เที่ยวบรูไนแบบตามใจฉัน ชมมัสยิดทองคำมัสยิดสุลต่านและหมู่บ้านกลางน้ำ
Kampong Ayer
ความตั้งใจที่ว่าจะตื่นเช้าแล้วออกไปเที่ยวบรูไนก็หมดไปด้วยความที่เราสองคนนอนตื่นสายกันมาก
โชคดีที่เราได้รับคูปองทานอาหารเช้าฟรี 3 มื้อ เพราะเราเลือกที่จะพักที่นี่ถึง 3
คืน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินลงไปที่ร้านอาหารที่อยู่นอกตัวโรงแรมซึ่งน่าจะมี Connection
กับทางโรงแรมนั่นแหละ
ร้านอาหาร My Town Eating House ที่เราจะไม่ได้ฝากท้องแค่มื้อเช้าเท่านั้น
ด้วยความอร่อยของชุดขนมปังสังขยาของมื้อเช้า
ทำให้เราติดใจกลับมาลองมื้อค่ำแบบเต็มสตรีมในวันต่อๆไปเลยครับ
ต่อไปนี้เราจะต้องมากินมื้อเช้าที่นี่ทุกวันจ้า
ขนมปังสังขยาราดด้วยถั่วกระป่องพร้อมไข่ลวก อาหารเช้าแบบสไตล์อังกฤษ
ท้องอิ่ม แผนที่บรูไนก็เริ่มกาง แพลนต่างๆในหัวก็เริ่มมาทันที การเที่ยวบรูไนด้วยตัวเองพวกเราเริ่มต้นจากการนั่งรถเมล์เข้าไปใจกลางเมืองก่อนเลย
เบื้องต้นถ้าเราไปขึ้นรถเมล์ฝั่งเข้าเมืองทุกสายจะวิ่งเข้สู่สถานีหลัก (Central
Station)รถเมล์สาย45 เป็นสายแรกที่เข้ามาเราเลือกขึ้นทันที ค่ารถโดยสารคนละ 1
ดอลล่าร์ เพื่อไปลงที่ท่ารถหลักใจกลางเมือง
ชุดสตรีมุสลิมที่นี่สีสันสดใสมากๆ
รถเมล์คันในภาพนี้แหละ พาพวกเราเข้าสู่ใจกลางเมือง
ถนนหนทางในบรูไนโล่งรถไม่ติดเลย
ถนนหนทางในกรุงบันดาร์ เสรี เบกาวัน ช่างดูสะอาดตา
รถราวิ่งน้อยไม่มีติดขัด ผิดตรงที่ว่าแทบไม่เห็นคนเดินตามท้องถนนบ้างเลย
คนต่างใช้รถส่วนตัวกันหมด
กลายเป็นว่าคนที่ขึ้นรถเมล์เป็นคนต่างชาติที่มาทำงานที่นี่กันทั้งนั้น
จุดแรกที่เราได้แวะเดินคือริมแม่น้ำที่อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นหมู่บ้านกลางน้ำ (Kampong
Ayer) แต่ยังก่อนตอนเช้าขอไปเยี่ยมชมมัสยิดทองคำก่อน
แม่น้ำบรูไนอีกฝั่งคือหมู่บ้านกลางน้ำ
เดินผ่านห้างสรรพสินค้าที่ยังไม่เปิดทำการคือห้างยาย่าซัน
(Yayasan
Complex) เบื้องหน้าเห็นโดมมัสยิดทองคำสีเหลืองเรืองรองอยู่ด้านหน้า
ถึงขนาดของมัสยิดไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ความงามเบื้องหน้าก็ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะหยุดยืนมองตรงนั้น
ย่านใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวันในตอนเช้า
ห้างสรรพสินค้า Yayasan Complex ห้างหรูใจกลางกรุง
เห็นมั้ยโดมมัสยิดทองคำอยู่ข้างหลังห้าง งดงามยิ่งนัก
มัสยิดโอมาร์ อาลี ไซฟัดดิน (Sultan Omar Ali Saifuddien
