วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บินเดี่ยวเที่ยวศรีลังกา เที่ยวเมืองแคนดี้และสักการะพระเขี้ยวแก้ว (Kandy & Sri Dalada Maligawa)

สถานีรถไฟแคนดี้ (Kandy Railway Station)

             Kandy (แคนดี้) อดีตเคยเป็นราชธานีเก่าแก่ของศรีลังกา ตั้งอยู่บนที่สูงตอนกลางของเกาะ ดังนั้นอากาศจึงเย็นสบายตลอดปี อยู่ห่างจากเมืองหลวงกรุงโคลอมโบประมาณ 139 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาเดินทางราว 3-4 ชั่วมงจุดท่องเที่ยวหลักๆ ของเมืองแคนดี้จะอยู่ในตัวเมืองเป็นส่วนใหญ่ เช่น วัดพระเขี้ยวแก้ว จัตุรัสกลางเมืองเก่า อุทยานแห่งชาติ Udawattakele และมีวัดอยู่รายรอบเมือง ด้วยความที่เป็นราชธานีเก่าแก่จึงมีทั้งวัด โบสถ์ และมัสยิดทั่วเมือง การนั่งรถไฟมาท่องเที่ยวเมืองแคนดี้ให้ดีที่สุดนั้น ควรเลือกรอบเช้ากับรอบเย็น จะได้ไม่เสียเวลาเที่ยว โดยมีเที่ยวรถที่แนะนำดังนี้
·         Train No.9 Inter City Express  Colombo Fort 7.00  - Kandy 9.00
·         Train No.35 Express Colombo Fort 16.55  - Kandy 20.00
·         Train No. 10 Inter City Express   Kandy 15.00 - Colombo Fort 17.35
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตั๋วมักจะถูกจองเต็มตลอด ควรทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3วันทำการ

ท่ารถโดยสารที่เราลงจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ

บริเวณริมทางรถไฟ
เรือนจำโบราณที่ปัจจุบันก็ยังใช้เป็นที่คุมขังนักโทษอยู่

อาคารบ้านเรือนยุคอาณานิคมยังมีให้เห็นมากมาย

               หากปักหมุดแบกเป้เที่ยวตั้งแต่สถานีรถไฟแคนดี้ (Kandy Railway Station) เราก็จะเดินผ่านตลาดสดหน้า Hall ผ่านจตุรัสและหอนาฬิกากลางใจเมือง เมื่อเดินเลี้ยวขวาก็จะพบกับย่านธุรกิจ ร้านค้าตึกแถว รถราวิ่งกันขวักไว่ มีเทวาลัย โบสถ์คริสต์ และมัสยิดแทรกตัวอยู่ตามตึกแถวได้อย่างลงตัว เราต้องเอากระเป๋าไปเก็บยังที่พักที่ได้จองไว้ก่อน ที่พักของเราชื่อ Clock Inn Kandy ราคาย่อมเยา ใหม่และสะอาด ตั้งอยู่เลขที่ 11 Hill Street เป็นห้องนอนรวมที่เรียกว่า Dorm มีทั้งหมด 8 เตียง ราคาเตียงละ 526 บาท  เรานอนที่นี่สองคืน คิดเป็นเงิน 1052 บาท หรือ 4320 LKR (รูปี) เราเอากระเป๋าเข้าไปเก็บแวะทักทายเพื่อนร่วมห้องสักนิดแล้วรีบออกมาเดินเล่นยามเย็นต่อ
ที่พักของเราสองคืนต่อจากนี้น่ารักมั้ยล่ะ


