เครื่องใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงเศษก็นำพวกเราทั้งสามร่อนลงสู่เมืองยอกยาการ์ต้า (Yokyakarta) ที่สนามบิน Adisucipto International Airport (JOG) อยู่ห่างนอกเมืองไปทางตะวันออก 8 กิโลเมตร คนพื้นเมืองมักจะเรียกชื่อเมืองสั้นๆว่า “ยอกยา” (Yokya) หรือ Jogja ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองที่เล็กที่สุดในเกาะชวา มีประชากรเพียง 500,000 กว่าคนเท่านั้น แต่เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาที่สุดเพราะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่นักท่องเที่ยวที่หน้าตาไม่กลืนไปกับคนพื้นที่อย่างพวกเราเดินทางไปไหนมาไหนก็มักจะมีบรรดาสารถี และไกด์ผีทั้งหลายคอยล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด
นกเหล็กหางแดงจอดนิ่งที่ Yokyakarta
Adisucipto International Airport (JOG)
ที่อาคารผู้โดยสารมีการสาธิตการทำผ้าบาติกด้วย
ทุกครั้งที่ต้องเดินทางตามลำพังแบบไม่ง้อทัวร์ อย่าลืมขอแผนที่เมืองนั้นๆตั้งแต่ที่สนามบิน แล้วเราจะไม่ค่อยพลาด ครั้งนี้เราก็ได้หยิบแผนที่เล็กๆมากันอีก และได้สอบถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ให้บริการว่าจะเดินทางเข้าเมืองได้อย่างไร เธอแนะนำให้นั่งรถเมล์แอร์เข้าไป ราคาแค่คนละ 3,000 รูเปียห์ เท่านั้น ต้องบอกจุดที่จะลงปลายทางว่าไป มาลิโอโบโร (Jl Malioboro) ซึ่งเป็นย่านที่มีโรงแรมที่พักเป็นจำนวนมากและราคาไม่แพง
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทุกสนามบินจะมีแผนที่แจกให้บริการ
คาเฟ่เล็กๆหน้าสนามบิน
แผนที่เมืองยอกยาการ์ต้า
รถประจำทางไม่ได้ปล่อยลงตรงกับย่านที่พักเสียทีเดียว เราต้องเดินลากกระเป๋าเพื่อข้ามทางรถไฟไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงย่านถนนที่มีมี่พักเยอะๆ ตรงจุดนี้แหละที่พวกเราเริ่มเนื้อหอมขึ้นมาทันที ทั้งบรรดาแท็กซี่,รถรับจ้าง,นายหน้าหาที่พักเริ่มเดินปรี่เข้ามานำเสนอบริการ ซึ่งพวกเค้าก็จะพาไปหาแต่โรงแรมที่มีค่านายหน้าให้เท่านั้น แล้วโรงแรมที่เค้าพาไปห้องพักคุณภาพไม่สู้ดีนัก ที่เข้าตากรรมการหน่อยเห็นจะมี Malioboro Inn ตั้งอยู่ถนน Sosrowijayan ซึ่งบรรยากาศจะคล้ายกับถนนข้าวสาร เป็นย่านที่พัก เกสต์เฮ้าส์ที่มีแต่ชาวต่างชาติอยู่ ห้องพักดีแต่ราคาแพงคืนละ 500,000 รูเปียห์ ยังไม่รวมเตียงเสริม จองห้องพักได้ที่ http://www.malioboroinn.com/ ในขณะที่อีกโรงแรมหนึ่ง Gloria Amanda Hotel ที่ตั้งอยู่เยื้องๆกันแต่เดินเข้าไปในซอยนั้นราคาย่อมเยากว่า ห้อง 3 เตียง ราคาห้องละ 400,000 รูเปียห์ต่อคืน พร้อมอาหารเช้าและฟรี Wifi จองห้องพักล่วงหน้าได้ที่ http://www.gloriaamanda-hotel.com/
ลากกระเป๋าผ่านร้านรับทำตรายาง
รถไฟอะไรโบกี้สีม่วงน่ารักเชียว
ใครอยากไฮโซก็มาพักที่นี่นะ Malioboro Inn
ภายใน Malioboro Inn
