ถึงศรีลังกาจะเป็นเกาะที่ไม่ใหญ่นัก แต่การเดินทางไปแต่ละจุดใช้เวลานาน เนื่องจากถนนแคบ ทางคดเคี้ยวและเป็นทางขึ้นลงเขาเสียเยอะ ดังนั้นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย การเดินทางด้วยรถไฟเป็นการเดินทางที่สะดวกและดีที่สุดแต่ก็ควรจองตั๋วล่วงหน้าด้วย เพราะเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวตะวันตกชอบไปเที่ยวรวมไปถึงคนท้องถิ่นเดินทางกันเองอีก ปัจจุบันเราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ผ่านหน้าเว็บนี้http://www.railway.gov.lk/web/index.php?option=com_content&view=article&id=61&Itemid=68&lang=en

               การจองโรงแรมในศรีลังกาควรจะจองก่อนขอวีซ่าเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราเดินทางไปมีที่พักแน่นอนเป็นหลักแหล่ง สามารถจองได้ง่ายผ่านหน้าเว็บ booking.com ไม่เสียค่าธรรมเนียมการจอง ยกเลิกล่วงหน้าได้2วันก่อนเข้าพัก แนะนำให้พักใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหรือท่ารถเพื่อให้สะดวกในการเดินทางและหาร้านอาหารได้ง่าย ที่พักในศรีลังกามีหลากหลายตั้งแต่โฮมสเตย์ที่นอนกับเจ้าองบ้าน Hostel ราคาประหยัด และโรงแรมชั้นนำ แต่จะบอกไว้อย่างนึงคือ โรงแรมในศรีลังการาคาสูงกว่าอินเดียมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ แต่ความสะอาดมีมากกว่า และห้องแอร์ราคาจะกระโดดจากห้องพัดลมประมาณ 3เท่าตัว ด้วยความที่สภาพอากาศค่อนข้างร้อน เราแนะนำให้นอนแอร์จะดีกว่า

การจองห้องพักแนะให้จองก่อนขอวีซ่านะ สำคัญมากเพราะต้องใช้กรอกลงในใบสมัคร

               อีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือการแลกเงินรูปีศรีลังกาที่หาแลกได้ยากเต็มทนตามท้องตลาด เพราะไม่มีการหมุนเวียนของเงิน กล่าวคือไม่มีคนเดินทางท่องเที่ยวไปมาเท่าไรนั่นเอง อาจแลกได้ตามร้านแถวสะพานควายหรือสีลม ในอัตรา 30-33 บาท ต่อ 100 รูปี หรืออีกวิธีก็พกเงินดอลล่าร์ออกไปเลยแล้วไปแลกที่จุดหมายปลายทางแต่อัตราแลกเปลี่ยนจะแพงกว่าบ้านเรา
เงินสดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการเดินทางทุกครั้ง


            เอาล่ะตั๋วเครื่องบินพร้อม ที่พักพร้อม เงินพร้อม ขอวีซ่าแล้ว จะรออะไรครับ จัดกระเป๋าพร้อมเดินทางไปกับเราได้เลย