รถเมล์จอดส่งเราที่ท่ารถDeshengmen ใช้เวลาเดินทางขากลับสองชั่วโมงเพราะเจอปัญหารถติดภายชานเมืองปักกิ่ง ข้างๆกับท่ารถมีพิพิธภัณฑ์เหรียญโบราณของจีน
แต่น่าเสียดายที่เรากลับมาไม่ทันเวลาพิพิธภัณฑ์ได้ปิดลงแล้ว แม้แต่หอกลอง
หอระฆังเราก็เข้าไปเยี่ยมชมไม่ทัน ไม่งั้นจะได้ภาพสวยๆ ก่อนอาทิตย์ตกดินอีกวัน
พิพิธภัณฑ์เหรียญตราโบราณ
เขตกำแพงเก่ากับป้อมโบราณเป็นของคู่กันกับเมืองปักกิ่ง
เราเลยต้องเปลี่ยนแผนไปเดินเล่นถนนคนเดินย่านหูท่งแทน
“หูท่ง” (Hutong) คือชุมชนบ้านเรือนโบราณที่ปลูกติดกัน
เว้นช่องว่างระหว่างบ้านสองฟากเป็นแค่ตรอกเล็กๆ ให้คนพอเดินได้
เสน่ห์อีกอย่างของการท่องเที่ยวปักกิ่งก็คือการเดินเล่นย่านถนนคนเดินเก่าแก่นี่แหละ
เอาละเราเห็นศิลปินริมถนนแสดงว่าเข้าใกล้ย่านอาร์ตละ
ถ้าจำไม่ผิดป้อมนี้น่าจะเป็นหอกลองหอระฆังนะ
หนังซีรี่ส์ดังของจีน
ตอนเย็นๆ ผู้คนบนถนนสายนี้เริ่มแน่น
ร้านอาหารฮิปๆเปิดใหม่เต็มไปหมด
เราเลือกที่จะมาเดินที่ถนนคนเดินหนานหลัวกู่เซียง
(Nanluoguxiang) ถนนสายนี้มีความยาว 800 เมตร เริ่มจากถนนใหญ่ไปจนจรดทะเลสาบเคี่ยนไห่ (Qianhai) ถึงจะเป็นถนนคนเดินโบราณในย่านโบราณก็จริงอยู่ แต่บรรยากาศแต่ละร้านล้วนตกแต่งแบบชิคๆเก๋ๆ
เป็นคาเฟ่และร้านกาแฟ เป็นร้านอาหารแนวตะวันตกสมัยใหม่ บางร้านก็ขายของทำมือแนวอาร์ตๆ
ใครชอบเดินชิลดูของแนวนี้ไม่ควรพลาด การเดินทางใช้ MTR สายสีเขียว ไปลงที่สถานี
Nanluoguxiang
ฝันของคนหนุ่มสาวที่นี่คือการเปิดร้านกาแฟในย่านฮิปๆ
บางร้านขายทั้งชาและเบเกอรี่ด้วย
ถนนคนเดินหนานหลัวกู่เซียง (Nanluoguxiang)
ถนนสายนี้เต็มไปด้วยวัยรุ่นและคนวัยทำงานมาเดินกันตอนเย็นๆ
ยกกล้องถ่ายแล้วหยุดเดินค่อนข้างยาก คนแน่นจนไหลไปตามกัน
เดินจนสุดถนนก็จะเจอกับคลองขนาดใหญ่
ร้านอาหารดีๆ ราคาแพงๆก็มีบนถนนเส้นนี้
จะเห็นว่าคนเดินล้นออกมายังทะเลสาบเลย
มื้อรองท้องง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยวยำแห้งแบบเย็น คล้ายหมี่เย็นทรงเครื่องของญี่ปุ่น
จบจากการเดินเล่นเดินชิลแล้ว
โปรแกรมต่อไปเราจะเดินจริงจังท้าลมหนาวยามค่ำคืนบ้าง การท่องเที่ยวปักกิ่งไม่ได้มีแต่โบราณสถานให้ชมกันนะสถานที่สร้างขึ้นใหม่ๆคูลๆก็มี