Clock Inn Kandy
โบสถ์แรกตัวอยู่ตามชุมชนได้อย่างลงตัว

ย่านการค้าใจกลางเมืองแคนดี้

ทองที่นี่ลวดลายคล้ายกับอินเดีย

หอนาฬิกาประจำเมือง

               ออกมาตอนเย็นแสงยังไม่หมดจึงได้โอกาสเดินชมเมืองสักนิดผ่านมัสยิดใหญ่ริมทางรถไฟ และทะเลสาบแคนดี้ (Kandy Lake) ที่กว้างใหญ่ แต่ถนนรอบข้างการจราจรแออัด เป็นสถานี่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมือง มีคนวิ่งออกกำลังกาย มีเรือนำเที่ยวรอบทะเลสาบ ถ้ารถไม่ติดคาดว่าอากาศน่าจะดีมากๆ  ให้เดินผ่านทะเลสาบเพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดพระเขี้ยวแก้วที่เปิดหลัง 18.30 เป็นต้นไป ถ้านึกไม่ออกว่าจะบอกรถรับจ้างว่าไปที่ไหน ให้จำง่ายๆว่า Tooth Temple หรือ Sri Dalada Maligawa หรือ “ศรีดาลาดา มาลิกาว่า”  ตอนเช้าวัดเปิดเวลา 5.30-9.30 น. ตอนเย็นเปิดหลัง 18.30 น. เป็นต้นไป ทุกคนสามารถเข้าสักการะพระทันตธาตุ หรือเข้าชมได้ทุกวันแค่ช่วงเช้ากับช่วงเย็นเท่านั้น ค่าเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยว่างชาติคนละ 10 ดอลล่าร์ หรือ1000 LKR (รูปี) ทุกคนจะได้รับมินิDVD นำชม 1ชุด
มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของเมือง

ทะเลสาบแคนดี้(Kandy Lake)
รอบทะเลสาบเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทั่วไป

อีกมุมหนึ่งของทะเลสาบเห็นพระราชวังอยู่ลิบๆ

เบื้องหน้าของวัดพระเขี้ยวแก้วและพระราชวังเดิม
DVD ที่ทุกคนจะได้รับข้อมูลแน่นอยู่ 

            ตำนานพระทันตธาตุ หรือกระดูกส่วนฟันของพระพุทธเจ้านั้น โบราณเชื่อกันว่า ใครก็ตามที่ได้ครอบครองมีสิทธิ์ได้เป็นกษัตริย์ปกครองศรีลังกา จึงมีการต่อสู้แย่งชิงกันมานมนาน ทั้งกษัตริย์สิงหล ชาวฮินดู แม้แต่ชาวตะวันตกยุคล่าอาณานิคม ที่พยายามจะทำลายพระธาตุ ทั้งใช้ค้อนทุบทั้งนำไปเผาไฟแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็ได้ประดิษฐาน ณ กรุงแคนดี้ ตั้งแต่ปี  ค.ศ. 1592 โดยบรรจุในผอบรูปทรงสถูปลดหลั่น 7ชั้น ชั้นนอกบุเงินสูงเมตรกว่าๆ ชั้นในเป็นทองคำ และถูกบรรจุอย่างแน่นหนาภายในชั้นบนของวัด
ภาพวาดภายในทางเดินเข้าอุโบสถวัด




                 เมื่อจ่ายค่าผ่านประตูเรียบร้อยแล้วก็จะต้องถอดรองเท้า ซึ่งทางวัดจะมีที่เก็บรองเท้าไว้ให้บริการ วัดพระเขี้ยวแก้วจริงแล้วอยู่ในเขตพระราชวังเดิมคล้ายคลึงกับวัดพระแก้วจึงมีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ บริเวณหน้าวัดมักจะมีไกด์ผีเดินตามและอาสานำชม ขอให้ปฏิเสธให้หมดและอย่าให้เดินตามเพราะคนพวกนี้สุดท้ายก็จะขูดรีดหรือข่มขู่เพื่อให้เสียค่าทิปราคาแพง ให้ใช้บริการไกด์ของวัดเท่านั้น ตัววัดจะมีกำแพงพร้อมคูน้ำล้อมรอบ ทางเข้าวัดด้านหน้าจะพบอุโมงค์ภาพวาดงดงามด้วยลายอันวิจิตรบรรจง เมื่อเข้าไปแล้วจะมีชายชุดโบราณยืนหน้าถมึงทึงตีกลองเป่าปี่ให้อยู่ภายในคล้ายกับได้เวลาทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง ด้านหลังของอุโบสถจะเป็นพระพุทธรูปหินอ่อนปางต่างๆมากมายและภาพพุทธประวัติ