Mosque)
มัสยิดรูปโดมทองคำเหลืองอร่ามที่น่าจะสวยที่สุดในอาเซียน
มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1958 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองริมแม่น้ำเคดายัน
( Sungai Kedayan) เป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณชาวมุสลิมในบรูไนเลยล่ะ
คนที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปต้องแต่งกายมิดชิดเรียบร้อย
ถ้าชุดไม่เรียบร้อยข้างนอกจะมีชุดคลุมให้ยืมสวมใส่ฟรีทั้งของชายและหญิง
และไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพข้างใน ทั้งที่ข้างในตกแต่งด้วยพรมทอพิเศษจากซาอุดิอาราเบีย
และโคมไฟคริสตัลห้อยระย้าจากยุโรป
Sultan Omar Ali Saifuddien Mosque
โดมทองคำสร้างมาตั้งแต่ยุค 60s
แต่งกายไม่มิดชิดก่อนเข้าชมข้างใน ทางมัสยิดมีชุดให้ยืมใช้ฟรีจ้ะ
เมื่อจิตใจสงบแล้วให้ลองเดินวนชมบรรยากาศรอบๆ มัสยิด
จะเจอมุมถ่ายภาพบริเวณสระน้ำด้านนอกที่จะแลเห็นเงาสะท้อนของมัสยิด
และเรือจำลองตั้งเด่นเป็นสง่า ยิ่งถึงเวลาละหมาดเราจะได้ยินเสียงนำสวดมนต์ดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณกันเลยทีเดียว
เสียดายที่ลมพัดแรงเลยไม่ค่อยเกิดเงาสะท้อนน้ำ
เรือจำลองโบราณกลางสระน้ำ
อาคารหลังสวยข้างมัสยิด
หมู่บ้านกลางน้ำ กัมปงไอเยอร์ หรือ Water Village (Kampong Ayer)
หลังจากใช้เวลาในช่วงเช้าที่มัสยิดเสร็จก็ถึงเวลาที่จะไปเดินชมหมู่บ้านกลางน้ำของแม่น้ำเคดายันกันต่อ
หมู่บ้านกลางน้ำถือว่าเป็นชุมชนดั้งเดิมเริ่มตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานของประเทศบรูไนกันเลยทีเดียว บ้านแต่ละหลังสร้างขึ้นกลางน้ำด้วยเสาเข็มคอนกรีต
บางหลังก็ยังเป็นไม้ปักอยู่ในน้ำอยู่
ทางเดินเชื่อมแต่ละหลังบ้างเป็นไม้บ้างเป็นทางเดินแผ่นคอนกรีต
แต่ดูรวมๆแล้วเป็นชุมชนที่มีเสน่ห์เพราะเขาอยู่กันแบบเรียบง่ายและพอเพียงจริงๆ
ท่าเรือหลักของหมู่บ้านกัมปงไอเยอร์
การเดินทางมาเยือนที่นี่ก็ไม่ยากถ้าจะเหมาเรือแท็กซี่ที่เรียกว่า Water Taxi นำเที่ยวก็ไม่ยาก
ค่าเหมาจะอยู่ที่ 50ดอลล่าร์ สำหรับการพาชมทั่วหมู่บ้านแบบตามใจฉันและไปได้ครบ
แต่ถ้าคุณอยากเดินลุยเดินชมเองทั้งหมด แนะนำให้ใช้บริการเรือแท็กซี่ข้ามฟาก
ซึ่งเสียค่าบริการแค่ 1 ดอลล่าร์บรูไนเท่านั้น เรือจะพาข้ามจากฝั่งหน้าห้างสรรพสินค้ามาลงที่ Kampong Ayer Cultural
