และแล้ววันสุดท้ายของการเดินทางเที่ยวสุราบายาก็มาถึง ตื่นเช้ามาก็เดินสำรวจโรงแรมจนทั่วพบแต่ความเงียบงัน คาดว่าคงมีแต่ห้องเราห้องเดียวนั่นแหละที่พักเมื่อคืน โรงแรมนี้ไม่มีบริการอาหารเช้าพวกเราต้องเดินออกไปหารับประทานเองข้างนอก สุราบายาเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของอินโดนีเซียตั้งอยู่บนเกาะชวาฝั่งตะวันออก มีประชากรมากกว่า 3 ล้านคน
โรงแรมร้างยามเช้า
สภาพห้องนอนที่นอนเมื่อคืน
บนชั้นสองของโรงแรม
โชคไม่ดีนักที่พักของเราสงบก็จริงแต่อยู่ไกลจากชุมชนเมือง ทำให้พวกเราต้องเดินไกลถึงไกลมากเพื่อที่จะเสาะแสวงหาอาหารเช้าดีดีใส่ท้อง แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอเดินข้ามถนน ข้ามแม่น้ำมาส (Mas River) แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมืองก็แล้ว สุดท้ายเลยต้องมาหยุดที่ร้านข้าวแกงแห่งหนึ่งริมถนน เพื่อสั่งกับข้าวและเต้าหู้ทอดมานั่งรับประทานกัน มื้อนั้นหมดไป 83,000 รูเปียห์
ร้านข้าวแกงริมถนนมื้อเช้าวันนี้
ร้านข้าวแกงแห่งนี้เองที่เป็นที่พึ่งของหนุ่มๆมนุษย์เงินเดือนแวะมารับประทานก่อนที่จะเข้างาน และที่นี่เราก็จอหนุ่มวัยกลางคนน้ำใจงามคนหนึ่งที่อาสาจะพาพวกเราไปส่งยังห้างแห่งหนึ่ง หลังจากที่เราถามเค้าว่าในตัวเมืองสุราบายามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ที่ไหนบ้าง เขาในฐานะเจ้าบ้านไม่ขอแนะนำสถานที่อื่นนอกจากห้างสรรพสินค้า ซึ่งสถานที่ที่เขาแนะนำมีลักษณะคล้ายกับ Community Mall มีอาหารดีดีขายและ Hypermarket ไว้ช้อปปิ้งของใช้
ชายผู้ใจดีอาสาขับรถมาส่งยังห้างใหญ่
ห้างนี้เต็มไปด้วยขนมนมเนย ห้างDRAGO
รถแท็กซี่ประจำเมืองสุราบายา
ร้านอาหารที่เรากินเมื่อคืนเป็นเมนูปลาล้วนๆ
อันนี้อีกห้างหนึ่งเปิดใกล้ๆกับห้างแรก Ranch Market
แต่ห้างใหญ่ใจกลางเมืองนั้นไม่ได้เป็นที่สนใจของพวกเรามากนัก ดังนั้นจึงเดินได้ประเดี๋ยวแล้วนั่งรถกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมแล้วเดินทางต่อไปยังสวนสัตว์สุราบายา (Surabaya Zoo) ดีกว่า เพื่อหาชมสัตว์ที่หายาก อาทิ มังกรโคโมโด ลิงอุรังอุตัง ฯลฯ
ศาลาว่าการประจำเมืองสุราบายา
สวนสัตว์สุราบายา
เที่ยวสุราบายาคราวนี้เวลามีน้อยมาก เพราะตอนเที่ยงกว่าเราต้องเดินทางไปให้ถึงสนามบินแล้ว สวนสัตว์สุราบายาจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย เนื่องจากสถานที่อยู่ระหว่างทางไปสนามบิน ค่ารถแท็กซี่ประมาณ 25,000 รูเปียห์ สวนสัตว์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1916 มีสัตว์ป่าในเขตร้อนให้ชมมากมาย เช่น จระเข้ เสือ ช้าง แรด หมีควาย กวาง ฯลฯ แต่พระเอกของงานที่มีคนสนใจเฝ้าดูมากที่สุดคือ ลิงอุรังอุตัง ที่พบมากแต่ในเกาะชวา และตัวมังกรโคโดโม (Kodomo) ที่มีขนาดใหญ่มากและมีนิสัยดุร้าย เป็นราชาแห่งสัตว์เลื้อยคลาน พบตามธรรมชาติบนเกาะโคโมโด และเกาะเล็กๆเท่านั้น ค่าเข้าชมสวนสัตว์อยู่ที่ 8,000 รูเปียห์ ด้านหน้าของสวนสัตว์ยังคงปรากฏสัญลักษณ์ของเมือง นั่นคือ การต่อสู้ระหว่างฉลามและจระเข้ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่นั่นเอง
เดินไม่หลงแน่ มีแผนที่บอกโซนนิ่งของสัตว์แต่ละชนิด
เจ้าหมีนั่งอ้าซ่า
เจ้าป่าประจำเกาะโคโดโม
ตัวนี้ใหญ่ที่สุดในสวนสัตว์ ลำตัวยาวสามเมตรได้
เจ้าอุรังอุตัง นี่ก็เป็นไฮไลท์อีกตัวของที่นี่
เจ้าลิงปวดขมองเสียแล้ว
ใครหิวก็มีอาหารบริการ แต่ไม่มีคนกินเลย
และแล้วก็ถึงเวลาโบกมือลาเมืองสุราบายาเพื่อกลับไปยังกรุงเทพเมืองฟ้าอมร พวกเราโบกรถแท็กซี่ที่มาส่งผู้โดยสารหน้าสวนสัตว์นั่นแหละเพื่อไปยังสนามบิน ค่าโดยสารแพงหน่อยประมาณ 72,000 รูเปียห์ เพราะต้องจ่ายค่าทางด่วนให้คนขับรถด้วย การจราจรในเมืองสุราบายาค่อนข้างคับคั่งในเขตที่เต็มไปด้วยอาคารสูงไม่แพ้กรุงเทพฯเท่าใดนัก
จะเดินทางไปสนามบินสุราบายาจะต้องใช้ทางด่วนเท่านั้น
อัตราค่าผ่านทางด่วนของที่นี่
รถแท็กซี่มาส่งพวกเราหน้าสนามบินสุราบายา ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Juanda International Airport หรือสนามบินฮวนด้า อยู่ห่างจากตัวเมืองสุราบายาราว 15 กิโลเมตร ลงมาทางทิศใต้ เป็นสนามบินใหญ่ลำดับสองของประเทศรองจากกรุงจาการ์ต้า รองรับเที่ยวบินจากต่างประเทศมากมาย เราทานมื้อเที่ยงกันที่สนามบินนี่แหละ แต่อาหารทำไม่ค่อยอร่อย ร้านค้าปลอดอากรหรือดิวตี้ฟรีนั้นมีให้เลือกซื้อน้อยมาก สินค้าที่ระลึกพื้นเมืองราคาแพงมากแต่ก็ยังเห็นกลุ่มคนไทยที่มาเที่ยวกันแค่นซื้อไปจนได้ ขากลับเราต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินด้วยนะ คนละ 150,000 รูเปียห์ ควรเตรียมเงินรูเปียห์ให้พร้อมด้วย เพราะที่นี่ไม่รับเงินสกุลอื่นๆ
ทางเข้าสนามบินสุราบายา
ทางเดินภายในสนามบินสุราบายา
เห็นไฟลท์กลับกรุงเทพไหมนั่น
ร้านค้าดิวตี้ฟรีที่นี่เล็กนิดเดียว
บริเวณที่นั่งรอเครื่องออก
พร้อมที่จะกลับบ้านแล้วจ้า
เครื่องทะยานออกจากสนามบินราวๆ 15.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ถึงยังสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพโดยที่ไม่ต้องปรับเวลาขึ้นหรือลงอีก เพราะที่เมืองสุราบายาและกรุงเทพฯ ใช้มาตรฐานเวลาเดียวกัน เที่ยวอินโดนีเซียครานี้ใช้เวลาหลายวันหน่อย ทริปนำชมสถานที่แต่ละแห่งจึงสบายๆ ไม่แน่นจนเกินไป แล้วคราวหน้าเราจะวางทริปหลวมๆแบบนี้อีก แต่จะเป็นที่ไหนคอยติดตามชมกันนะครับ