วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

แบกเป้เที่ยวไต้หวันตอนที่ 3 : Around Taipei Sanxia & Yingge cultural town เมืองโบราณซานเสียและเมืองอุตสาหกรรมเซรามิคอิงเก่อ

      เช้าวันธรรมดาในเมืองไทเปที่รถราจอแจ ผู้คนเดินกันขวักไขว่แทบจะไหล่ชนกัน วันนี้เราเลยวางแผนว่าจะไปเที่ยวนอกเมืองรอบๆ กรุงไทเปกัน เติมเต็มมื้อเช้าด้วยแม็คคาเฟ่ที่อิ่มเต็มท้องมากกว่าโจ๊ก แล้วแวะถ่ายภาพใกล้ๆกับที่พักก่อนที่จะนั่งรถเมล์ออกไปสูดอากาศที่บ้านนอกอีกครั้ง
การเดินทางได้เริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว ในวันที่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจนัก

เมือง Yingge เมืองที่น่าปั่นสองล้อเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง

       เมืองซานเสีย (Sanxia) เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ โดยคำว่าซาน(San) หมายถึงสาม 3 (อี้ เอ้อ ซาน) ก็คือ 123 Xia เสีย หมายถึงภูเขา เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสามลูก สมัยราชวงศ์ชิงได้มีการอพยพคนจีนมาตั้งเมืองกันที่นี่ เนื่องด้วยมีความอุดมสมบูรณ์และมีแม่น้ำไหลผ่าน จึงกลายเป็นชุมชนโบราณที่มีถนนคนเดินแบบดั้งเดิมให้เราได้เดินเล่นกันด้วย 

สะพานคนเดินและรถมอเตอร์ไซด์ผ่านเพื่อข้ามแม่น้ำแบบดั้งเดิม

แม้น้ำหน้าหนาวแห้งขอด 
บางจุดแห้งจนคนเดินผ่านข้ามไปมาได้เลย

       การเดินทางไปเมืองซานเสียก็ไม่ยาก เพียงแค่นั่งMRT มาลงที่สถานีหยงหนิง (Yongning) แล้วต่อรถบัสสาย 275, 705, 706, 922,916 มาลงที่ป้ายรถเมล์ซานเสีย ด้วยความที่เดินทางหลายต่อ เราเลยออกอาการงงเล็กน้อยต้องคอยถามทางอาเหล่าม่า และอาม่าทั้งหลาย แต่ผลตอบรับที่ได้คือนางบอกทางเป็นภาษาจีนพร้อมผายมือบอกทางไปมา ทุกคนบนรถเมล์พยายามที่จะช่วยเหลือบอกทางพวกเรา จนถึงป้ายที่จะจอดนั่นแหละ อาม่าแกก็บอกให้ลงป้ายนี้ ขอบคุณในความมีน้ำใจของคนไต้หวันมากๆครับ
ภายในรถเมล์ที่เรานั่งมายังเมืองซานเสียจ้า
รถไฟใต้ดินในวันธรรมดาที่คนเข้างานไปหมดแล้วก็จะว่างเช่นนี้ค่า
ถึงแล้วนะเมืองซานเสียในวันที่ฟ้าหม่น และอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา

ซุ้มประตูทางเข้าไปยังถนนคนเดินโบราณซานเสีย 

สะพานคนเดินข้ามแม่น้ำแห่งที่สองตอนเช้ายังร้างอยู่ 
ป้ายต้อนรับเข้าสู่เขตถนนคนเดินโบราณ

           จุดแรกที่เราแวะเที่ยวในวันนี้หลังจากที่ต้องเดินขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำมาแล้ว คือ วัดซานเสียชิงสุ่ยจู่ซือ (Sanxia Qingshui Zuahi Temple) แวะไหว้สักการะวัดที่เก่าแก่ที่สุดคู่บ้านคู่เมืองซานเสีย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1769 จุดเด่นอยู่ที่รูปปั้นภายในวัดเกิดจากการแกะสลักหินทั้งหมด ไม่ได้เกิดจากการหล่อเทขึ้นมา อย่างไรก็ตามวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะหลายครั้งจนเป็นโบราณสถานของไต้หวันไปแล้ว
โรงงิ้วหน้าวัด ซึ่งเค้าจะเล่นงิ้วกันตอนกลางคืนจ้า

