กลับมาอีกแล้ว หลังจากที่หายไปนานให้คุณๆ คิดถึง
เรากลับมาอีกครั้งกับทริปแบกเป้ บินเดี่ยวเที่ยวคนเดียวชิลๆ
ตามประสาคนแบกเป้ คราวนี้เรากลับมาบินเดี่ยวเที่ยวแบกเป้ไปศรีลังกา ดินแดนพุทธภูมิอันมีอดีตรุ่งเรืองเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปัจจุบันก็ยังคงมีชีวิตมีลมหายใจของดินแดนพุทธภูมิอยู่
ภาพวาดฝาผนังงดงาม
ทำไมถึงต้องแบกเป้เที่ยวศรีลังกาล่ะ
ทำไมถึงไม่ไปอินเดียทั้งที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา
และมีอารายธรรมที่เก่าแก่กว่า ก็เพราะว่าประเทศศรีลังกาเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอยู่น่ะสิ
หรือกล่าวง่ายๆเลยคือ ยังเป็นเมืองพุทธที่มีชีวิต
ต่างกับอินเดียที่เหลือแต่อารายธรรมและวัดพุทธในปัจจุบันที่มีเหลืออยู่น้อยเต็มที
หากไม่มีคนไทยและคนอินเดียท้องถิ่นไปเยือนก็คงจะกลายเป็นวัดร้างอีกไม่นาน
วัดพุทธที่ยังมีชีวิตอยู่เพราะมีผู้สืบทอดศาสนา
ด้วยความที่ศรีลังกาเป็นประเทศที่คนไทยไปท่องเที่ยวน้อยมาก
การที่จะหาแหล่งข้อมูลอ้างอิงตามหน้าเว็บ หรือหาหนังสือนำเที่ยวดีดีสักเล่มจึงเป็นเรื่องที่ยากพอดู
ดังนั้นข้อมูลบางอย่างจึงได้มาจากเว็บบล็อกที่เขียนโดยชาวต่างชาติ
เราอาจนึกไม่ออกว่าประเทศศรีลังกานอกจากจะมีโบราณสถานทางพุทธและวัดวาอารามที่มีชื่อเสียงแล้ว
ยังคงโดดเด่นด้านอุทยานแห่งชาติทางธรรมชาติ
ชายหาดที่มีนักโต้คลื่นเดินทางมาทั่วโลก และไร่ชาที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
แผ่นพับนำเที่ยวศรีลังกาของสายการบินประจำชาติศรีลังกา
การเดินทางมาเที่ยวศรีลังกานั้น
พูดได้เลยว่าไม่มีสายการบินราคาถูกอีกแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ การบินไทย TG, และ ศรีลังกันแอร์ (SriLankan Airlines) เท่านั้น
ซึ่งค่าโดยสารของศรีลังกาถ้ารอโปรน่าจะคุ้มค่าที่สุด เพราะตกอยู่ประมาณแปดพันต้นๆ
ซึ่งหลายคนใช้สายการบินนี้แหละต่อเครื่องลงไปยังเกาะสวรรค์มัลดีฟส์เพราะเป็นจุดแวะพักที่ดีที่สุดและเวลาดีที่สุด
ใช้เวลาบินทั้งหมด 3ชั่วโมง 30นาที ด้วยเครื่องลำใหญ่พร้อมอาหารเสริ์ฟบนเครื่อง แต่สายการบินที่เราได้ใช้บริการเดินทางไปนั้นกลับเป็นของ
Cathay
Pacific (CX) เป็น Charter Flight (HK-BKK-COL) ฮ่องกง โคลอมโบ โดยแวะพักกรุงเทพ แต่ปัจจุบันเที่ยวบินดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
ตอนนั้นซื้อราคาโปรโมชั่นก่อนยกเลิกเส้นทาง ในราคาเพียง 7035บาท ไปกลับ
นี่คือตั๋วที่ถูกที่สุดที่หาได้ตอนนั้น
การขอวีซ่าศรีลังกายุ่งยากหรือไม่
การเดินทางมาเที่ยวศรีลังกายังคงต้องทำวีซ่าอยู่สำหรับคนไทย วิธีการทำได้สองวิธี
คือลงทะเบียนออนไลน์ วิธีนี้จะแพงที่สุด โดยเข้าไปลงทะเบียนที่ http://www.eta.gov.lk/slvisa/ แล้วกรอกรายละเอียดตามขั้นตอนให้ครบทุกช่อง
จนมาถึงขั้นตอนสุดท้ายระบบจะตัดผ่านบัตรเครดิตที่เรามีอยู่
จุดนี้จะเสียค่าธรรมเนียมทั้งหมด 100 US เป็นวิธการที่แพงที่สุด แต่ไม่ต้องเสียเวลาไปสถานทูต
