เที่ยวบรูไน แบบตามใจฉัน ทริปออกแบบได้ชีวิตก็ออกแบบได้ Backpack
to Brunei Darussalam
ไปเที่ยวบรูไนทำไมมีอะไรหรือ
มีแต่คนถามว่าไปทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย เป็นประเทศที่ตั้งขึ้นมาใหม่ไม่นานนี้เอง
แต่รู้ไหมว่าประเทศบรูไนเกิดใหม่ไม่นานก็จริงแต่มีทรัพยากรธรรมชาติล้ำค่าอย่างน้ำมันนี่เอง
ที่ก่อให้เกิดความมั่งคั่งในภูมิภาคแห่งนี้ โดยที่ประชากรที่นี่ไม่ต้องทำงานหนัก
เพราะรัฐได้สร้างความมั่งคั่งด้านสวัสดิการรัฐไว้แล้ว
เป็นดินแดนที่เม็ดเงินได้ดึงดูดแรงงานข้ามชาติในAEC เข้าไปทำงานเพื่อแลกกับหยาดเหงื่อแรงงาน
บรูไนประเทศเล็กๆในกลุ่ม AEC
ที่มักถูกลืมเซ็ทเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทาง
วันนี้เราจะได้พาทุกคนรีเซ็ทจุดหมายใหม่และออกเดินทางไปสัมผัสดินแดนแห่งนี้กันครับ
มัสยิดงามเลอค่าใจกลางเมืองหลวงของบรูไน
ประเทศบรูไนร่ำรวยได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติล้ำค่า คือน้ำมันนั่นเอง
ประเทศบรูไนมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “เนการา บรูไน ดารุซซาลาม” ( Negara Brunei
Darussalam) แปลว่า ดินแดนแห่งสันติสุข เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มประชาคมอาเซียน
ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเกาะบอร์เนียว มีภูมิประเทศเต็มไปด้วยป่าไม้
พื้นที่ลุ่มน้ำเต็มไปด้วยป่าชายเลนและดินดอนปากแม่น้ำ มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นมีฝนตกชุกตลอดปี
ด้านการเงินใช้เงินสกุล ดอลล่าร์บรูไน (Dollar Brunei) โดยมีอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับเงินดอลล่าร์สิงคโปร์
คือ ประมาณ 1ดอลล่าร์ = 25บาทไทย สามารถใช้เงินสิงคโปร์ที่นั่นได้เลย
แต่จะได้รับเงินทอนมาเป็นเงินบรูไนครับ
เมื่อแลกเงินแล้วอย่าลืมทำการบ้านด้วยหนังสือและรีวิวนำเที่ยวครับ
บรูไนมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
โดยปกครองแบบรัฐสุลต่าน มีเมืองหลวงชื่อกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและใช้ภาษามาเลย์ (Bahasa ) เป็นภาษาประจำชาติ และมีการใช้ภาษาอาหรับอย่างแพร่หลายตามป้ายสถานที่ราชการ
แต่หากสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ คนที่นั่นก็สามารถพูดจาตอบโต้ได้ดี
คนบรูไนเป็นมิตรมากๆจ้า
เกริ่นแนะนำประเทศบรูไนมาเสียยาว
มาเล่าถึงวิธีเดินทางไปบรูไนกันบ้าง มีหลายสายการบินที่ให้บริการบินตรงจากไทยไปบรูไน
คือสายการบิน รอยัลบรูไน (Royal Brunei) และสายการบินไทย แต่ราคาก็แพงตามสายการบินชั้นนำ
และมีเที่ยวบินต่อเครื่องที่มาเลเซีย ก็จะมีของแอร์เอเชีย (Airasia) และมาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airline) ไปเที่ยวบรูไนครั้งนี้เราเลือกใช้สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์
ซึ่งจัดโปรโมชั่นอยู่ที่ 5600 บาท ไปกลับรวม 4 ขา แพงกว่าแอร์เอชียประมาณ 1พันบาท
แต่เราเลือกเพราะว่ามันรวมค่าโหลดน้ำหนักกระเป๋า
และอาหารบริการบนเครื่องทั้ง4มื้อไว้แล้ว โดยเที่ยวบินจะมีการแวะพักที่สนามบิน KLIA
กัวลาลัมเปอร์
ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพไป กัวลาลัมเปอร์ ประมาณ2ชั่วโมง และบินข้ามทะเลจาก KL
ไปบรูไนอีก
2 ชั่วโมง หลายคนอาจจะมองว่ามันเสียเวลามากแต่สำหรับเรามันคือความคุ้มค่ามากที่ได้แวะเดินช้อปปิ้งที่สนามบิน
KL และเก็บเงินอีก5000
บาทที่จะต้องแลกกับการบินตรงไปจ่ายค่าเดินทางท่องเที่ยวแทนครับ
ไฟลต์เราเช้ามากๆ แลกกับราคาที่ถูกแสนถูก
อาหารที่เสริฟ์บนเครื่องเช้านี้ครับ เป็นข้าวแกงสไตล์มาเลย์
เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิกันตั้งแต่6.00น.
