การเดินทางได้เริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว ในวันที่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจนัก
เมือง Yingge เมืองที่น่าปั่นสองล้อเที่ยวอีกเมืองหนึ่ง
เมืองซานเสีย (Sanxia) เป็นเมืองโบราณเก่าแก่ โดยคำว่าซาน(San) หมายถึงสาม 3 (อี้ เอ้อ ซาน) ก็คือ 123 Xia เสีย หมายถึงภูเขา เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสามลูก สมัยราชวงศ์ชิงได้มีการอพยพคนจีนมาตั้งเมืองกันที่นี่ เนื่องด้วยมีความอุดมสมบูรณ์และมีแม่น้ำไหลผ่าน จึงกลายเป็นชุมชนโบราณที่มีถนนคนเดินแบบดั้งเดิมให้เราได้เดินเล่นกันด้วย
สะพานคนเดินและรถมอเตอร์ไซด์ผ่านเพื่อข้ามแม่น้ำแบบดั้งเดิม
แม้น้ำหน้าหนาวแห้งขอด
บางจุดแห้งจนคนเดินผ่านข้ามไปมาได้เลย
การเดินทางไปเมืองซานเสียก็ไม่ยาก เพียงแค่นั่งMRT มาลงที่สถานีหยงหนิง (Yongning) แล้วต่อรถบัสสาย 275, 705, 706, 922,916
มาลงที่ป้ายรถเมล์ซานเสีย ด้วยความที่เดินทางหลายต่อ
เราเลยออกอาการงงเล็กน้อยต้องคอยถามทางอาเหล่าม่า และอาม่าทั้งหลาย
แต่ผลตอบรับที่ได้คือนางบอกทางเป็นภาษาจีนพร้อมผายมือบอกทางไปมา
ทุกคนบนรถเมล์พยายามที่จะช่วยเหลือบอกทางพวกเรา จนถึงป้ายที่จะจอดนั่นแหละ
อาม่าแกก็บอกให้ลงป้ายนี้ ขอบคุณในความมีน้ำใจของคนไต้หวันมากๆครับ
ภายในรถเมล์ที่เรานั่งมายังเมืองซานเสียจ้า
รถไฟใต้ดินในวันธรรมดาที่คนเข้างานไปหมดแล้วก็จะว่างเช่นนี้ค่า
ถึงแล้วนะเมืองซานเสียในวันที่ฟ้าหม่น และอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศา
ซุ้มประตูทางเข้าไปยังถนนคนเดินโบราณซานเสีย
สะพานคนเดินข้ามแม่น้ำแห่งที่สองตอนเช้ายังร้างอยู่
ป้ายต้อนรับเข้าสู่เขตถนนคนเดินโบราณ
จุดแรกที่เราแวะเที่ยวในวันนี้หลังจากที่ต้องเดินขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำมาแล้ว
คือ วัดซานเสียชิงสุ่ยจู่ซือ (Sanxia Qingshui Zuahi Temple) แวะไหว้สักการะวัดที่เก่าแก่ที่สุดคู่บ้านคู่เมืองซานเสีย
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1769
จุดเด่นอยู่ที่รูปปั้นภายในวัดเกิดจากการแกะสลักหินทั้งหมด ไม่ได้เกิดจากการหล่อเทขึ้นมา
อย่างไรก็ตามวัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะหลายครั้งจนเป็นโบราณสถานของไต้หวันไปแล้ว
โรงงิ้วหน้าวัด ซึ่งเค้าจะเล่นงิ้วกันตอนกลางคืนจ้า
ภายในวัดซานเสีย เสาหินที่นี่มาจากการแกะสลักทุกต้น
วัดโบราณเก่าแก่จึงเป็นแหล่งรวมศรัทธาของคนเมืองซานเสีย
