วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เที่ยวสิงคโปร์ในราคาประหยัด ตอนที่ 7 ตะลุยตลาดอาหรับ ยามเช้า

                เมื่อคืนเราไปเดินช้อปปิ้งย่านถนนออชาร์ดเสียจนเมื่อยขา สินค้าลดราคามีน้อยแล้ว เพราะเป็นช่วงปลายฤดูเซลแล้ว เมื่อคืนกลับมาถึงที่พักประมาณ5ทุ่มกว่าได้ เราเดินจนวินาทีสุดท้ายที่ห้างไล่ปิด โดยไม่ลืมที่จะซื้อเค้กมาเป็นเสบียงแช่ตู้เย็นไว้ทานยามเช้าด้วย ที่ตู้เย็นจะมีกฎประกาสิทธิ์เขียนไว้ว่า ห้ามหยิบอาหารของคนอื่นไปทานและกรุณาเขียนชื่อตนเองลงบนถุงด้วย เพื่อป้องกันปัญหานี้
                เช้ามาเราตื่นนอนทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เดินตรงไปที่ล็อบบี้ไปเปิดตู้เย็น เค้กของเราไม่หาย ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาจัดใส่จานทานร่วมกับอาหารเช้าอย่างอร่อย กลายเป็นมื้อเช้าที่แสนไฮโซ ผิดกับโต๊ะอื่นที่ทานขนมปังปิ้งทาแยมกับไข่ต้มธรรมดา ต่างมองจานเราที่มีทั้งบลูเบอรี่ชีสเค้ก และช็อคโกแลตฟัดจ์  คงสงสัยว่าทานหมดไปได้ยังไง
                เรากลับไปเก็บข้าวของ เก็บผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเพื่อนำมาส่งที่ล็อบบี้ และฝากกระเป๋าไว้ที่นั่นเพื่อเตรียมขึ้นเครื่อง เขาคิดค่าฝากจนถึง5ทุ่ม คิดเป็นเงินประมาณ$6 แหมที่นี่คิดอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด  พอเราเช็คเอ๊าท์พร้อมคืนกุญแจล็อคเกอร์ เราก็จะได้เงินค่ามัดจำกุญแจคืน พอฝากของในห้องฝากของเรียบร้อย เราก็กางแผนที่แล้วเดินต่อไปย่านอาหรับสตรีท หรือที่เรียกว่าย่าน Kampong Glam (กำปง กลาม) เดินจากที่พักได้ไม่ไกลนัก แต่อากาศนี่สิร้อนได้ใจเลย  เราเดินผ่านมัสยิดขนาดใหญ่ และเดินผ่านร้านค้าซึ่งส่วนใหญ่ยังปิดอยู่ แวะเข้าไปในร้านเครื่องหอมแป๊บนึง มีน้ำหอมจากแดนอาหรับมาวางขายมากมาย มีทั้งตะเกียงจุดเครื่องหอม กำยาน ฯลฯ ของอาหรับเค้าว่าทำน้ำหอมกลิ่นกุหลาบได้ดีที่สุด  ราคาเครื่องหอมในร้านค่อนข้างสูง

 มัสยิดขนาดใหญ่มีชื่อว่า Sultan Mosque
 Arab Street ยามเช้า หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟโชยมาเตะจมูกเป็นระยะ
ร้านค้าทาสีสันแสบตามีให้เห็นทั่วไปที่นี่

                เราเดินออกมาแวะไปเข้าห้องน้ำที่ Malay Heritage Center ซึ่งยังไม่เปิดให้บริการลูกค้า เป็นศูนย์แสดงวัฒนธรรมแบบเปรานากัน (Peranakan) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมร่วมระหว่างจีนและมาเล ซึ่งจะมีการแสดงเป็นรอบๆ ช่วงเย็น เราไม่มีเวลามากนัก
เลยเดินต่อไปตามถนนที่จะพาไปสถานีใต้ดิน ผ่านย่านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย ผ่านสวนสาธารณะ จนลงอุโมงค์ที่สถานี Lavender ซึ่งเป็นสายตะวันออก เพื่อต่อรถไปยังสถานี Boon Lay ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้สวนนกจูร่งมากที่สุด แต่ทั้งนี้เราจะต้องต่อรถเมล์ไปอีก เพื่อเข้าไปยังสวนนกแห่งนี้
 ร้านกาแฟริมถนนยามเช้าย่าน Kampong Glam
 ร้านขายเครื่องหอมของอาหรับอันขึ้นชื่อ
Malay Heritage Centre

                รถใต้ดินวิ่งยาวประมาณเกือบชั่วโมงจากใต้ดินจนโผล่ขึ้นเหนือดินเมื่อวิ่งออกนอกเมือง ผ่านกลุ่มอาคารพักอาศัย ที่ปลูกอย่างหนาแน่นทาสีสดใส พร้อมติดธงชาติสิงคโปร์ทุกอาคาร ภายใต้ความแน่นหนานั้นยังแมไผด้วยพื้นที่สีเขียวซึ่งมีสวนหย่อม สระว่ายน้ำ และสนามบาส แทรกอยู่ข้างตัวอาคารทุกที่ มิน่าคนสิงคโปร์ถึงมีคนอ้วนน้อยมาก เพราะมีการส่งเสริมการออกกำลังกายใกล้ๆกับแหล่งที่พักนั่นเอง รถพาวิ่งผ่าน Chinese Garden ซึ่งมีเก๋งจีนตั้งเด่นสง่าอยู่  ในที่สุดรถก็พามาถึงสถานี Boon Lay อันมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ แน่นอนล่ะ เราต้องฝากท้องไว้กับศูนย์อาหารอีกตามเคย มื้อนี้เราได้กินข้าวมันไก่สมใจ  ข้าวมันไก่ที่นี่ไม่เหมือนกับที่บ้านเรานะ เค้าจะแยกไก่กับข้าวมาคนละจาน ไก่เค้าจะไม่แห้งและโปะมาบนถั่วงอกลวกกับน้ำซีอิ๊ว และข้าวมันมาอีกจานหนึ่ง แต่ข้าวของเค้าจะไม่มันเท่ากับข้าวของไทย ส่วนน้ำจิ้มพริกเผานั้นอร่อยมากๆ
                ทานเสร็จเราก็ไปต่อรถที่ชั้นใต้ดินของห้างที่นั่น Boonlay Bus Interchangeจะคล้ายกับท่ารถไปต่างจังหวัดของบ้านเรา มีการยืนเข้าคิวเพื่อรอรถ และยังไม่เปิดทางให้เข้าจนกว่ารถเมล์จะมาเทียบท่า ส่วนการซื้อตั๋วนั้นจะต้องไปซื้อที่จุดจำหน่ายตั๋วก่อน หรือจะหยอดที่กระป๋องหน้ารถก็ได้ แต่ต้องหยอดให้พอดี เพราะเค้าจะไม่ทอนตังค์ให้เรานะ  เรานั่งสาย194 เพื่อไปลงที่สวนนก รถจะพาวิ่งผ่านนิคมอุตสาหกรรม มีโรงงานใหญ่ๆมากมาย แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์รถเลยเบาบาง รถเมล์ใช้เวลาแค่15นาทีก็พาเรามาถึงหน้าสวนนกซึ่งสุดสายของรถเมล์พอดี
ตอนหน้าจะพาทุกท่านชมสวนนกอย่างละเอียดนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น