พร้อมจะออกเดินทางกันแล้วนะ
พอเครื่องแตะพื้นเราก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ Bandaranaike International Airport คนที่นั่น อ่านออกเสียงว่า “บัณดาระนายะเก” แต่จะพูดรัวกว่านี้ เป็นภาษาประจำชาติ ภาษาสิงหล (Singhala) “สิงหะละ” อันที่จริงแล้วคนที่นี่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับดีทีเดียว แต่ถ้าเราเรียนรู้ภาษาของเค้าเล็กๆน้อยๆ อาจเป็นคำง่ายๆ เช่น ขอบคุณ หรือสวัสดี มันจะช่วยสร้างเสน่ห์ในการเดินทางได้เยอะทีเดียว
อย่าลืมกรอกบัตรเข้าเมืองกันด้วย ถ้าบนเครื่องไม่แจกก็หยิบได้ที่ก่อนถึงตม.จ้า
สนามบินที่นี่ใหญ่และทันสมัยทีเดียวแหละ
ทางเดินจากงวงช้างไปยังตรวจคนเข้าเมืองค่อนข้างไกลทีเดียว
สนามบินมีขนาดใหญ่ควรรีบเดินสักนิด ระหว่างทางก็มีป้ายยินดีต้อนรับเข้าสู่ประเทศศรีลังกาโดยสาวสวย
“อายุบอวัน.” Ayubowan เป็นคำกล่าวทักทายง่ายๆ แปลว่าสวัสดีนั่นแหละใช้ได้ตั้งแต่เช้ายันดึก แต่เรามาถึงที่นี่เสียตี
1 ถ้าไม่ใช้บริการรถรับส่งของโรงแรมก็จะหารถยากเต็มที ค่า Taxi เข้าเมืองหลวง Colombo “โคลอมโบ” ราคา 2000 รูปี ขึ้นไป ถ้านอนเมือง Negombo “เนกอมโบ” ก่อนคืนแรกจะเสียค่ารถประมาณ 1500 รูปี
แต่เราใช้บริการรถของโรงแรมที่จะไปพักเค้าคิดค่าบริการแค่ 700 รูปี โดยโรงแรมอยู่ห่างจากสนามบินแค่ 7 กิโลเมตร
Presenter มีทั้งสาวสวยพนักงานต้อนรับและสัญลักษณ์แห่งเมืองพุทธ
ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่นี่คิวไม่ยาว ถ้าทำวีซ่ามาแล้วก็ไม่มีปัญหา
ที่พักคืนแรกเราจองผ่าน booking.com เข้าไปเพื่อขอวีซ่าศรีลังกาก่อน
อยู่ในเขตเมืองเนกอมโบ (Negombo) สถานที่พักตากอากาศที่อยู่ใกล้เมืองหลวงที่สุด
โรงแรมที่เราจองไว้เป็นโฮมสเตย์เล็กๆ น่ารักพักกับเจ้าของบ้าน มีชื่อว่า Grand
Traverse Home stay บริหารงานโดย Mr. Rasika Fernando ชายหัวโล้นหน้าตาดีชาวสิงหลนับถือพุทธ
อยู่ร่วมชายคาเดียวกับภรรยาที่นับถือคริสต์ การตกแต่งที่พักจึงทำได้อย่างลงตัว ภายในห้องพักมีฟูกปูกับพื้นพร้อมมุ้งครอบเป็นวงกลมจากด้านบน
มีพัดลมให้ตัวนึง ภายในราคาที่คิดเป็นเงินแค่ 10U$ เอาน่า
เหนื่อยมามากแล้วเราต้องนอนให้ได้
ภายในห้องพักและห้องรับแขกของ Grand Traverse Homestay
การตกแต่งอย่างน่ารักเรียบง่ายของโฮมสเตย์แห่งนี้
เราตื่นสายประมาณ 8 โมงกว่า จะต้อง Check out ออกไปและรีบหารถไฟเข้าไปในเมือง
เพื่อต่อรถไฟไปเมืองแคนดี้ (Kandy) อีกทอดหนึ่ง
เราจึงขอร้องให้เจ้าบ้านช่วยทำอาหารเช้าแบบพื้นเมืองให้ทานก่อนออกไปข้างนอก
เขาทำข้าวหุงกะทิกับน้ำพริกรสเผ็ดแบบพื้นเมืองมาให้กิน พร้อมผลไม้สด 1 ชุด คำแรกที่กัดกินไปเรารู้สึกว่ามันเผ็ดซ่ามากเลย
คือมีทั้งรสเผ็ดพริกและเผ็ดร้อนของหัวหอมและสมุนไพร
อาหารเช้าทานคู่กับชาร้อนและกาแฟร้อน กินแทบไม่หมดข้าวมาคำใหญ่มากๆ
เสร็จแล้วก็ให้เจ้าของที่พักดูรอบรถไฟเข้าเมืองให้ มีรอบ 9.30 น.
หลังจากเคลียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จ (ค่าที่พักรวมอาหารเช้า 1250 รูปี)
เขาจึงอาสามาส่งเราที่สถานีรถไฟฟรีๆ คงกลัวเราตกรถมั้ง
จากที่พักถึงสถานีรถไฟเดินแค่ 300 เมตรเอง
ห้องรับแขกของที่พักซึ่งมีห้องนอนเพียง 4ห้องให้บริการ
ชุดเครื่องดื่มสำหรับมื้อเช้า
มาแล้วชุดอาหารเช้าแบบพื้นเมืองรสชาติเผ็ดมาก
สถานีรถไฟแห่งนี้มีชื่อว่า Kurana อยู่ห่างจากเมืองหลวงโคลอมโบประมาณ
50 กม. ค่าโดยสารรถไฟต้องซื้อตั๋วที่สถานี 35 รูปี
มันถูกมากๆ รถใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง
เป็นรถธรรมดาสายชานเมืองแวะจอดเกือบทุกสถานี ภายในตู้โดยสารสะอาดและกว้างขวางเพราะรางของรถไฟที่นั่นประมาณ
2เมตร ก็จะทำให้ตู้โดยสารกว้างกว่าไทยด้วย
ป้ายสถานีและภายในตู้โดยสารรถไฟสายชานเมือง
สีสันของรถไฟศรีลังกา
บริเวณโดยรอบสถานี Kurana
รถไฟที่นี่มีเสน่ห์ไม่ต่างจากรถไฟชั้นสามบ้านเรานัก
ที่มีทั้งพ่อค้าและแม่ค้านำอาหารและเครื่องดื่มจากภายนอกขึ้นมาขาย
และมีวณิพกร้องเพลงหาเงิน คนพื้นที่ที่ชอบคุยกับนักท่องเที่ยว
หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวแบกเป้ทักทายคุยกันเอง
อยู่บนรถเราได้พูดคุยกับคนท้องถิ่นที่จะไปเที่ยวเมืองหลวงโคลอมโบแบบค้างคืน
เราต่างลงสถานีเดียวกันคือ Colombo Fort Station สุดสายปลายทาง เมืองหลวงที่รถติด
ผู้คนจอแจ แถมอากาศร้อนสุดๆ พอลงจากรถเพื่อไปเข้าแถวซื้อตั๋วต่อไปยังเมืองอื่น
เขาจะมีช่องสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะสำหรับซื้อตั๋วคล้ายกับอินเดีย
ซึ่งแน่นเนืองไม่แพ้กัน มีทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติยืนต่อคิวกันยาว
การเดินทางด้วยรถไฟในศรีลังกาได้รับความนิยมสูง เนื่องจากราคาถูก
ใช้ระยะเวลาน้อยและปลอดภัยที่สุด
โบกมืออำลาเมื่อถึงที่หมายรถไฟเทียบชานชาลา
อย่าลืมการไหว้ทักทายทุกครั้งพร้อมคำกล่าว อายุโบวัน (Ayubowan)
และแล้วก็ต้องเข้าคิวรอซื้อตั๋วต่อไป
น่าเสียดายที่เราไม่ได้ซื้อตั๋วในเว็บล่วงหน้าเพราะมัวแต่ไปจัดการเรื่องที่พักและหาแลกเงิน เที่ยวรถจึงเต็มไปอีกสามวันสำหรับตั๋วรถไฟไปแคนดี้
จึงต้องเบนหัวเดินไปสถานีขนส่งแทนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เดินไปอีกแค่ 500 เมตร อยู่คนละฝั่งจากสถานีรถไฟ รถประจำทางไปแคนดี้จะออกทุกครึ่งชั่วโมง
เป็นรถร้อน ใช้เวลาเดินทาง 4ชั่วโมงเต็ม ค่าโดยสาร 143 รูปี ไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะได้จองโรงแรมที่นั่นทิ้งไว้
การจราจรที่จอแจหน้าสถานีรถไฟ
สถานีรถไฟ Colombo Fort
ตึกที่เห็นนั่นคือกรมศุลกากรของที่นี่ ข้ามถนนแล้วเดินย้อนอีกนิดจะเจอสถานีขนส่ง
ระยะทางจากกรุงโคลอมโบไปยังแคนดี้ไม่ถึง 200 กิโลเมตร
แต่ต้องใช้เวลามากมายถึง 4 ชั่วโมงนั้น
เพราะว่าทางแคบคดเคี้ยวและขึ้นเขาเป็นส่วนมาก คนที่นั่งรถไม่ชินก็อาจจะเมารถได้ควรเตรียมยาแก้เมารถไปด้วย
เนื่องจากเมืองแคนดี้นั้นตั้งอยู่ในเขตเทือกเขา อากาศจึงเย็นตลอดปีแม้แต่ฤดูร้อน ตลอดทางรถโดยสารคนค่อนข้างแน่น
สุดท้ายเราก็เดินทางมาถึงเมืองแคนดี้จนได้
จุดที่เราลงรถในเมืองแคนดี้ สัมผัสถึงกลิ่นอายเมืองหลวงเก่าได้เลย
หนทางไปเมืองแคนดี้นั้นมีแต่เขาและหุบเขา
ครั้งหน้าเราจะมารีวิวเมืองแคนดี้และวัดพระเขี้ยวแก้วกันนะจ๊ะ