เที่ยวฟิลิปปินส์ครั้งนี้เหมือนหนีเสือปะจระเข้ พอพวกเราผละออกจากไกด์ดูดทรัพย์ได้ ลืมไปเลยว่าคนขับเรือนั่งรอเราอยู่สองชั่วโมงแล้ว พอปะหน้าพวกเราก็ทวงค่าปรับ100เปโซทันที เราก็เข้าใจนะว่าเวลาทำมาหากินของเค้าเป็นเงินเป็นทองแต่ก็ควรจะทำความเข้าใจเสียบ้างว่าใครจะสามารถทำเวลาขึ้นลงเขาได้ภายในเวลา1ชั่วโมง แต่นั่นแหละใจเขาใจเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการอยู่กับคนหมู่มาก
เหล่าไกด์นำทางชุมนุมข้างล่าง ขวาสุดคือกิลเบิร์ต
ดังนั้นบรรยากาศตอนนั่งเรือกลับจึงมีแต่ความเงียบ พวกเราเหน็ดเหนื่อยกับการเดินขึ้นและลงภูเขาไฟ ไกด์ท้องถิ่นพวกนี้เก่งสามารถเดินขึ้นลงได้วันละหลายรอบ มีความแข็งแรงทนทานกว่าพวกเรา เรือก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเหมือนตอนขาออก พอใกล้จะถึงฝั่งคนขับเรือทวงตังค์เราอีกรอบนึง เราก็ต้องให้ไปเพื่อตัดความรำคาญ เค้าเลยย้อนว่า แล้วไม่คิดจะให้ค่าทิปบ้างเลยเหรอ เราก็บอกว่านั่นแหละพอแล้ว ดูเค้าไม่ค่อยพอใจเลยไม่จอดเรือเทียบท่าปล่อยให้เราสองคนเดินลุยน้ำประมาณเข่าขึ้นฝั่งไป
เรือออกจากท่ามีชาวบ้านมายืนส่งพวกเราด้วย
น้องคนขับเรือเจ้าเล่ห์เดินนำพวกเราลิ่วๆ
นักท่องเที่ยวรอบเช้าเริ่มทะยอยเดินทางกลับ
พอไปถึงรีสอร์ทพนักงานก็กุลีกุจอจะจัดที่นั่งให้พวกเราได้รับประทานอาหารกลางวันกัน เพื่อนเราอ้างว่าเมาเรือจะรีบกลับ จริงอยู่นะถ้าเราเสียความรู้สึกกับที่นี่แล้วจะนั่งทานอาหารกลางวันให้โดนฟันหัวแบะอีกทำไมสู้จ้างรถไปตายดาบหน้าดีกว่า แล้วเราก็จ้างรถสามล้อพ่วงข้างให้ขึ้นไปส่งในเมืองตะไกไค สนนราคาขากลับ 450เปโซ โอ้โหทำไมแพงกว่าขามาตั้ง3เท่าตัว คนขับบอกว่าเพราะนี่เป็นขาขึ้นเขาจะเปลืองน้ำมันค่อนข้างมากไม่เหมือนกับขาลง สุดท้ายเราก็ต่อรองเค้าจนเหลือเพียง350เปโซ ระหว่างทางขากลับจากอากาศอบอ้าวแปรเปลี่ยนเป็นเย็นลงยามไต่ขึ้นไปตามระดับความสูง แล้วเมฆฝนก็ตั้งเค้าดำทะมึนประเดี๋ยวก็เทลงมาเสียห่าใหญ่ คนขับรีบหยุดรถแล้วปิดม่านพลาสติกกันฝนให้พวกเราทันที อากาศแปรเปลี่ยนเป็นเย็นจนหนาว
ฝนตกหนัก เด็กมักจะออกมาเล่นน้ำฝนกัน
เมื่อรถขึ้นไปถึงตัวเมืองตะไกไต พวกเราก็หิวโซเดินหาร้านกินข้าวกันใหญ่ ด้วยว่าฝนตกเลยเดินเข้าร้านจอยลี่บรเจ้าเก่าก่อน แต่ปรากฏว่าไม่มีที่นั่งเลย ต่างคนต่างมานั่งหลบฝนและสั่งอาหารกินจนเต็มร้านทั้งที่บ่ายกว่าแล้ว สุดท้ายเราก็ต้องพึ่งพาอาหารฟิลิปิโนตามเดิม เห็นเขียนหน้าร้านว่า Eatery ก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าต้องทานได้แน่ๆ กับข้าวเป็นแบบง่ายๆ คล้ายกับข้าวบ้านเรา มีลูกค้านั่งทานในร้านพอสมควร กับข้าวมีแกงกะหรี่ไก่ ผัดบวบ ผัดฟัก ปลาทอด เต้าหู้ทอด หมูสามชั้นผัดถั่ว แกงกะทิหมู ฯลฯ พวกเราสั่งอาหารกันมาเต็มโต๊ะราวกับว่าไม่เคยทานมาก่อน ก็มันหิวจริงๆนี่จ๊ะ