& Tourism Gallery พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ชุมชนที่ภายในจะมีภาพประวัติศาสตร์ชุมชนและการก่อตั้งชุมชนที่นี่ซึ่งเปิดให้เข้าชมฟรี
มาถึงแล้วพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ชุมชน
ภาพถ่ายจากหอชมวิว เห็นมัสยิดกลางน้ำเล็กๆนั่นไหม
บ้านทุกหลังสร้างอย่างเรียบง่ายและพอเพียง
บ้านสมัยใหม่ทางรัฐบาลจะปลูกสร้างให้แบบสำเร็จรูป
ทางเดินเชื่อมระหว่างหมู่บ้านจะใช้สะพานคอนกรีตเป็นหลัก
คล้ายบ้านเอื้ออาทรของเรามั้ย ต่างกันที่บ้านเหล่านี้ปลุกสร้างในน้ำเท่านั้นเอง
การเดินชมหมู่บ้านในยามสายๆในวันทำงานทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านร้างมากๆ
เนื่องจากคนในวัยทำงานและวัยเด็กนักเรียนต่างก็นั่งเรือข้ามฟากไปทำงานและไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ตามริมฝั่งแม่น้ำไปทำงานกันหมด
พวกเราเลยเดินกันได้อย่างชิวๆ ไม่ต้องกลัวสุนัขจรจัดที่จะคอยไล่เห่าผู้มาเยือนนะ
เพราะบนเกาะกลางน้ำนี่มีแต่แมวน้อยผู้น่ารัก บางบ้านก็เลี้ยงนกเขา
นกกรงหัวจุกเป็นงานอดิเรกด้วย
เมื่อความเจริญเข้ามาทำให้บ้านบางหลังเริ่มเป็นคอนกรีต
บางหลังก็สร้างขึ้นใหม่แล้วหน้าตาเหมือนกันหมดเลย
บางหลังก็เกิดเพลิงไหม้แล้วยังไม่ได้ซ่อมแซมปรับปรุง
บางหลังก็ผุพังราบลงมาเป็นอันตรายกับคนเดินผ่านไปมา
บางจุดทางเดินเชื่อมต่อระหว่างหลังก็เป็นน้ำ้
บางหลังมีอารมณ์ศิลป์หน่อยก็ตกแต่งทาสีซะสวยงามเลย
หลังที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ต้องรอการสร้างใหม่อย่างเดียวเลย
มาแล้วเจ้าเรือรับจ้าง Water Taxi พาหนะคู่ชีพที่จะพาคนที่นี่ไปทำงานบนฝั่ง
สุเหร่าตามอย (Tamoi
Mosque) เป็นสุเหร่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของชุมชนกลางน้ำ
โดยเป็นสุเหร่าที่มีขนาดเล็กที่สร้างขึ้นใหม่ยอดโดมเป็นสีเขียวสด
กลางคืนประดับไฟสวยงาม ภายในห้องละหมาดกว้างใหญ่ติดแอร์เย็นฉ่ำ
ซึ่งพวกเราแอบเข้ามาหลบร้อนและกางแผนที่เพื่อที่จะเดินกลับที่พักกัน
ในที่สุดเราก็ค้นพบว่าที่นี่สามารถเดินกลับที่พักของเราซึ่งอยู่ใกล้มากๆ เลยได้แวะฝากท้องที่ห้างใกล้กับที่พักเป็นอาหารแบบสไตล์มาเลย์
คือข้าวไก่ย่างกับข้าวปลาหมึกทอดพร้อมน้ำจิ้มรสหวาน
อาหารการกินที่บรูไนจะไม่ค่อยมีผักจะหนักไปทางเนื้อสัตว์มากกว่า
สุเหร่าตามอยมองจากฝั่งหมู่บ้านดูใหญ่โตสวยงามมากจ้า
ยอดโดมสีเขียวที่เด่นเห็นแต่ไกลเป็นมัสยิดที่สร้างขึ้นใหม่
ทางเดินเข้ามัสยิดจากหมู่บ้านทำจากไม้ระแนงอย่างดี