คืนนี้เราจะพาไปเดินชมสนามกีฬารังนก หรือสนามกีฬาโอลิมปิก 2008 (Beijing Olympic Stadium) ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกประจำปี
2008 นั่นเอง การเดินทางไปนั้นไม่ยากเลย แค่ขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีเขียว Line8 ไปโผล่ที่สถานี Olympic Sports Center แล้วเดินข้ามถนนมาก็จะเห็นว่ามีผู้คนมากมายเดินมุ่งหน้ามาที่จุดนี้กัน
อิ่มแล้วก็ลงสถานีใต้ดินเลยจ้า เดินไม่ไกลจากถนนคนเดิน
สถานี Shichahai จะตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบด้านบนครับ
เมื่อข้ามถนนขึ้นมาจะเจอทางเดินที่เป็นลานกว้างมากๆ
สนามกีฬารังนกแต่ดูไม่รกตาเป็นรังนกนะจ๊ะ
พวกเขาเดินมาทำอะไรกันเหรอ
เขาก็มาเดินเที่ยวเล่นเดินชมความสวยงามยามค่ำคืนที่สนามกีฬาได้ประดับไฟตกแต่งสวยงามตัดกับท้องฟ้าสีดำยามค่ำคืนโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ก็เก็บวิวสวยๆได้ สำหรับสนามกีฬารังนก (Bird Nest Stadium) นั้นจุผู้คนได้ถึง 91000 คน ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสวิส
ใช้หลักการที่โล่งโปร่งสบายในการออกแบบเพื่อให้เข้ากับฤดูร้อนของปักกิ่งซึ่งร้อนมากๆ
และคงความอบอุ่นในฤดูหนาว ด้วยการประสานถักทอโครงสร้างคล้ายรังนก
และคงความเป็นจีนไว้ด้วยการใช้สีแดง ถ้าจะเข้าชมข้างในต้องจ่ายค่าตั๋ว 50 หยวน
เวลาเปิด 9.30-17.30 น.
มุมด้านหน้าของสนามกีฬารังนก
อันนี้มุมด้านข้างครับ
มุมนี้มีของขายตอนกลางวันตกแต่งแบบดิบๆ
ลานสเก๊ตที่นี่เข้าเล่นฟรี ขอแค่เตรียมรองเท้ามาแว้น
ลานสเก๊ตกลางแจ้งมีให้บริการเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น
ตึก IBM ออกแบบทันสมัย
ดูดีๆ โครงสร้างบันไดมาบรรจบกันตามโครงสร้างรังนกเลย
นอกจากสนามกีฬารังนกแล้วที่นี่ยังมีสนามกีฬาทางน้ำที่มีการออกแบบโดดเด่น
มีชื่อเรียกว่า สนามกีฬาฟองน้ำ (National Aquatic Center) (Bubble Stadium) ภายนอกออกแบบคล้ายกับติดฟองสบู่มา ซึ่งโครงสร้างทำมาจากเทฟลอน
ช่วยสะท้อนแสงแดดในหน้าร้อนและเก็บพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในหน้าหนาว
ภายในอาคารจึงเย็นสบายตลอดทั้งปี
และถ้าได้มาเดินถ่ายรูปยามค่ำคืนก็สวยงดงามไม่แพ้สนามกีฬารังนกเลย
ยามที่ฟองสบู่เปลี่ยนสีดูงดงามยิ่งนัก
สนามกีฬาฟองน้ำสวยงามยามค่ำคืน