ร้านอาหารอร่อยริมทาง โปรดสังเกตวัตถุดิบว่าเค้าใช้ผักสดจริงๆ
เต้าหู้ทอดขายเป็นชิ้นพร้อมกับปลาชุบเกล็ดขนมปังทอด
หม้อนี้เป็นแกงหมูใส่เห็ดหูหนู
ซ้ายสุดคืออะโดโบ ถัดมาคล้ายกับแพนงหมู
มะนาวลูกเล็กของที่นี่เปรี้ยวจี๊ดถึงใจ
ข้าวแกงที่นี่จะตักมาเป็นถ้วยเล็กๆ แต่จะไม่นิยมราดข้าวกัน
แกงกะหรี่ไก่ใส่เนื้ออกไก่มาเป็นปื้นๆ
ฟักผัดกับหมูสามชั้น รสชาติออกหวาน
พอท้องอิ่มความคิดที่จะไปเที่ยวชมเมืองตะไกไต ไปปิกนิกโกรฟ (Picnic Grove) อันเป็นเนินเขาที่พักตากอากาศอันขึ้นชื่อของที่นี่จึงต้องยกเลิกไป เนื่องจากฝนฟ้าไม่อำนวยนั่นเอง เราขึ้นรถโดยสารนั่งกลับมายังมะนิลาที่ฝั่งตรงข้ามกับขามาในราคาคนละ 77เปโซ พอขึ้นรถได้ไม่นานแอร์รถเย็นฉ่ำเพื่อนเราก็หลับไป เราหลับไม่ได้กลัวลงเลยป้าย และแอร์มันหนาวมากประกอบกับฝนที่ยังตกไม่หยุดข้างนอก ขากลับคนขึ้นรถค่อนข้างแน่น ตามรายทางมีแต่คนขึ้นไปเข้าเมือง รถแล่นผ่านห้างโรบินสันคนเต็มหน้าห้างเลยแล้วรถก็เริ่มติดบริเวณชานกรุงมะนิลา วันเสาร์นี่รถติดมากติดยิ่งกว่าวันธรรมดาอีก รถคลานกระดืบผ่านย่านสลัมมีสนามบาสขนาดใหญ่กลางแจ้ง คนรอต่อคิวเล่นบาสเป็นทีมหลายทีมเลย แต่ละทีมใส่เสื้อแบบเป็นเสื้อทีม ที่นี่เค้าชอบกีฬาบาสเกตบอลกันมากเป็นกีฬายอดฮิตเลยทีเดียว และแล้วรถก็หยุดนิ่งสนิทจนหยุดนิ่งจนฟ้าเริ่มมืด ตายล่ะ เราใช้เวลาอยู่ในรถมากกว่า3ชั่วโมงยาวนานกว่าขามาอีก รถเอยรถติดยามเย็นวันเสาร์ทำไมขาเข้าเมืองถึงติดนักล่ะ จนรถแล่นผ่านย่านเบย์วิวอันเป็นว่าใกล้จะถึงที่พักแล้วเราเลยปลุกเพื่อนให้ตื่น เพื่อนเราบอกว่าเค้าจะนั่งต่อเข้าไปในเมืองเค้ายังไม่ลงที่นี่ เราเลยตามใจแล้วเราก็กระโดดลงกลางทางตอนที่รถมันติดนี่ล่ะ ให้มันรู้กันไปว่าเดินยังเร็วกว่า จนเราเดินข้ามสี่แยกเข้าซอยนั่นแหละ เราหันมองกลับไปเลยเห็นว่ารถยังไม่ขยับเลยแล้วเพื่อนเราจะถึงบ้านกี่โมงกันล่ะเนี่ย
เรารีบกลับมาที่พักรู้สึกเหมือนไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว จากเย็นมาร้อนและร้อนมาเย็นอีกครั้ง อากาศแบบนี้แหละทำให้เราไม่สบาย ว่าแล้วเราอาบน้ำแล้วก็ทานยาแก้ปวดหัวแล้วนอนเอาแรงสักงีบ ตื่นมาอีกทีก็สามทุ่มเลยเดินออกไปทานโจ๊ก โจ๊กที่นี่ใส่ตีนไก่ด้วยคล้ายกับเมืองไทยไม่มีผิด อิ่มแล้วเราก็กลับมานอนอีกรอบ พรุ่งนี้จะได้หายป่วยและมีแรงไปเที่ยวต่อ
ตอนหน้าจะพาทุกท่านไปช้อปปิ้งย่านมากาติอีกครั้งครับ พร้อมกับนำชม Ayala Meseum
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น