ไม่ต้องถ่ายรูป2นิ้ว และเมื่อเดินทางถึงสนามบินทาง ตม. จะนำหนังสือเดินทางเราไปสแกน
ข้อมูลของเราที่ทำวีซ่าไว้แล้วจะปรากฏออนไลน์แล้วเค้าจะติดสติ๊กเกอร์วีซ่าให้เลย
วิธีที่สองคือนำเอกสารที่กรอกแบบฟอร์มไปยื่นขอเองที่สถานทูตหรือให้บริษัททัวร์ทำให้
อาจมีขั้นตอนเตรียมเอกสารและใบจองโรงแรม
ตั๋วเครื่องบินที่ยุ่งยากแต่ค่าใช้จ่ายก็จะน้อยกว่าวิธีแรก
หน้าหนังสือเดินทางที่มีการประทับตราวีซ่าแล้ว
แล้วจะวางแผนการท่องเที่ยวศรีลังกาอย่างไรล่ะ
แนะนำว่าถ้ามีเวลามากถึง7วันจะดีมาก
เพราะคุณจะเดินทางไปได้ทั่วเกาะตั้งแต่เหนือจดใต้
แต่ถ้ามีเวลาน้อยกว่านั้นอาจจะเลือกเจาะเป็นย่านๆ ไป
ถึงศรีลังกาจะเป็นเกาะที่ไม่ใหญ่นัก แต่การเดินทางไปแต่ละจุดใช้เวลานาน
เนื่องจากถนนแคบ ทางคดเคี้ยวและเป็นทางขึ้นลงเขาเสียเยอะ
ดังนั้นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วย
การเดินทางด้วยรถไฟเป็นการเดินทางที่สะดวกและดีที่สุดแต่ก็ควรจองตั๋วล่วงหน้าด้วย
เพราะเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวตะวันตกชอบไปเที่ยวรวมไปถึงคนท้องถิ่นเดินทางกันเองอีก
ปัจจุบันเราสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ผ่านหน้าเว็บนี้http://www.railway.gov.lk/web/index.php?option=com_content&view=article&id=61&Itemid=68&lang=en
การจองโรงแรมในศรีลังกาควรจะจองก่อนขอวีซ่าเพื่อเป็นหลักประกันว่าเราเดินทางไปมีที่พักแน่นอนเป็นหลักแหล่ง
สามารถจองได้ง่ายผ่านหน้าเว็บ booking.com ไม่เสียค่าธรรมเนียมการจอง
ยกเลิกล่วงหน้าได้2วันก่อนเข้าพัก
แนะนำให้พักใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหรือท่ารถเพื่อให้สะดวกในการเดินทางและหาร้านอาหารได้ง่าย
ที่พักในศรีลังกามีหลากหลายตั้งแต่โฮมสเตย์ที่นอนกับเจ้าองบ้าน Hostel ราคาประหยัด
และโรงแรมชั้นนำ แต่จะบอกไว้อย่างนึงคือ
โรงแรมในศรีลังการาคาสูงกว่าอินเดียมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
แต่ความสะอาดมีมากกว่า และห้องแอร์ราคาจะกระโดดจากห้องพัดลมประมาณ 3เท่าตัว
ด้วยความที่สภาพอากาศค่อนข้างร้อน เราแนะนำให้นอนแอร์จะดีกว่า
การจองห้องพักแนะให้จองก่อนขอวีซ่านะ สำคัญมากเพราะต้องใช้กรอกลงในใบสมัคร
อีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือการแลกเงินรูปีศรีลังกาที่หาแลกได้ยากเต็มทนตามท้องตลาด
เพราะไม่มีการหมุนเวียนของเงิน กล่าวคือไม่มีคนเดินทางท่องเที่ยวไปมาเท่าไรนั่นเอง
อาจแลกได้ตามร้านแถวสะพานควายหรือสีลม ในอัตรา 30-33 บาท ต่อ 100
รูปี
หรืออีกวิธีก็พกเงินดอลล่าร์ออกไปเลยแล้วไปแลกที่จุดหมายปลายทางแต่อัตราแลกเปลี่ยนจะแพงกว่าบ้านเรา
เงินสดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการเดินทางทุกครั้ง
เอาล่ะตั๋วเครื่องบินพร้อม
ที่พักพร้อม เงินพร้อม ขอวีซ่าแล้ว จะรออะไรครับ
จัดกระเป๋าพร้อมเดินทางไปกับเราได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น