ภายในห้องสวดมนต์แอร์เย็นฉ่ำเลยจ้าเราเลยแอบมานั่งพัก
เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาละหมาดเลยไม่มีผู้คนภายในเลย
ตารางบอกเวลาเปิดปิดในแต่ละวัน
ข้าวไก่ย่างซอสหวานดำเกรียมเลยจานละ 5.90ดอลล่าร์
ปลาหมึกทอดจิ้มซอสพริกเอามากินกับข้าวสวยจ้า
ได้เวลารอรถเมล์ออกเดินทางต่อรอบบ่ายกันแล้ว
มัสยิดจามิ
ฮัซซานัลโบลเกียห์ (Jame’ Ars Hassanil Bolkiah Mosque)
จุดหมายในการเดินทางบ่ายนี้คือมัสยิดหลวงแห่งท่านสุลต่าน
มีความสง่างามและศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวบรูไนจะต้องมาที่นี่สักครั้งในชีวิต
ก่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1994 นี่เอง ภายในอลังการด้วยวัสดุนำเข้าจากต่างประเทศ
ทั้งหินอ่อน ทั้งโคมไฟและพรมปูพื้น ชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำและห้องชำระล้างร่างกายก่อนที่จะต้องเดินขึ้นบันไดชั้นสองขึ้นสู่ห้องสวดมนต์ที่แยกเป็นฝั่งชายและหญิง
บริเวณภายนอกมัสยิดเป็นสวนร่มรื่นและลานน้ำพุสวยงามกำแพงประดับด้วยกระเบื้องโมเสก
มัสยิดหลวงที่ภายในหรูหราที่สุดขององค์สุลต่านฮัซซานัล โบลเกียห์
หน้าประตูทางเข้ามัสยิดมีตราประจำพระองค์ติดอยู่
บ่ายนี้ขอแต่งตัวเรียบร้อยให้เกียรติสถานที่นิดนึงครับ
ประตูทางเข้าสุดอลังการของมัสยิด
น้ำพุสวยรอบๆมัสยิด
บันไดเลื่อนตรงกลางมีไว้ต้อนรับองค์สุลต่านและพระราชอาคันตุกะเท่านั้น
หลังคาและหออะซานตกแต่งสไตล์อาหรับ
หลังคายอดโดมมัสยิดทำจากกระจกสเตนกลาส
ห้องชำระล้างร่างกายอยู่ในชั้นใต้ดิน
กำแพงโมเสกสวยๆที่สวนหินอ่อนภายนอกมัสยิด
พิพิธภัณฑ์รอยัลรีกัลเรีย
(Royal Regalia)
เดินทางมาได้ง่ายจากนอกเมืองด้วยรถเมล์เกือบทุกสายที่เข้า
Central bus station เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเครื่องราชบรรณาการต่างๆ
ทั่วโลกที่ได้จัดถวายให้กับองค์สุลต่าน
รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้ในงานพระราชพิธีต่างๆ
ล้วนทำจากทองคำแท้และประดับเพชรนิลจินดาตระการตา
แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปได้
บริเวณที่ถ่ายรูปได้คือด้านนอกที่มีราชรถที่ประดับและตกแต่งด้วยทองคำแท้
และปืนใหญ่ทองคำแท้ ค่าเข้าชมฟรีมีบริการตู้ล็อกเกอร์ให้เก็บของด้วย
ด้านหน้ามีของที่ระลึกของบรูไนขายไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อไปฝากคนทางบ้านครับ
พิพีธภัณฑ์นี้เปิดทำการวันอาทิตย์-พฤหัส เวลา 8.30-16.30 น.