บริเวณลานหน้าวัดที่อยู่กลมกลืนไปกับชุมชนที่นี่
ไหว้พระเสร็จแล้วเราก็เดินเท้าเข้าชมถนนโบราณกันต่อเลย
ถนนโบราณซานเสีย (Sanxia Old Street ) เป็นถนนคนเดินโบราณที่ทางการไต้หวันยังคงอนุรักษ์ไว้
ด้วยความยาวของถนนทั้งหมด 260 เมตร ตลอดสองข้างทางจะเป็นตึกที่ทำจากอิฐแดงโบราณที่ปัจจุบันได้กลายเป็นร้านค้าเล็กๆน่ารักๆทั้งหมด
มีทั้งร้านจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย ร้านขายพู่กันแบบจีน ร้านขายเต้าหู้ยี้
ร้านขายสบู่ทำมือ และร้านขนมสุดฮิตของที่นี่ นั่นคือ ครัวซองต์รูปเขาควาย
แต่ไม่ใช่ครัวซองต์นะ ข้างในมีไส้ด้วย บางร้านก็นำเจ้าขนมนี่แหละมาเป็นโคนไอติม
แล้วก็ขายไปพร้อมกับไอติมมันเสียเลย
แล้วเราก็เจอกับร้านขายครัวซองต์เขาควายก่อนใครๆเลย
ถนนคนเดินโบราณซานเสีย (Sanxia Old Street)
ตึกที่นี่ส่วนใหญ่จะก่อด้วยอิฐสีแดงได้บรรยากาศดี
ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะต้องแชะภาพกับตึกสไตล์ยุโรปแบบนี้
ขอแวะซื้อขนมครัวซองต์สอดไส้ถั่วแดงก่อนนะคะ
ไอติมโคนที่เป็นครัวซองต์ที่ร้านเค้าก็มีนะคะ ช่างเข้าใจทำออกมาขาย
ร้านขายพู่กันจีน
มีพู่กันยักษ์อยู่หน้าร้านด้วยจ้า
บนถนนคนเดินยังคงมีศาลเจ้าเล็กๆ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนที่นี่
เดินเลยถนนคนเดินมาอีกหน่อย จะเจอกับศูนย์มัดย้อมผ้าครามซานเสีย (Sanxia
Indigo Dyeing Center)
เป็นศูนย์รวบรวมผ้ามัดย้อมที่ใช้สีธรรมชาติคือสีคราม (Indigo)
เท่านั้นมาทำการย้อม
ข้างในจะมีการสาธิตการทำผ้ามัดย้อมให้คนทั่วไปได้ชม พร้อมกับจัดแสดงสินค้าที่มาจากผ้ามัดย้อมครามจากชาวเมืองซานเสีย
ใครอยากจะทดลองหัดทำผ้ามัดย้อมที่นี่ก็มีอุปกรณ์ให้ทำนะ แต่คิดตังค์จ้า
ทำเสร็จแล้วต้องรอผ้าที่ย้อมให้แห้งก่อนถึงจะเอากลับบ้านได้
มาถึงแล้วศูนย์ย้อมผ้ามัดย้อมสีคราม
ที่นี่เขาเน้นการใช้สีครามเพียงสีเดียวในการสร้างสรรค์งานฝีมือ
งานฝีมือผ้าย้อมคราม ไม่ได้มีแค่ผ้าผืนนะ กระเป๋าและตุ๊กตาก็ตัดเย็บได้นะจ๊ะ
ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นข้างๆ ศูนย์มัดย้อมผ้าสีคราม
เดินเล่นชมเมืองจนหิวก็ได้เวลาแวะร้านอร่อยพื้นเมืองอีกครั้ง
คราวนี้เราสั่งข้าวคากิมากินเลย และก็ได้ค้นพบว่า เจ้าคากิที่นี่เคี้ยวกรุบๆ จริงๆ
แต่รสชาติจะอ่อนกว่าบ้านเราครับ
และเสริฟมากับเครื่องเคียงเป็นพวกไข่พะโล้และเต้าหู้พร้อมหน่อไม้แก้เลี่ยน วันนี้เราไม่สามารถยืนข้างนอกได้นานเลย ต้องพยายามหาร้านเข้าตลอด