ใครจะไปคิดล่ะว่าโครงสร้างหลักของผิวด้านนอกทำมาจากเทฟลอน
แผงแท่งนี้ไฟก็เปลี่ยนสีได้เช่นกัน
ฉากกั้นสีแดงมีไว้ต้อนรับวันปีใหม่จีนที่ผ่านมา
พระจันทร์เต็มดวงเคียงข้างสนามกีฬารังนก
เดินออกไปอีกนิดจะเจอสิ่งก่อสร้างคล้ายเจดีย์เป็นโครงสูง
มีชื่อรียกว่า หอคอยหลิงลอง (Ling Long Pagoda) ออกแบบมาคล้ายเจดีย์บวกกับแท่งแก้วปริซึม มีความสูง 7
ชั้น เป็นเสาส่งสัญญาณวิทยุ กลางคืนเปิดไฟไล่สีสวยงาม บริเวณชั้นตรงกลางเปิดเป็นภัตตาคารหรูให้บริการอีกด้วย
ถ้าไม่ทานอาหารก็มีบริการขึ้นไปชมวิวเมืองปักกิ่งชั้นบนสุดได้ เท่านั้นยังไม่พอยังมีหอคบเพลิงโอลิมปิกสูงมากๆ อีก3หอ
แต่เห็นระยะทางแล้วอยู่นอกเขตสนามกีฬาเราเดินไปไม่ไหวขอถ่ายรูปแล้วมองไกลๆดีกว่า
ศูนย์กีฬาทางน้ำตอนนี้เปลี่ยนฟองสบู่เป็นสีม่วง
เสาสูงนี่เปลี่ยนสีได้ทั้งหมด5สี ตามเวลาที่กำหนด มีร้านอาหารอยู่ข้างบน
หอคบเพลิงอยู่ไกลออกไปเปลี่ยนเล่นสีได้เช่นกัน
ตึกนี้เป็นห้างที่ตั้งอยู่ในเขตสนามกีฬาปักกิ่ง
เริ่มหิวอีกแล้วจุดมุ่งหมายต่อไปในการท่องปักกิ่งยามราตรีคือ
การไปหาแหล่งช้อปปิ้งและย่านถนนคนเดินสายเปิบพิสดาร นั่นก็คือถนนหวังฟูจิง (Wang Fu Jing Street) เรานั่งรถใต้ดินกลับเข้ามาในเมืองจากสายสีเขียวแล้วมาต่อด้วยสายสีแดง
โดยไปลงที่สถานี Wangfujing ความจริงแล้วถนนเส้นนี้อยู่ห่างจากจัตรัสเทียนอันเหมินไปทางทิศตะวันออกแค่สองบล็อกเอง
ถ้าคุณตั้งต้นเดินจากจัตุรัสเทียนอันเหมินก็สามารถทำได้นะครับ
แม้แต่สถานีใต้ดินยังมีศิลปะสวยๆให้ชมเลย
จุดต่อรถใต้ดินสังเกตไม่ยาก จะต่อสายไหนให้ดูเลขและสีเอา
มาถึงแล้วสถานีหวังฟูจิง เดินขึ้นมาจะเจอห้างเลย
ถนนหวังฟูจิง เป็นหนึ่งในแสงสียามราตรีกรุงปักกิ่ง
ถนนหวังฟูจิง มีอายุเก่าแก่มากกว่า 700 ปี
ในสมัยราชวงศ์หมิงมีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่และเปิดร้านค้าย่านนี้เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้กลายเป็นถนนสายช้อปปิ้งขนาดใหญ่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและร้านค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศผุดขึ้นทั้งสาย
แน่นอนสนนราคาต่อชิ้นแพงกว่าบ้านเรามากจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนจีนถึงนิยมเดินทางมาช้อปปิ้งในบ้านเรา