ภายในวัดซานเสีย เสาหินที่นี่มาจากการแกะสลักทุกต้น

วัดโบราณเก่าแก่จึงเป็นแหล่งรวมศรัทธาของคนเมืองซานเสีย

บริเวณลานหน้าวัดที่อยู่กลมกลืนไปกับชุมชนที่นี่
ไหว้พระเสร็จแล้วเราก็เดินเท้าเข้าชมถนนโบราณกันต่อเลย

       ถนนโบราณซานเสีย (Sanxia Old Street ) เป็นถนนคนเดินโบราณที่ทางการไต้หวันยังคงอนุรักษ์ไว้ ด้วยความยาวของถนนทั้งหมด 260 เมตร ตลอดสองข้างทางจะเป็นตึกที่ทำจากอิฐแดงโบราณที่ปัจจุบันได้กลายเป็นร้านค้าเล็กๆน่ารักๆทั้งหมด มีทั้งร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย ร้านขายพู่กันแบบจีน ร้านขายเต้าหู้ยี้ ร้านขายสบู่ทำมือ และร้านขนมสุดฮิตของที่นี่ นั่นคือ ครัวซองต์รูปเขาควาย แต่ไม่ใช่ครัวซองต์นะ ข้างในมีไส้ด้วย บางร้านก็นำเจ้าขนมนี่แหละมาเป็นโคนไอติม แล้วก็ขายไปพร้อมกับไอติมมันเสียเลย
แล้วเราก็เจอกับร้านขายครัวซองต์เขาควายก่อนใครๆเลย

ถนนคนเดินโบราณซานเสีย (Sanxia Old Street) 


ตึกที่นี่ส่วนใหญ่จะก่อด้วยอิฐสีแดงได้บรรยากาศดี

ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะต้องแชะภาพกับตึกสไตล์ยุโรปแบบนี้ 

ขอแวะซื้อขนมครัวซองต์สอดไส้ถั่วแดงก่อนนะคะ 

ไอติมโคนที่เป็นครัวซองต์ที่ร้านเค้าก็มีนะคะ ช่างเข้าใจทำออกมาขาย
ร้านขายพู่กันจีน
มีพู่กันยักษ์อยู่หน้าร้านด้วยจ้า
บนถนนคนเดินยังคงมีศาลเจ้าเล็กๆ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนที่นี่

               เดินเลยถนนคนเดินมาอีกหน่อย จะเจอกับศูนย์มัดย้อมผ้าครามซานเสีย (Sanxia Indigo Dyeing Center)
เป็นศูนย์รวบรวมผ้ามัดย้อมที่ใช้สีธรรมชาติคือสีคราม (Indigo) เท่านั้นมาทำการย้อม ข้างในจะมีการสาธิตการทำผ้ามัดย้อมให้คนทั่วไปได้ชม พร้อมกับจัดแสดงสินค้าที่มาจากผ้ามัดย้อมครามจากชาวเมืองซานเสีย ใครอยากจะทดลองหัดทำผ้ามัดย้อมที่นี่ก็มีอุปกรณ์ให้ทำนะ แต่คิดตังค์จ้า ทำเสร็จแล้วต้องรอผ้าที่ย้อมให้แห้งก่อนถึงจะเอากลับบ้านได้
มาถึงแล้วศูนย์ย้อมผ้ามัดย้อมสีคราม

ที่นี่เขาเน้นการใช้สีครามเพียงสีเดียวในการสร้างสรรค์งานฝีมือ

งานฝีมือผ้าย้อมคราม ไม่ได้มีแค่ผ้าผืนนะ กระเป๋าและตุ๊กตาก็ตัดเย็บได้นะจ๊ะ 

ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นข้างๆ ศูนย์มัดย้อมผ้าสีคราม

        เดินเล่นชมเมืองจนหิวก็ได้เวลาแวะร้านอร่อยพื้นเมืองอีกครั้ง คราวนี้เราสั่งข้าวคากิมากินเลย และก็ได้ค้นพบว่า เจ้าคากิที่นี่เคี้ยวกรุบๆ จริงๆ แต่รสชาติจะอ่อนกว่าบ้านเราครับ และเสริฟมากับเครื่องเคียงเป็นพวกไข่พะโล้และเต้าหู้พร้อมหน่อไม้แก้เลี่ยน วันนี้เราไม่สามารถยืนข้างนอกได้นานเลย ต้องพยายามหาร้านเข้าตลอด เพราะอยู่ๆอากาศก็หนาวเย็นเยือกขึ้นมาเฉยเลย