พิธีสักการะบูชาทำประจำทุกยามเย็น

ธงที่แขวนเป็นธงสัญลักษณ์พระพุทธศาสนา ถ้าไปทิเบตก็จะเจอแบบนี้เช่นกัน

ด้านข้างพระอุโบสถ

             หากจะขึ้นไปสักการะพระเขี้ยวแก้วด้านบนจะต้องเก็บกล้องและปิดมือถือ ห้ามบันทึกภาพ เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันจะเป็นการรบกวนคนนั่งสมาธิหรือนั่งสวดมนต์อยู่ข้างใน ทุกวันตอนเย็นคนที่นี่จะเยอะมากทั้งชาวศรีลังกาและนักท่องเที่ยวจึงต้องยืนต่อคิวเพื่อทะยอยขึ้นไปชมพระเขี้ยวแก้วที่จะเปิดให้เห็นจากช่องเล็กๆด้านในเป็นรอบๆ เราได้รอบทุ่มครึ่งก็ต้องเข้าแถวรอต่อไป

ด้านหลังเต็มไปด้วยพระพุทธรูปหินอ่อน

การสักการะบูชาของที่นี่นิยมนำดอกไม้สดที่ตัดก้านแล้วมาวางมากกว่าพวงมาลัย

ภาพแอบถ่ายระหว่างรอไหว้พระเขี้ยวแก้วที่จะเปิดให้ชมผ่านช่องเล็กๆนั่น

               แต่เมื่อได้เข้าชมแล้วถึงรู้ได้ว่าเราได้เห็นแค่ในส่วนของผอบเท่านั้น ให้ยกมือไหว้แล้วอธิษฐานขอพร เสร็จแล้วก็เดินลงมา ด้านหลังของวัดเป็นพระราชวังเก่าซึ่งดูแล้วเหมือนท้องพระโรงมากกว่า ที่นี่ทำผังทางเดินเข้าออกและชมแต่ละจุดค่อนข้างดีเดินได้ง่าย เดินออกมาตอนสองทุ่มร้านค้าปิดไปส่วนมากแล้ว ท้องถนนในเมืองแคนดี้ยามค่ำคืนค่อนข้างเงียบและอากาศเย็นขึ้นมาทันทีเนื่องจากเป็นที่สูง ระหว่างทางเราได้แวะกินมื้อเย็นตามใจอยาก เป็นอาหารพื้นเมืองศรีลังกาที่เรียกว่า Hopper อ่านว่า “อัพพา” ออกเสียงฮอปเปอร์ คนพื้นเมืองไม่รู้จักนะ เป็นอาหารว่างที่ทานกันได้ตั้งแต่เช้าสายบ่ายเย็น ออกแบบเป็นกระทงคล้ายขนมครกแต่ใหญ่กว่ามาก ทำมาจากแป้งเนื้อเหมือนเครป เมื่อทอดแล้วจะกรอบนอกนุ่มใน สามารถเพิ่มไข่ได้คล้ายกับโรตีโดยจะตอกไข่ใส่ลงตรงกลางแบบแดงเยิ้มๆ นะอร่อยอย่าอกใครเชียว ราคาไม่แพงตกชิ้นละ 50-60 รูปี


วัดพระเขี้ยวแก้วยามค่ำคืน



แวะชิม Hopper ร้านริมทางว่าจะอร่อยแค่ไหน กระทงหน้าร้านน่ะใช่เลย

Hopper ใส่ไข่หน้าตาจะเป็นแบบนี้ มีพริกไทยโรยมาให้ ไข่จะอยู่ตรงกลางกระทง

             กินอิ่มแล้วแม้ยังไม่ดึกมากแต่ก็ควรรีบกลับเข้าที่พัก เพราะถนนหนทางค่อนข้างมืดและวังเวง ไม่มีสถานที่ท่องราตรี เมืองแคนดี้เป็นเมืองที่หลับกันไว เราก็ต้องรีบเข้าที่พักด้วย กลับถึงที่พักเราก็เห็นสมาชิกร่วมห้องขึ้นเตียงกันเกือบหมดแล้ว ใจเขาใจเราการนอนห้องรวมต้องรักษามารยาท คือเมื่อมีคนนอน เราก็ต้องรื้อของทำอะไรให้เบาที่สุด วางแผนการเดินทางพรุ่งนี้ที่ต้องตื่นแต่เช้า ไปสถานที่สำคัญอีกสองเมือง นั่นคือ วัดถ้ำดัมบุลลา (Dumbulla Cave Temple) และอุทยานสิงหราชา สิกิริยา (Sigiriya Rock)

ห้องพักแบบ Dorm จะทำอะไรต้องใจเขาใจเราและได้รู้จักมิตรภาพใหม่ๆ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น