เหล่าอาม่ารำพัดศิลปะจีน กลางย่านแบรนด์เนมหรู
อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ ทำไปด้วยใจรักในการแสดง
คู่หนุ่มสาวจีนสวีทกันหลายคู่ก่อนถึงวันวาเลนไทน์
ห้างหรูกับการออกแบบเป็นลอนคลื่น
ถนนหวังฟูจิงโปรยด้วยดอกกุหลาบก่อนถึงเทศกาลวาเลนไทน์
เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนมตลอดทั้งสาย
แม้ถ่ายมุมกว้างก็ยังสวยงาม
ห้างใหญ่ Wang Fu Jing Mall
ใครเป็นมุสลิมที่นี่มีอาหารจีนแบบมุสลิมให้ได้ลิ้มรสด้วย
นาฬิกาแบรนด์ Hi End สัญชาติจีนแท้ๆ
เดินจนหิวน้ำแว่บมาสั่งชานมไข่มุกกินที่นี่
ของไม่แพงก็มีขายนะครับบนถนนสายนี้ แถมเซลด้วย
สามทุ่มแล้วได้เวลาไปเดินหาของกินกันต่อ
แต่ในความทันสมัยของถนนหวังฟูจิงก็ยังแอบซ่อนตรอกเล็กๆ
ที่ขายอาหารแบบสตรีทฟู้ดส์ ราคาไม่แพงรวมไปถึงอาหารเปิบพิสดาร พวกปลาดาว ม้าน้ำ
แม่งป่อง ตะขาบ งู ฯลฯ กรรมวิธีทำคือเอาสัตว์ตัวเป็นๆที่ยังไม่ตายเสียบไม้รอแล้วเอาลงทอดในกระทะน้ำมันท่วมให้กรอบแล้วจุ่มลงในน้ำจิ้มหมาล่าเผ็ดๆชาลิ้นที่คนไทยกำลังนิยมกินนั่นแหละ
ใครทานไม่ได้ก็ยังมีพวกของกินเล่นอื่นๆ เช่น ไข่ปลาหมึก เต้าหู้ทอด เกาลัด มันเผา
ขนมจากจีนมากมาย ทั้งขนมเกลียวทอด ขนมหม่าฮัว ขนมโบ
ล้วนทำมาจากแป้งแล้วลงไปทอดในกระทะร้อนทั้งนั้นเลย ถ้าใครไม่ชอบทานที่นี่ยังมีขนมจำพวกของฝากให้ซื้อกลับไปบ้านอีกต่างหาก
เปิบแรกเป็นแมงป่องเสียบไม้เตรียมรอไปทอด ยังเป็นๆอยู่เลย
ตัวอ่อนจำพวกหนอนทอด
ถนนสายของกินแยกย่อยมาจากหวังฟู่จิง
เนื้อแพะย่างพร้อมน้ำจิ้มหมาล่า เมนูนี้แลดูธรรมดาไปเลย
ใครชอบกินนก ที่นี่จะทอดมาทั้งตัวเลย
สายโหดต้องมากินนี่ ปลาดาว ปิ้งงู กับตะขาบเสียบไม้ทอด
ใครอยากกินขาปูยักษ์ที่นี่มีนะจ๊ะ
ปลาหมึกชุบแป้งทอดมาแบบทั้งตัว
นี่แหละหน้าตาของขนมหม่าฮัว
อันนีัขนมหวานคล้ายข้าวเหนียวดำยัดใส่สับปะรด
ร้านขายขนมของฝากซื้อได้ที่นี่แต่ราคาค่อนข้างแพง
พวกของร้อนก็มีเครื่องในวัวต้ม
ของที่ระลึกชิ้นเล็กๆก็ซื้อได้ที่นี่
โยเกิร์ตจีนที่นี่ราคาขวดละ10 หยวน แพงกว่าที่อื่นๆ
เกาลัดที่นี่อบร้อนๆมาเลย สดมากและลูกโตมากๆ แนะนำให้ฟาด
กินอิ่มแล้วก็แยกย้ายกลับไปนอนกันนะจ๊ะ ตอนหน้าวันสุดท้ายในปักกิ่งขอไปบูชาเทพยดาฟ้าดินก่อนกลับกันครับ