ข้าวคากิ ช่วยเพิ่มพลังงานต้านหนาว ราคา 90NTS จ้า 
หน้าร้านข้าวที่เราแวะกินจนเต็มคราบมื้อกลางวัน 
พิพิธภัณฑ์เมืองซานเสียที่เราไม่ได้เข้าไปชม

      จากนั้นเราก็ได้เวลานั่งรถไปเที่ยวอีกเมืองหนึ่งที่เป็นทางผ่านก่อนที่จะกลับไปยังไทเป นั่นคือเมืองอิงเก่อ (Yingge) เมืองที่ผลิตเซรามิคกันเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของไต้หวัน ซึ่งเราจะต้องนั่งรถเมล์จากเมืองซานเสียไปยังเมืองอิงเก่อ ใช้เวลาเดินทางต่อประมาณ 20 นาที รถเมล์ก็จะพาไปจอดบริเวณสถานีรถไฟอิงเก่อ 

ไปก่อนนะซานเสีย แล้วเราจะกลับมาเที่ยวใหม่ 

       เมืองอิงเก่อ (Yingge) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองไทเป แต่ก่อนเป็นเมืองทำเกษตร ภายหลังได้มีคนจีนอพยพเข้ามาพร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเครื่องปั้นเซรามิค จนกลายมาเป็นเมืองอุตสาหกรรมเซรามิคในปัจจุบัน ซึ่งมีร้านค้าเครื่องเซรามิคมากกว่า 800 ร้าน และมีพิพิธภัณฑ์เซรามิคอีกด้วย และใครที่ชื่นชอบการขี่จักรยาน เมืองนี้มีจักรยานให้เช่าขี่ชมเมือง และถนนหนทางเค้าก็ทำเลนจักรยานไว้ให้อย่างดีเลย
อิงเก่อ (Yingge) อยู่ในเขต New Taipei City หรือเขตอุตสาหกรรมเมืองใหม่
ทางเดินลอดอุโมงค์รถไฟที่นี่ ยังไม่เย็นค่ำเท่าไหร่ แต่มืดเสียแล้ว
แอบหลงทางกันด้วย คนที่นี่ให้ความช่วยเหลือดีมากค่ะ 


        พิพิธภัณฑ์เซรามิคอิงเก่อ (New Taipei City Yingge Ceramics Museum)  พิพิธภัณฑ์เซรามิคในเขตเมืองใหม่ไทเป เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการผลิตเซรามิคของเกาะไต้หวันกันเลยทีเดียว ที่สำคัญค่าเข้าชมฟรีเสียด้วย นอกจากพิพิธภัณฑ์นี้จะบอกเล่าความเป็นมาของเครื่องเคลือบเซรามิคแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่แสดงผลงานเซรามิคของนักปั้นชื่อดังอีกด้วย ใครก็ตามที่อยากเรียนรู้ทำ Workshop ที่นี่เค้าก็มีคอร์สเปิดอบรมให้ลองทำได้นะ
 
เราเดินฝ่าความหนาวและลมแรงมาถึงพิพิธภัณฑ์จนได้



 ผลงานของนักออกแบบเซรามิคชื่อดัง เค้าก็จัดแสดงไว้ที่นี่

โมเดลจำลองการเผาเครื่องเคลือบดินเผา

แบบจำลองเตาเผาเซรามิค 
ดูแล้วก็คล้ายๆกับเตาเผาบ้านเรานะ

แผนผังการเดินภายในพิพิธภัณฑ์เซรามิคกว้างมากๆ

         นอกจากนี้ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นมุมกาแฟให้บริการ ห้องการเรียนรู้สำหรับเด็กนักปั้น และสวนศิลปะเซรามิคกลางแจ้ง แต่สวนนี่เราไปเดินเล่นสูดอากาศได้ประเดี๋ยวก็ต้องรีบกลับมาข้างในเลย เพราะทั้งลม ทั้งฝนปรอยๆลงมา มันหนาวมากๆจ้า 