เพราะอยู่ๆอากาศก็หนาวเย็นเยือกขึ้นมาเฉยเลย
ข้าวคากิ ช่วยเพิ่มพลังงานต้านหนาว ราคา 90NTS จ้า
หน้าร้านข้าวที่เราแวะกินจนเต็มคราบมื้อกลางวัน
พิพิธภัณฑ์เมืองซานเสียที่เราไม่ได้เข้าไปชม
จากนั้นเราก็ได้เวลานั่งรถไปเที่ยวอีกเมืองหนึ่งที่เป็นทางผ่านก่อนที่จะกลับไปยังไทเป
นั่นคือเมืองอิงเก่อ (Yingge) เมืองที่ผลิตเซรามิคกันเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของไต้หวัน
ซึ่งเราจะต้องนั่งรถเมล์จากเมืองซานเสียไปยังเมืองอิงเก่อ ใช้เวลาเดินทางต่อประมาณ
20 นาที รถเมล์ก็จะพาไปจอดบริเวณสถานีรถไฟอิงเก่อ
ไปก่อนนะซานเสีย แล้วเราจะกลับมาเที่ยวใหม่
เมืองอิงเก่อ (Yingge) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองไทเป
แต่ก่อนเป็นเมืองทำเกษตร
ภายหลังได้มีคนจีนอพยพเข้ามาพร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเครื่องปั้นเซรามิค
จนกลายมาเป็นเมืองอุตสาหกรรมเซรามิคในปัจจุบัน ซึ่งมีร้านค้าเครื่องเซรามิคมากกว่า
800 ร้าน และมีพิพิธภัณฑ์เซรามิคอีกด้วย และใครที่ชื่นชอบการขี่จักรยาน
เมืองนี้มีจักรยานให้เช่าขี่ชมเมือง
และถนนหนทางเค้าก็ทำเลนจักรยานไว้ให้อย่างดีเลย
อิงเก่อ (Yingge) อยู่ในเขต New Taipei City หรือเขตอุตสาหกรรมเมืองใหม่
ทางเดินลอดอุโมงค์รถไฟที่นี่ ยังไม่เย็นค่ำเท่าไหร่ แต่มืดเสียแล้ว
แอบหลงทางกันด้วย คนที่นี่ให้ความช่วยเหลือดีมากค่ะ
เราเดินฝ่าความหนาวและลมแรงมาถึงพิพิธภัณฑ์จนได้
ผลงานของนักออกแบบเซรามิคชื่อดัง เค้าก็จัดแสดงไว้ที่นี่
โมเดลจำลองการเผาเครื่องเคลือบดินเผา
แบบจำลองเตาเผาเซรามิค
ดูแล้วก็คล้ายๆกับเตาเผาบ้านเรานะ
แผนผังการเดินภายในพิพิธภัณฑ์เซรามิคกว้างมากๆ
นอกจากนี้ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นมุมกาแฟให้บริการ ห้องการเรียนรู้สำหรับเด็กนักปั้น
และสวนศิลปะเซรามิคกลางแจ้ง แต่สวนนี่เราไปเดินเล่นสูดอากาศได้ประเดี๋ยวก็ต้องรีบกลับมาข้างในเลย
เพราะทั้งลม ทั้งฝนปรอยๆลงมา มันหนาวมากๆจ้า
ประติมากรรมเซรามิคตั้งโชว์ในสวนเซรามิค
ลานกว้างสวนเซรามิคที่ไม่มีคนเดินเลย
เซรามิคยักษ์ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ อยากจะเดินไปถ่ายแต่ลมแรงเกิน
ด้านหน้า Workhop การเรียนรู้เล่นและปั้น
ตอนเย็นๆได้เวลาเดินช้อปชมเมืองไปตามถนนคนเดิน
จะมีร้านขายเครื่องเซรามิคที่ระลึกเยอะมากๆ
