วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เมื่อคุณแม่เปรี้ยว อยากแบกเป้เที่ยวหลวงพระบาง ( Trip for mom, Backpack to Lhuang Phrabang) ตอนที่ 7 พาคุณแม่ไหว้พระพระธาตุหมากโมและพระธาตุพูสี ประจำเมืองหลวงพระบาง

            เมื่อเราสองแม่ลูกตระเวนเที่ยววัดในละแวกใกล้ที่พักจนหมดเกลี้ยงแล้วก็ถึงเวลาสะพายเป้เที่ยววัดต่อไปที่ไกลออกไป อาจจะต้องนั่งรถสามล้อไป บางท่านอาจจะเดินหรือขี่จักรยานไปถึงได้ ซึ่งรถสามล้อเครื่องที่นี่ส่วนใหญ่เขาจะคิดราคามาตรฐานนักท่องเที่ยวเริ่มต้นอยู่ที่ 20000 กีบ 
พระธาตุหมากโมรูปทรงระฆังคว่ำ 
เราเคยมาเยือนที่นี่เมื่อ12ปีที่แล้วเอง แล้วได้กลับมาอีกครั้ง

       วัดวิชุนนะราชหรือพระธาตุหมากโมโดดเด่นด้วยเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ ซึ่งเป็นเจดีย์แบบลังกาได้รับอิทธิพลมาจากทางอินเดีย ดูคล้ายกับแตงโมคว่ำ ที่ทางคนลาวเรียกว่าหมากโม ผู้สร้างคิอพระวิชุลราชน่าจะเป็นวัดเดียวในหลวงพระบางที่มีเจดีย์ทรงนี้ แต่ก่อนเป็นที่ประดิษฐานพระบาง ปัจจุบันที่สิมหลักเป็นสถานที่เก็บพระพุทธรูปเก่าแก่ปางต่างๆ เป็นจำนวนมาก สำหรับค่าเข้าชมวัดแห่งนี้อยู่ที่ 20000กีบจ้า
หลายคนขี่จักรยานมาที่นี่ มีลานจอดรถ
ดูชัดๆอีกทีกับพระธาตุหมากโม 
พระประธานประจำสิมวัดวิชุนนะราช 
คนที่มาทำบุญจะมีพานพุ่มดอกไม้ พานบายศรี 
ดูแล้วน่าจะเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่นี่ 
แม่ฉันส่องดูโบราณวัตถุที่เก็บอยู่ภายในสิม
พระพุทธรูปภายในสิม 

       ติดกับวัดวิชุนนะราชคือวัดอาฮามอุตะมะทานี  ที่มีขนาดเล็กกว่า ภายในสิมมีภาพวาดสวยงาม และที่สำคัญด้านหน้าของสิมยังมีพระธาตุตั้งอยู่สององค์อีกด้วย วัดอาฮามสร้างหลังจากวัดวิชุนนะราชหลายร้อยปีอยู่ ทั้งสองวัดนี้ตั้งอยู่บนถนนวิชุนนะราช เวลาเปิดปิด 7.00-17.30 น. 
สิมวัดอาฮามสร้างแบบเรียบง่าย 
พระธาตุขนาดเล็กๆ สององค์ 
ยักษ์เขียวหน้าวัดอาฮาม อุตะมะทานี 
พระประธานภายในวัด

             เรานั่งรถกลับไปแถวที่พักอีกครั้งเพื่อไปไหว้พระที่วัดสบสิกขารามและวัดแสนสิกขาราม ทั้งสองวัดตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกันคือถนนสักกะลิน แต่ท้องของแม่เริ่มหิวอีกครั้ง เราเลยไปนั่งกินขนมชิวๆกันที่ ร้านเลอบานตง ( Le Banneton Cafe)ก่อน เป็นร้านคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดสบสิกขาราม ร้านนี้จะโดดเด่นด้านเมนูพายมะนาวและครัวซองต์ฝรั่งเศส เราไปช่วงบ่ายแก่ๆ ขนมจึงเหลือน้อยแล้ว ด้านราคาขนมกับเครื่องดื่มจะสูงนิดนึง ดังนั้นค่าเสียหายมื้อนี้เลยพุ่งไปถึง 83000 กีบ แต่เมื่อแลกกับความอร่อยถึงเครื่องนมเนย เราสองแม่ลูกให้สองผ่านจ้า 
เราสั่งขนมมาแค่อย่างละชิ้นเองจ้า  
ทาร์ตพิททาซิโอราสเบอรี่กับทาร์ตลูกแพร์ครีมวานิลลา 
ครัวซองต์ที่นี่มีโปรโมชั่น ซื้อ4ชิ้นแถม1ชิ้น 
ขนมอบใกล้จะหมดแล้วในรอบบ่าย 

วัดสบสิกขารามหรือที่ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่าวัดสบ เดิมมีชื่อว่า วัดสบเซียงทอง มีอายุกว่า 500ปี ว่ากันว่าน่าจะสร้างขึ้นมาคู่กับวัดสบเชียงคานที่จังหวัดเลยในยุคเดียวกัน คำว่าสบ น่าจะหมายถึงพระบรมศพ ซึ่งวัดเหล่านี้ครั้งนึงเคยเป็นสถานที่จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงนั่นเอง
วัดสบสิกขาราม วัดขนาดเล็กๆ ตรงข้ามกับร้านคาเฟ่ 
สิมเล็กๆของวัดสบ 

