หลายคนอาจสงสัยว่าประเทศโอมาน (Sultanate of Oman) ในดินแดนอาหรับมีอะไรน่าเที่ยว
แล้วทำไมถึงต้องไป มีอะไรที่แตกต่างจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือไม่
แล้วขั้นตอนการเข้าประเทศยุ่งยากหรือไม่
คราวนี้เราจะมาไขข้อสงสัยทั้งหมดว่าการเข้าไปเที่ยวโอมานนั้นไม่ยากเลย
ขอแค่ทำตามขั้นตอนเข้าเมืองก็ได้แล้ว
ถ้าเราเลือกที่จะบินตรงจากกรุงเทพเข้ากรุงมัสกัต
(Muscat) โอมานเลย ก็จะมี
สายการบินโอมานแอร์ (Oman Air) ใช้เวลาบินประมาณ
6 ชั่วโมง ตรงสู่นครมัสกัต แต่ถ้าเลือกการบินไทย
เครื่องจะจอดแวะพักที่กรุงการาจีประมาณ 1ชั่วโมง ก็จะใช้เวลานานขึ้นเป็น
7ชั่วโมงเศษ บนเครื่องของสายการบินโอมานจะเสริ์ฟอาหารสองมื้อนะจ๊ะ
อาหารอย่างดีเสิร์ฟบนสายการบินโอมานแอร์
ตั๋วเครื่องบินจากดูไบไปมัสกัต
การขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศโอมานทำได้สองวิธี
วิธีแรกคือ เข้าไปพิมพ์แบบฟอร์มหน้าเว็บที่ http://www.rop.gov.om/ แล้วเข้าไปที่ Tourist
Visa ตามหน้าเว็บนี้ https://evisa.rop.gov.om/ จนได้เอกสารออกมาแล้วนำไปยื่นที่สนามบินมัสกัตอีกที
เงินเรียลโอมาน 1 เรียล เท่ากับ 92 บาท
อีกวิธีหนึ่งสำหรับคนที่เดินทางมาจากดูไบ
ยุโรป อเมริกา สามารถเข้าไปขอ Visa on Arrival ที่สนามบินได้เลย
แต่ถ้าเดินทางจากไทยก็ใช้วิธีการนี้ได้เหมือนกัน
โดยมีอัตราค่าธรรมเนียมวีซ่าท่องเที่ยวอยู่ที่ 10 วัน 5 โอมานเรียล (Oman
Rial) 30 วัน 20โอมานเรียล (อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1
โอมานเรียล เท่ากับ 92 บาท) ซึ่งในเคสนี้เราขอแวะเที่ยวโอมานวันนึงหลังจากกลับจากเที่ยวดูไบ
แล้วแวะต่อเครื่องที่นี่ก่อนกลับกรุงเทพ
ภายในสนามบินดูไบโอ่อ่าทันสมัย
แล้วเราก็มาถึงร้านขายของที่ระลึกในสนามบินดูไบ
ขนมที่นี่ลดแลกแจกแถมเยอะมาก
ขนมหวานสไตล์อาหรับบรรจุกล่องอย่างดีให้เป็นของขวัญได้
แบบชนิดตักขายชั่งเป็นขีดก็มี ขนมแบบนี้จะสดกว่าแบบใส่กล่อง
อินทผาลัมสดแบบยัดไส้ขายชั่งเป็นขีด
ของที่ระลึกราคาแพงกว่าตลาดในเมืองมาก
ตะเกียงอะลาดินเป็นไฮไลท์ของฝากที่นี่
จานโชว์ที่ระลึกลายสวยงาม
ตุ๊กตาอูฐที่ระลึกสวยงาม
แบบขนปุยให้เด็กเล่นก็มี
เครื่องบินจากดูไบเดินทางไปมัสกัต โอมาน
ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง เมื่อถึงสนามบินมัสกัต
ให้ตรงไปแลกเงินโอมานก่อนแล้วเอาเงินที่แลกมาจ่ายค่าธรรมเนียม Visa on
Arrival แบบ 10 วัน ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ตอบคำถามเขานิดหน่อยว่ามาเที่ยวกี่วัน
แล้วเขาจะดูว่าเราเดินทางมาจากที่ไหน จากนั้นพอผ่านแล้วอิสระก็จะเป็นของเราทันที
เครื่องบินลำเล็กลงจอดที่โอมานอีกครั้ง
เราก้าวผ่านรั้ว ตม. มาแล้ว พร้อมออกเผชิญโลกกว้างในโอมาน
การเดินทางในโอมานยังไม่สะดวกนักเพราะไม่มีรถสาธารณะ แต่ก็มีรถแท็กซี่ให้บริการทั่วไป
ราคาค่อนข้างแพง เพราะค่าครองชีพที่นี่สูงกว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เราได้ตกลงราคากับรถแท็กซี่คันนึงให้เขาพาเที่ยวแบบเหมาวัน 1วัน เขาคิดราคามาที่
40 เรียลโอมาน ถือว่าค่อนข้างแพง แต่มาถึงที่นี่แล้วไม่ออกไปข้างนอก
มัวแต่รอไฟลท์ถัดไปอยู่ในสนามบินมันก็ไม่ใช่เราสิ
ป้ายเหลืองนี่คือรถแท็กซี่ สามารถเรียกและต่อรองราคาได้
สนามบินมัสกัตอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร
การเดินทางมีวิธีเดียวคือรถแท็กซี่เท่านั้น
แต่ถ้ามากันหลายคนที่นี่ก็มีรถให้เช่าขับ ราคาน้ำมันที่นี่ถูกมาก
