วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แบกเป้เที่ยวเชนไน ทมิฬ (ที่ยัง) น่าดู ตอนที่ 2 ตะลุยเมืองเจนไน เมืองเอกแห่งรัฐทมิฬนาดู

แบกเป้เที่ยวเชนไน ทมิฬ (ที่ยัง) น่าดู ตอนที่ 2 ตะลุยเมืองเจนไน เมืองเอกแห่งรัฐทมิฬนาดู


          เช้าวันใหม่ เจ้า Times India ได้โผล่เข้ามาทักทายเราแต่เช้าจากช่องประตูด้านล่าง เนื้อข่าวข้างในเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด วันนี้เราจะได้ออกสำรวจทั่วเมืองเชนไนกันละ รอบโรงแรมที่พักเป็นเขตย่านการค้าเล็กๆ เป็นเส้นทางก่อสร้างรถไฟลอยฟ้าที่อนาคตได้เปิดใช้งานแน่นอน พอมีร้านอาหารบ้างตามรายทาง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกแป้งทอดแบบพร้อมกิน แน่นอนมื้อเช้าส่วนมากมักจะเป็นอาหารเบาๆ ดังนั้นเราจึงหนีไม่พ้นพวกแป้งทอด ข้าวผัดกับไข่และชาร้อนๆ

 Emerald Monor Chennai ที่พวกเราพักค้างคืนกัน
ทางออกของโรงแรมจะเจอกับรางรถไฟฟ้าเลย แต่ยังสร้างไม่เสร็จ

โรงเรียนประถมเล็กๆ อยู่ใกล้ๆกับโรงแรม
ระหว่างทางเดินไปสำรวจหาร้านอาหารเช้ากัน

ร้านฝากท้องมื้อเช้าอยู่บริเวณสถานีขนส่งของเมือง

มาอินเดียแต่ละครั้ง ควรทานแต่ของร้อนๆจากเตานะคะ

อาหารเช้าแบบง่ายๆ ไข่ดาวกับข้าวผัด มื้อนี้มังสวิรัติ

               หลังจากนั้นพวกเราได้ถามทางไปยังตลาดสด ซึ่งตลาดแห่งนี้เป็นตลาดค้าส่งดอกไม้ของที่นี่ คนทมิฬมักนิยมนำดอกไม้ไปบูชาเทพและรูปเคารพต่างๆที่ตนนับถือ ดังนั้นดอกไม้ที่นี่จึงขายดีทุกวัน สตรีที่นี่มักจะร้อยดอกมะลิลงบนเรือนผมตัวเองเพื่อให้ส่งกลิ่นหอมสดชื่นตลอดวัน เป็นค่านิยมความงามที่เราไม่อาจพบเห็นได้ในรัฐอื่นๆ หลายนางได้ขี่รถหรือซ้อนรถมอเตอร์ไซต์ เรือนผมดำขลับตัดกับมะลิสีขาวก็จะปลิวไสวเป็นภาพที่ชวนมอง ตัดกับชุดผ้าส่าหรีสีสันสดใส
กว่าทางอินเดียตอนเหนือมากๆ
ไม่น่าเชื่อว่าภายในสถานที่แห่งนี้จะเป็นตลาด

ระหว่างทางเดินไปตลาดสด
ปากทางเข้าตลาดสด จะมีดอกไม้และพวงมาลัยวางขายเยอะมาก

ของใช้ประจำวันก็มีให้จับจ่ายใช้สอยที่นี่

              ผู้คนในตลาดเห็นพวกเราเป็นชาวต่างชาติจึงมักอดไม่ได้ที่จะมาขอถ่ายรูป และก็มีขอทานเข้ามาผสมโรงถ่ายรูปพร้อมกับแบมือขอเงินด้วยเช่นกัน ตลาดที่นี่มีดอกไม้หลากหลายจำหน่ายทั้ง ดอกบัว ดาวเรือง มะลิ กระเจี๊ยบ รวมไปถึงใบกระเพราที่นำไปใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เพราะคนอินเดีย
เค้าจะไม่กินใบกระเพรากันนะ


 มีทั้งดอกไม้ เครื่องเทศ และใบกระเพราขายกันเป็นจริงจัง

 อนาคตนางแบบแห่งเมืองเชนไนค่ะ
นี่คือตลาดสดของจริงที่มีชีวิตอดไม่ได้ที่จะเซลฟี่



             ยิ่งสายแสงแดดก็ยิ่งแผดจ้ายิ่งขึ้นพร้อมที่จะเผาพวกเราให้สุกได้ทุกเมื่อ เราจึงให้ตำรวจจราจรที่บังเอิญยืนอยู่หน้าตลาดพอดี ช่วยโบกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังวิหารเซนต์โทมัสกัน (ST. Thomas Church) รถแท็กซี่ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงเพื่อฝ่าด่านอรหันต์รถติดมายังโบสถ์แห่งนี้ซึ่งตั้งติดอยู่กับแม่น้ำ โบสถ์สีขาวดูใหม่และสะอาดตาใช้เป็นที่ฝังร่างนักบุญของพระเยซูในอินเดีย สร้างขึ้นโดย San Thome  เป็นโบสถ์สไตล์โกธิคยอดแหลมของนิกายอังกลิกัน (Anglican Church) สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 17 โดยนักบุญโทมัสได้เข้ามาเผยแผ่ศาสนาที่นี่ แล้วก็จบชีวิตลงที่อินเดียเช่นกัน
ตำรวจช่วยเรียกรถให้พร้อมต่อรองราคาให้เรา ช่างมีน้ำใจจริงๆ