                วัดแสนสุขาราม ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วัดแสน ชื่อของวัดที่ชื่อวัดแสนนี้มาจากเงินบริจาค 1แสนกีบ ที่ใช้เป็นทุนในการก่อสร้างในยุคนั้น โดดเด่นด้วยผนังวัดทาสีแดงพร้อมลายลงรักปิดทอง และพระยืนที่โดดเด่นอยู่ภายใน เรียกว่าพระเจ้า 18ศอก ด้วยว่าความสูงขององค์พระสูงถึง 18ศอกนั่นเอง นอกจากนี้บริเวณหน้าวัดแสนยังเป็นจุดที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวมาใส่บาตรพระตอนเช้าอีกด้วย เชื่อว่าเป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยที่สุดขณะตักบาตรอีกด้วย
หลังคาของสิมวัดแสนสุขาราม 
หอพระพุทธรูปที่สูง 18 ศอก 
ชาวบ้านนิยมปั้นข้าวเหนียวมาวางเพื่อทำบุญที่วัด
ที่มาของพระเจ้า18ศอก มาจากพระยืนองค์นี้ 
สถาปัตยกรรมแบบหลวงพระบางโดดเด่นมากในวัดนี้ 

                เสร็จจากไหว้พระเราแพลนจะไปขึ้นพระธาตุพูสีกันต่อ แต่งานนี้แม่เราขอบาย นางขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปทานอาหารเย็นแบบพื้นเมืองลาวแท้ๆ ที่ร้านตำหนักลาวในค่ำนี้ งานนี้เลยกลายเป็นว่าเราได้เดินเดี่ยวปีนขึ้นพระธาตุพูสีแต่เพียงผู้เดียว 
แม่ฉันมีความสุขระหว่างทางเดินกลับโรงแรมที่พัก 
รถซีตรองสีแดงในตำนาน ที่ใครๆเดินผ่านเป็นอันต้องหยุดถ่ายรูป 

                พระธาตุพูสี ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง150เมตร จะพิชิตพูสีได้จะต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น มีทางขึ้นลงสองทางคือฝั่งด้านถนนติดแม่น้ำคานกับฝั่งตรงข้ามกับหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง เราเลือกที่จะเดินขึ้นฝั่งตรงข้ามหอพิพิธภัณฑ์เพราะวิวดีกว่า มีค่าธรรมเนียมเข้า 20000 กีบ ครับ

ยังไม่ทันมืดค่ำ พ่อค้าแม่ค้าตลาดมืดก็มาตั้งแผงรอแล้ว 
บริเวณทางเดินขึ้นพระธาตุ
บันไดสูงชั้น 328ขั้น มีชานพักเป็นระยะๆ

ตำนานพระเสื้อเมืองประจำพระธาตุพูสี กับอดีตพระราชวังหลวง


            ถึงแม้ว่าพระธาตุพูสีจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปสักการะตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือการได้มาชมพระอาทิตย์ตกดินพร้อมชิมวิวเมืองหลวงพระบางแบบ 360องศา บนยอดพูสี เราเลยแนะนำให้มาหลังสี่โมงเย็นไปแล้ว อากาศจะดีไม่ค่อยร่อน และกลับก่อนมืด เพราะเวลาเดินลงพูสีถ้าใครไม่มีไฟฉายจะลำบากนิดนึง เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างที่นี่
พระธาตุพูสีปัจจุบันห้ามปีนแล้ว 
วิวมุมสูงของพระธาตุพูสี 
บ้านเรือนเก่าๆ ใจกลางเมืองมรดกโลก 
เมืองหลวงพระบางอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำคาน 

พานบายศรีที่คนเอามาตั้งบูชาไว้ริมพระธาตุ
เสียดายที่พระอาทิตย์ไม่ตกดินให้เห็น เลยขอมานั่งเล่นริมน้ำคานแทน 


                ชมพระอาทิตย์ตกดินเสร็จก็ได้เวลาพาแม่ไปทานอาหารพื้นเมืองแบบสำรับลาวแท้ๆกัน ร้านที่เราเลือกอยู่ไม่ไกลจากที่พักสามารถเดินไปได้ นั่นคือร้านตำหนักลาว (Tamnak Lao) ที่เขาเปิดเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารด้วยนะ ตำหนักลาวขายอาหารทั้งแบบเป็นเซ็ทและแบบปกติ ที่อร่อยมากๆสำหรับมื้อนี้เห็นจะเป็นลาบไก่และสลัดหลวงพระบาง รสชาติกินขาดมากจ้า ยิ่งกินแกล้มกับเบียร์ลาวด้วยนะสุดยอด

เมนูอาหารร้านตำหนักลาว
เซ็ทอาหารที่เราสั่งมาแล้วแบ่งกินกันสำหรับคนที่ทานมื้อเย็นไม่เยอะ
พายแอปเปิ้ลคือดีงามมากๆ 


พรุ่งนี้เราจะตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปตักบาตรเช้าแถวๆวัดแสน กับพาไปเดินตลาดเช้าก่อนกลับจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น