ประติมากรรมเซรามิคตั้งโชว์ในสวนเซรามิค 
ลานกว้างสวนเซรามิคที่ไม่มีคนเดินเลย


เซรามิคยักษ์ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ อยากจะเดินไปถ่ายแต่ลมแรงเกิน
ด้านหน้า Workhop การเรียนรู้เล่นและปั้น


          ตอนเย็นๆได้เวลาเดินช้อปชมเมืองไปตามถนนคนเดิน จะมีร้านขายเครื่องเซรามิคที่ระลึกเยอะมากๆ มีตั้งแต่ชิ้นงานใหญ่ๆเพื่อตกแต่งโรงแรมหรือคฤหาสน์ ไปจนถึงชิ้นเล็กๆ ที่ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือได้ แต่ละร้านล้วนเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าไปละลายเงินกันทั้งนั้น ถ้าใครไม่เสียเงินจากถนนเส้นนี้เลย แสดงว่าคุณยังมาไม่ถึงเมืองอิงเก่อนะ

ร้านขายเซรามิคที่มีอยู่ทั่วเมืองอิงเก่อ 
ผลแอ๊ปเปิ้ลกับผลพลับน่าซื้อมากๆจ้า 
พลับผลไม้มงคล ราคาไม่แพง ซื้อฝากคนทางบ้านได้สบายๆ
น้ำมันที่นี่แพงไหม ไม่รู้สิ ดูเอาเองนะ

แต่ผลไม้เมืองหนาวน่ะไม่แพงเลย

        ได้เวลานั่งรถไฟ TRA ลับไปยังเมืองไทเปแล้วสิ เราต้องไปซื้อตั๋วแล้วนั่งรอที่ชานชาลา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงยังใจกลางเมืองไทเปแล้ว แรงยังไม่หมด วันนี้เราจะพาทุกท่านไปยังตลาดกลางคืนอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือตลาดกลางคืนหัวซี (Huaxi Night Market) เป็นตลาดกลางคืนไทเปเก่าแก่ที่มีมานาน เดินทางมาง่ายด้วยการนั่งรถใต้ดินมาโผล่ที่สถานีวัดหลงซาน ใจกลางเมืองไทเปเลย
ได้เวลาเดินทางกลับแล้วสิ ให้เดินตามทางรถไฟไปขึ้นที่สถานี Yingge 
Yingge Train Station ถึงแล้วสถานีรถไฟอิงเก่อ 
รถไฟที่นี่มีทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟแบบธรรมดา

       ตลาดกลางคืนหัวซี (Huaxi Night Market) จะเน้นเป็นของกินมากกว่าของให้ช้อปปิ้ง ซึ่งก็มีอาหารจำพวกเปิบพิสดาร อาหารทะเล อาหารป่า และอาหารประเภทชูกำลังเสียเยอะ ไม่ต้องแปลกใจที่มาที่นี่แล้วจะเจอหนุ่มๆวัยดึกชาวไต้หวันค่อนข้างเยอะ ก็แกเล่นมาหาของชูกำลังทานเพื่อบำรุงร่างกายนั่นเอง แต่ไม่ต้องกลัว อาหารเหล่านี้จะขึ้นเหลาอยู่ในภัตตาคารและราคาแพงมากด้วย ส่วนอาหารกลางคืนตามสองข้างทางก็มีขายตามปกติทั่วไป อยากให้กินแป้งบัวลอยร้อนที่คลุกน้ำตาลทรายแดงสักมื้อ รับรองได้เลยว่าแก้หนาวได้ดีมากๆ
ตลาดกลางคินหัวซี (Huaxi Night Market) ยามค่ำคืน
ของทะเลแห้งก็มีขายที่นี่จ้า

บางมุมก็คล้ายสำเพ็งแต่เป็นตลาดกลางคืน

 ตู้ขายอาหารพร้อมทำริมทาง
ร้านนี้ทำอาหารคล้ายๆ ยำหนังไก่ 
นี่แหละแป้งบัวลอยต้มใส่น้ำตาลทรายแดง



วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เดินทางไกลมาก และเดินจนเมื่อยมาทั้งวัน เหนื่อยแทบสลบ พรุ่งนี้เราจะพาไปทริปเบาๆ ไหว้พระขอพรกันก่อนที่จะบินกลับ กทม.กันนะจ๊
ขอเติมพลังก่อนนอนด้วยนมรสผลไม้ ที่ไต้หวันอร่อยมากๆ 
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น