แต่ค่ารถแท็กซี่กับค่าเช่ารถกลับค่อนข้างแพง ถนนหนทางในมัสกัตค่อนข้างกว้าง
รถวิ่งสบายๆไม่เยอะ ไม่ต้องเผื่อรถติด
บ้านเมืองเป็นเนินสูงต่ำขึ้นลงทั้งเมืองรายล้อมด้วยภูเขาหินสีน้ำตาลขนาดใหญ่มากมาย
บ้านเมืองในโอมานค่อนข้างสะอาด
ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยงรถจะวิ่งไม่เยอะ
ตลอดสองข้างทางมักจะปรากฏเขาหัวโล้นสีน้ำตาลขนาบข้าง
ถนนเข้านครหลวงมัสกัตช่างกว้างจริงๆ
จุดหมายแรกที่เราได้แวะคือ มัสยิดสุลต่านคาบูส
(Sultan Qaboos Grand Mosque) ตั้งอยู่ระหว่างทางเข้าเมืองหลวงมัสกัต เป็นมัสยิดที่สร้างใหม่ในปี
2001 โดยท่านสุลต่านคาบูส มีพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร
ครองตำแหน่งมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโอมาน
ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมสามารถเข้าชมได้แต่ต้องแต่งกายให้สุภาพมิดชิด
สตรีต้องมีผ้าคลุมผม
มัสยิดสุลต่านคาบูสใหญ่โตและโอ่อ่า
ภายนอกสร้างแบบเรียบง่ายไม่เน้นรายละเอียดอะไรมากนัก
การเข้าชมมัสยิดจะต้องแต่งกายสุภาพและมิดชิด
ภายในมัสยิดมีความเย็นหลบแดดร้อนได้ดีมาก
หอคอยหลักสูงกว่า 90 เมตร
ตัวอาคารมัสยิดปูด้วยกระเบื้องแกรนิตสีชมพูอ่อน หอคอยสลักสูง
91เมตร กลุ่มอาคารชั้นในล้อมรอบด้วยลานกว้าง ภายในห้องละหมาดใหญ่สามารถจุคนได้กว่า
20,000 คน ประดับด้วยโคมไฟสวารอฟสกีขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุด
และใช้พรมเปอร์เซียของอิหร่านที่มีขนาดใหญ่มากๆ
ถ้าจะเดินชมให้ทั่วมัสยิดควรมีเวลาอย่างน้อย 1ชั่วโมง และมัสยิดแห่งนี้เข้าชมฟรีนะจ๊ะ
ภายในห้องชำระล้างสำหรับผู้ชาย จุดนี้มีไว้ล้างมือและเท้าก่อนเข้าห้องละหมาด
ประตูไม้บานใหญ่แกะสลักสวยงาม
ช่องใส่ของเล็กๆ กับลายกระเบื้องแบบเปอร์เซีย
ช่องประตูโค้งแบบอาหรับเรียงช่องตรงกันเสมอ
อ่านสักนิดข้อควรปฏิบัติขณะเข้าเยี่ยมชมภายในมัสยิด
ประตูบานใหญ่ก่อนเข้าไปละหมาดภายในห้อง
ห้องละหมาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงมัสกัต
โคมไฟระย้าทำจากคริสตัลสวารอฟสกี น้ำหนักเป็นตันๆ
แม้แต่โคมไฟขนาดเล็กกับกระจกสเตนกล๊าสก็ยังสวย
กระเบื้องลายสวยๆภายในห้องละหมาด
พรมเปอร์เซียขนาดใหญ่ต้องใช้ไม่รู้กี่ผืนมาต่อกัน
เราไปในช่วงที่ไม่ใช่เวลาละหมาด ดังนั้นในห้องจึงไม่มีคนเลย
ได้เวลาออกไปเที่ยวสถานีต่อไปแล้ว
อาคารสวยขนาดใหญ่นอกมัสยิดสุลต่านคาบูส
ขอมาเก็บรายละเอียดกระเบื้องเปอร์เซียอีกครั้งนึง
เดินออกจากมัสยิดเราก็จะเห็นเทือกเขาอยู่ไกลๆ
ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถ ร้อนมากจ้า
จุดหมายต่อไปคุณแท็กซี่พาไปชมมัสยิดแห่งที่สองสวยงามตามแบบฉบับอาหรับแต่มีขนาดเล็กกว่า
เราเองก็จำชื่อสถานที่แห่งนี้ไม่ได้
ประเทศโอมานมีกลิ่นอายความเป็นอาหรับมากกว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ตึกสูงระฟ้าจึงไม่มีให้เห็นที่นี่เลย เดี๋ยวเราจะได้เข้าไปชมบ้านเมืองในเขตเมืองเก่ากัน
มัสยิดแห่งที่สองมีขนาดเล็กกว่าแห่งแรกมากๆ
ตะวันเริ่มคล้อยบ่ายได้เวลาทานมื้อกลางวันกันแล้ว
จุดเด่นของมัสยิดที่นี่คือจุดชำระล้างมือและเท้าอยู่ด้านนอกเลย
ไม่ว่าจะไปทางไหนในมัสกัตจะต้องเห็นภูเขาสีน้ำตาลเสมอ
และที่สำคัญที่นี่ไม่มีตึกสูงระฟ้าให้เห็นเลย
เดี๋ยวขอพักเบรกทานอาหารเที่ยงที่นี่กันก่อนแล้วช่วงบ่ายถึงเย็น เราจะพาชมไฮไลท์เมืองมัสกัตที่เหลือ จะเป็นอะไรขออุบเอาไว้ก่อนนะจ๊ะ