มีตั้งแต่ชิ้นงานใหญ่ๆเพื่อตกแต่งโรงแรมหรือคฤหาสน์ ไปจนถึงชิ้นเล็กๆ
ที่ซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือได้
แต่ละร้านล้วนเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าไปละลายเงินกันทั้งนั้น
ถ้าใครไม่เสียเงินจากถนนเส้นนี้เลย แสดงว่าคุณยังมาไม่ถึงเมืองอิงเก่อนะ
ร้านขายเซรามิคที่มีอยู่ทั่วเมืองอิงเก่อ
ผลแอ๊ปเปิ้ลกับผลพลับน่าซื้อมากๆจ้า
พลับผลไม้มงคล ราคาไม่แพง ซื้อฝากคนทางบ้านได้สบายๆ
น้ำมันที่นี่แพงไหม ไม่รู้สิ ดูเอาเองนะ
แต่ผลไม้เมืองหนาวน่ะไม่แพงเลย
ได้เวลานั่งรถไฟ TRA ลับไปยังเมืองไทเปแล้วสิ
เราต้องไปซื้อตั๋วแล้วนั่งรอที่ชานชาลา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1
ชั่วโมงก็ถึงยังใจกลางเมืองไทเปแล้ว แรงยังไม่หมด
วันนี้เราจะพาทุกท่านไปยังตลาดกลางคืนอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือตลาดกลางคืนหัวซี (Huaxi Night Market) เป็นตลาดกลางคืนไทเปเก่าแก่ที่มีมานาน
เดินทางมาง่ายด้วยการนั่งรถใต้ดินมาโผล่ที่สถานีวัดหลงซาน ใจกลางเมืองไทเปเลย
ได้เวลาเดินทางกลับแล้วสิ ให้เดินตามทางรถไฟไปขึ้นที่สถานี Yingge
Yingge Train Station ถึงแล้วสถานีรถไฟอิงเก่อ
รถไฟที่นี่มีทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟแบบธรรมดา
ตลาดกลางคืนหัวซี (Huaxi Night Market) จะเน้นเป็นของกินมากกว่าของให้ช้อปปิ้ง
ซึ่งก็มีอาหารจำพวกเปิบพิสดาร อาหารทะเล อาหารป่า และอาหารประเภทชูกำลังเสียเยอะ
ไม่ต้องแปลกใจที่มาที่นี่แล้วจะเจอหนุ่มๆวัยดึกชาวไต้หวันค่อนข้างเยอะ
ก็แกเล่นมาหาของชูกำลังทานเพื่อบำรุงร่างกายนั่นเอง แต่ไม่ต้องกลัว
อาหารเหล่านี้จะขึ้นเหลาอยู่ในภัตตาคารและราคาแพงมากด้วย
ส่วนอาหารกลางคืนตามสองข้างทางก็มีขายตามปกติทั่วไป
อยากให้กินแป้งบัวลอยร้อนที่คลุกน้ำตาลทรายแดงสักมื้อ
รับรองได้เลยว่าแก้หนาวได้ดีมากๆ
ตลาดกลางคินหัวซี (Huaxi Night Market) ยามค่ำคืน
ของทะเลแห้งก็มีขายที่นี่จ้า
บางมุมก็คล้ายสำเพ็งแต่เป็นตลาดกลางคืน
ตู้ขายอาหารพร้อมทำริมทาง
ร้านนี้ทำอาหารคล้ายๆ ยำหนังไก่
นี่แหละแป้งบัวลอยต้มใส่น้ำตาลทรายแดง
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เดินทางไกลมาก
และเดินจนเมื่อยมาทั้งวัน เหนื่อยแทบสลบ พรุ่งนี้เราจะพาไปทริปเบาๆ
ไหว้พระขอพรกันก่อนที่จะบินกลับ กทม.กันนะจ๊
ขอเติมพลังก่อนนอนด้วยนมรสผลไม้ ที่ไต้หวันอร่อยมากๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น