อาคารพิพิธภัณฑ์รอยัลรีกัลเลีย แหล่งเก็บสมบัติอันทรงคุณค่า
ปืนใหญ่ทองคำแท้ด้านหน้า
สายการบินแห่งชาติบรูไนและของราชวงศ์บรูไนด้วย
แผนที่ห้องแสดงของล้ำค่าต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์รอยัลรีกัลเลียไม่เก็บค่าเข้าชมนะครับ
โรงเก็บราชรถของราชวงศ์
แม้แต่ศาสตราวุธก็ยังงาม
ราชรถและโล่ห์ตกแต่งด้วยเงินและทอง
ยามเย็นอาทิตย์ใกล้ตกเวลาเหลือเราเลยมีเวลาที่จะเดินเล่นชมเมืองสักนิด
เดินผ่านพิพิธภัณฑ์ทางการทหาร อาคารสำนักงานและสนามกีฬาแห่งชาติบรูไน
สังเกตได้ว่าคนที่นี่ไม่ค่อยเดินถนนกัน ล้วนแต่ใช้รถส่วนตัวและถนนบางเส้นก็ไม่มีทางเท้าสำหรับคนเดินด้วย เย็นนี้พวกเราวางแผนที่จะไปเดินเที่ยวตลาดนัดกลางคืนกัน
ที่ท่ารถเขาแนะนำให้ไปที่ตลาดนัดกาด้ง Gadong Night Market
ใจกลางเมืองมีอาคารสวยให้ชมระหว่างการเดินทางเยอะเลย
นานๆทีจะเห็นคนเดินตามท้องถนนที่นี่
วงเวียนหอนาฬิกาใจกลางเมือง
มัสยิดโอมาร์ไซฟัดดินที่เราได้แวะในตอนเช้า
สนามกีฬาแห่งชาติบรูไน
อาคารที่ทำการสายการบินรอยัลบรูไน
ขวดน้ำหอมสวยๆ สไตล์อาหรับ
ตลาดกลางคืน Gadong
Night Market
ตลาดนัดกาด้ง อยู่ในเมือง Gadong ห่างจากกรุงบันดาร์เสรีเบกาวันประมาณ
5 กิโลเมตร ใกล้กันจะมีห้างสรรพสินค้าติดแอร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ
ติดกันจะเป็นตลาดนัดของกินที่ขายของตอนกลางคืนแบบซื้อใส่ห่อกลับบ้านไม่มีพื้นที่นั่งรับประทาน
อาหารการกินก็มีทั้งผลไม้เมืองร้อนเช่นทุเรียน ลองกอง กล้วย อาหารสำเร็จรูปมีทั้งปลาเผา
ไก่ย่าง ลูกชิ้นทอด เต้าหู้ทอด เคบับและอาหารอื่นๆอีกเพียบ งานนี้เราเดินเพลินจนลืมเวลาที่รถหมด
เอาล่ะสิ เดือดร้อนต้องเดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อให้โรงแรมเรียกรถแท็กซี่ให้
งานนี้แอบเซ็งนิดๆ เพราะค่าโดยสารปาเข้าไป17 ดอลล่าร์บรูไนเลยจ้ะ
แต่ก็ได้ของกินกลับมากินที่โรงแรมเยอะเหมือนกัน กินให้หายเหนื่อย
พรุ่งนี้ต้องออกไปเที่ยวนอกเมืองกันอีกจ้า
มาถึงแล้วตลาดนัดเมืองกาด้ง
ป้ายทางเข้าเก่าไปนิด ตอนเช้าจะมีตลาดสดที่นี่
แต่พอตกเย็นจะมีของกินขายมากมาย
ใครชอบกินอาหารอาหรับที่นี่มีให้กินด้วยล่ะ
แฟนๆทุเรียน ลองกอง สละ ไม่ควรพลาดตลาดนี้เลย ราคาถูกมากๆ
เจ๊ขอมาอุดหนุนลูกชิ้นปลาทอดถุงนึงค่ะ
ที่นี่มีข้าวต้มมัดมีเต้าหู้ทอดคล้ายบ้านเรา
แฟนๆปลาเผาปิ้งย่างไม่ควรพลาดเลย
โคมไฟตุรกีสวยวางขายในห้างข้างตลาดนัด ราคาแพงมากๆ
โรงแรมและห้างหรูที่เราใช้บริการเรียกรถแท็กซี่กลับโรงแรมกัน
เดินตลาดนัดตั้งนานผลสุดท้ายซื้อกลับมากินแค่นี้เอง หมดไป4ดอลล่าร์ครับ
อิ่มท้องกำลังดี ฝันดีครับ