วิหาร เซนต์ โทมัส


ภายในวิหารมีพิธีสวดประจำวันพอดี

         เสร็จจากเยี่ยมชมโบสถ์แห่งนี้ก็ร่วมบ่าย เราได้เข้าไปนั่งหลบร้อนภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ใจกลางเมือง เพื่อทานอาหารเที่ยงกันหาเครื่องดื่มเย็นๆดับกระหายโชคดีที่ชั้นบนสุดของห้างแห่งนี้มีศูนย์อาหารแบบแลกคูปองให้บริการ เราเลยได้ฝากท้องไว้ที่นี่ ก่อนที่จะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องเพื่อหลบแดดยามบ่ายก่อนที่จะออกไปสำรวจเชนไนอีกครั้งในตอนแดดร่มลมตก

 อากาศร้อนจนต้องหลบแดดเข้าร้านของชำกันเลย
ห้างนี้มี SUBWAY ให้ทานด้วยนะ

อาหารอาหรับมื้อกลางวันก็มีจ้า

         เมื่อตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงสักบ่ายสี่ เราเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้งโดยใช้บริการรถแท็กซี่ เพื่อไปยังย่าน Fort St. George อันเป็นป้อมปราการและเขตเมืองเก่าอยู่ใกล้ๆกับทะเล ได้ชี้แผนที่ให้เจ้าสารถีได้ดู แต่ไม่มีใครรู้จักสถานที่แห่งนี้เลย อาจไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อก็เป็นได้ เขาจึงพาพวกเรามาปล่อยที่ชายหาดมารีน่าแทน (Marina Beach) เขามาส่งพวกเราแบบงงงง เราก็ออกจากรถมาแบบงงเช่นกัน 

จะขึ้นรถเมล์ที่นี่ก็ขึ้นไม่ถูก เพราะใช้ตัวเลขภาษาทมิฬกัน

ลงจากรถมาแบบงงงง ก็มาโผล่หน้าอาคารเก่าแก่สวยๆกันเลย


คนอินเดียจะมามุงที่แท่นแห่งนี้มากที่สุด

อนุสรณ์สถานรำลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่


           ชายหาดแห่งนี้มีความยาวเกิน1กิโลเมตร มีหน้าหาดที่กว้างมากและน้ำไม่ลึก กว้างชนิดที่เรียกได้ว่าทำเป็นสนามฟุตบอลก็ยังได้ เราเดินเข้าไปยังอนุสรณ์สถานต่างๆริมหาดมีแท่นบูชาที่มีเปลวไฟติดอยู่ตลอดเวลาแล้วไม่มีวันดับด้วย ชายหาดแห่งนี้ครั้งหนึ่งเคยถูกคลื่นสึนามิกลืนกินชีวิตผู้คน บริเวณชายหาดมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะนั่งปูเสื่อปิคนิคแล้วสั่งอาหารทะเลหรือผักชุบแป้งทอดแถวนั้นมานั่งทาน   หรือจะไปเล่นเกมยิงปืน ปาลูกดอก ขี่ม้าหมุนหรือขึ้นชิงช้าสวรรค์ก็ไม่มีใครว่า แต่กิจกรรมเช่าม้าขี่ที่นี่มีเยอะจริงๆ

ชายหาดที่นี่กว้างจริงๆ จนม้าหมุนดูร้างไปเลย

ชายจูงม้าให้เช่าขี่ที่หาดแห่งนี้มีเยอะมาก

ของกินเล่นที่ได้รับความนิยมมากคือ ผักทอด 

เราลองสั่งหัวหอมทอดมากินกันชิ้นใหญ่มากๆ

ตะวันลับฟ้าเมื่อตอนเย็นเย็น ช่างเป็นเวลาที่ใจหาย

          น้ำทะเลที่นี่ไม่น่าลงเล่น คลื่นค่อนข้างแรง ยุงค่อนข้างชุมเมื่อพลบค่ำแล้วก็ได้เวลากลับไปทานมื้อเย็นแถวที่พัก เราข้ามถนนมาเรียกรถแท็กซี่อีกฝั่งหนึ่ง ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็กลับมาถึงย่านที่เราพัก Jawaharlal Nehru Cross Street, Arumbakkam จำไว้ง่ายๆ ถนนยาวาฮาราล เนห์รู  อดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย วันนี้มื้อเย็นจัดเต็มด้วย ไก่ทานดูรี และแกงนานาชนิดกินกับข้าวยี่หร่าและแป้งนาน อิ่มจนล้นทะลักในค่ำคืนนี้ ณ ภัตตาคาร Vallavan  ร้านอาหารอินเดียสไตล์อินเดียเหนือ ตกแต่งดี แต่ภายในมืดไปนิด เค้าจะจุดตะเกียงให้แต่ละโต๊ะเป็นอาหารมื้อค่ำที่อร่อยมากรสชาติเลอเลิศกว่ามื้อเมื่อคืน เท่านั้นยังไม่พอเรายังได้ปิดท้ายด้วยขนมหวานอินเดียจากร้านขนมข้างทางด้วย เราได้ซื้อติดตัวไว้กล่องนึงไว้ทานเวลาที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะแต่ละชิ้นให้แคลอรี่สูงมากจ้า
ร้านอาหารอร่อยประจำเมืองเชนไน มื้อค่ำนี้อร่อยจริงๆ

เข้ามาถึงคนเต็มหมด ต้องนั่งรอโต๊ะว่างหลายคิวอยู่

อาหารขึ้นชื่อ Tandoori chicken, Chicken Tikka, แกงแพะ

ขนมหวานสไตล์อินเดียที่นี่ราคาถูกมากๆ



ตอนต่อไป พาเที่ยวเมืองมหาบาลีปุรัม (Mahabalipuram)  ล้ำค่าอารยธรรมฮินดูโบราณ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น