เช้ามากจนไม่อยากจะตื่นมาสนามบินเลย ยังดีที่มีอาหารเช้าเสริ์ฟบนเครื่อง
ใช้เวลาเดินทาง2 ชั่วโมงถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ แล้วความฟินก็เกิดขึ้น
เมื่อเราได้เจอร้านอาหารเจ้าอร่อยแบรนด์ดังของมาเลเซีย Old Town White Coffee แถมข้าวของที่สนามบินก็น่าซื้อมากๆ
ราคาจูงใจสุดๆ แต่เดี๋ยวก่อนยับยั้งชั่งใจนิด
ขากลับเราก็ต้องกลับมาต่อเครื่องที่นี่อยู่ดี ก็ค่อยๆเดินแล้วเล็งไปก่อนก็ได้
เมื่อตะกี้กินบนเครื่องไม่อิ่มนะ ขอจัดต่ออีกสักชุดละกัน
ชุดขนมปังเนยทาสังขยาทานคู่กับไข่ลวกและกาแฟเย็นคือฟินมาก
ใครพาเด็กน้อยมาโซนนี้ระวังเสียตังค์นะ
ข้าวของที่นี่ลดกันแบบไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าเราบ้างเลย
ลดเยอะขนาดนี้รบกวนช่วยไปจัดรายการที่เมืองไทยด่วน
ชีวิตที่ออกแบบได้ต้องพร้อมติดปีกบินตลอดนะ
11.30 น. ได้เวลาบินต่อไปบรูไนแล้ว
จากสนามบิน KLIA เราใช้เวลาเดินทางอีก 2 ชั่วโมงครึ่ง
ก็เดินทางถึงกรุงบันดาร์เสรีเบกาวันในตอนบ่ายสอง
ระหว่างเดินทางมีอาหารกลางวันเสริ์ฟให้อีกมื้อ และอย่าลืมที่จะกรอกใบตรวจคนเข้าเมืองเสียให้เรียบร้อยก่อนจะลงจากเครื่อง
พอถึงสนามบินเราก็เจอกับป้ายบอกทาง2ภาษาเลย นั่นคือภาษาอังกฤษกับภาษาอาหรับ
ผู้หญิงที่นั่นคลุมหน้าเกือบทั้งหมด ติดกับสนามบินมีมัสยิดสร้างแบบทันสมัยไว้ให้นักเดินทางและเจ้าหน้าที่สนามบินได้ไปประกอบศาสนกิจกันด้วย
โฉมหน้าใบตรวจคนเข้าเมืองของประเทศบรูไน
อย่าลืมกรอกทุกช่องให้ครบนะครับ
ทริปบรูไนไปกันแค่สองคนเท่านั้นจ้า
นางพร้อมมาเสริ์ฟอาหารอีกมื้อแล้ว
สำรับอาหารมื้อนี้ก็ยังคงเป็นข้าวกับแกงสไตล์มาเลย์เหมือนเดิม
และเราก็มาแตะลงที่สนามบินบันดาร์เสรีเบกาวันแล้ว
มาถึงสนามบินที่นี่คุณผู้หญิงคลุมฮิญาบกันเกือบทุกคน
ภาษาที่ใช้คือภาษาอาหรับกับภาษาอังกฤษ
ด้วยความที่ประเทศบรูไนไม่ใช่จุดหมายนักเดินทาง
จึงมีเอกสารท่องเที่ยวแจกนักท่องเที่ยวน้อยมาก
เราหยิบแผนที่มาได้เล่มเดียวแล้วก็พร้อมลุยออกไปข้างนอกเลย
ด้วยรถเมล์ที่เข้าสนามบินนานๆจะมาที เลยขอใช้บริการแท็กซี่ก่อน
คนขับเป็นผู้หญิงคลุมฮิญาบท่าทางคล่องแคล่ว พูดจาแนะนำได้ดี
นางพาพวกเราไปส่งที่พักที่เราได้จองไว้นั่นคือโรงแรม Le Gallery Suite ที่เราจองไว้ ค่าห้องคืนละ 1450 บาท รวมอาหารเช้าแล้ว
ค่าแท็กซี่เดินทางไปโรงแรมประมาณ300บาท
คุณนายเห็นป้ายต้อนรับ นางพลาดไม่ได้เลยจ้า
สนามบินไม่ใหญ่แต่มีความทันสมัยมาก
ขอมาโฉบดูซุ้มร้านขายหนังสือเสียหน่อย
มัสยิดแบบสมัยใหม่สร้างอยู่ภายในสนามบินข้างอาคารผู้โดยสารเลย
พอถึงโรงแรมฝนก็ตกพอดีเลยนอนพักเอาแรง อีกทั้งเมื่อเช้าก็ตื่นเช้ามาก
พวกเราเลยพากันหลับไม่รู้เรื่องจนมืดค่ำ
เลยได้ลงมาหาอาหารเย็นทานแถวโรงแรมเป็นอาหารสไตล์มาเลย์ เสร็จแล้วว่าจะเดินเล่นแถวนั้นแต่ร้านค้าปิดกันเกือบหมดแล้ว
เลยต้องกลับไปนอนเอาแรงวางแผนเดินทางท่องเที่ยวพรุ่งนี้แทน
โรงแรมที่เราจะพักกันตลอดสามคืนที่นี่ Le Gallery Suite Hotel
Lobby โรงแรมที่นี่ก็กินขาดแล้ว สวยเริ่ดหรู
ห้องนอนเตียงคู่ในราคาคืนละ 1450 บาท รวมมื้อเช้า
แล้วเราก็ต้องฝากท้องแถวโรงแรมนั่นแหละจ้า
พรุ่งนี้เราจะมารีวิวสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ที่ห้ามพลาดในการไปเยือนครับ อย่าลืมว่าการไปเที่ยวเอง เราสามารถออกแบบทริปได้และเปลี่ยนแปลงได้เสมอครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น