Malioboro Inn ยามค่ำคืน
แผนที่โรงแรม Gloria Amamda
ประเภทห้องและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรม
Gloria Amanda Hotel
เก็บข้าวของเสร็จก็เดินออกหาบริษัท Agency Tour เพื่อหาซื้อทัวร์ไปเที่ยวบุโรพุทโธ ปรามบานัน และภูเขาไฟ ซึ่งบนถนน Sosrowijayan นั้นมีบริษัทนำเที่ยวตลอดรายทางรวมไปถึงร้านรับแลกเงินด้วย เราเลือกบริษัท Ari Tour เพราะเห็นว่าราคาไม่แพง ค่าทัวร์ 1วัน นำเที่ยวบุโรพุทโธและปราสาทปรามบานัน ราคาเพียงท่านละ 85,000 รูเปียห์ ติดต่อจองทัวร์ล่วงหน้าได้ที่ ari_transport@yahoo.com แต่คืนนี้พวกเรายังไม่เหนื่อยเลยขอซื้อตั๋วไปชมการแสดงรามายณะ หรือที่เรียกว่า Ramayana Ballet ซึ่งค่าตั่วเข้าชมนี้ราคาท่านละ 160,000 รูเปียห์ รวมบริการรถรับส่ง ซึ่งการแสดงจะเริ่มขึ้นเวลา 20.00 – 21.30 น. รถจะมารับพวกเราในเวลาทุ่มครึ่ง
Agency Tour : Ari Tour ที่เราวางใจ
พนักงานขายทัวร์อธิบายได้อย่างคล่องแคล่ว
ถนนข้าวสารแห่งยอกยาการ์ต้ามีของกินราคาประหยัดตลอดสองข้างทาง มีทั้งรถเข็นสะเต๊ะ บะหมี่ ข้าวแกง แต่จุดมุ่งหมายของเราคือถนน Malioboro ที่เป็นตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์บาติกทุกชนิด ถนนสายนี้มีของขายตั้งแต่สายยันดึก ราคาบอกผ่านค่อนข้างแพงต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวต่อราคากันเอาเอง มื้อเย็นของพวกเราเป็นร้านอาหารตามสั่งนั่งทานกับพื้นที่ปูด้วยเสื่อแบบที่ชาวบ้านเขานั่งทานกันชื่อร้านPojok อาหารอินโดนีเซียแท้ๆที่เราสั่งกันมาก็มีทั้ง ข้าวหุงด้วยกะทิ (Nasi Uduk) สะเต๊ะเนื้อแพะ (Satay Kambing) ไก่ทอดชวา ไก่ต้มใส่ขนุนอ่อน เต้าหู้ทอด ฯลฯ อาหารมื้อนี้รสชาติงั้นๆ หมดไปทั้งหมด แสนกว่ารูเปียห์
ร้านกับข้าวตามสั่งแบบข้างทางนั่งกินกับพื้น
เมนูน่าทานทั้งนั้น แต่ไม่มีภาษาอังกฤษเลย
สะเต๊ะเนื้อแพะ
จานนี้คล้ายไก่กอแระแต่ใส่ไข่ต้มและขนุนอ่อนต้มมาด้วย
กับข้าวทั้งหมดที่สั่งไม่มีน้ำแกงให้ซดร้อนๆเลย
ได้เวลาไปชมการแสดงรามายณะ รถตู้มารับพวกเราตรงเวลาที่หน้าบริษัททัวร์ พร้อมกับแหม่มฝรั่งอีก2คน รวมกันเป็น5คนที่ได้ไปชมการแสดงคืนนี้ โรงละครที่เราจะไปชมกันมีชื่อว่า Purawisata ตั้งอยู่ที่ Jl. Brigjend Katamso ติดต่อจองที่นั่งชมการแสดงได้ที่ http://www.purawisatajogja.com/ เป็นโรงละครกลางแจ้งที่นั่งเป็นอัฒจันทน์ ถ้าวันไหนฝนตกคงต้องกางร่มชมการแสดงไป ด้านหน้าเป็นภัตตาคารบุฟเฟ่ต์ สำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วเข้าชมรวมค่าอาหารด้วยจะต้องนั่งทานกันก่อนแล้วค่อยเข้าไปชมการแสดงด้านใน ตรงจุดตรวจตั๋วเข้าชม เค้าจะมีเรื่องย่อของรามายณะเป็นภาษาต่างๆ ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีพื้นฐานเรียนวรรณคดีมาก่อน แต่สำหรับคนไทยด้วยแล้ว เราคงจะเคยเรียนรามเกียรติมาบ้างจากวิชาภาษาไทย
ได้เวลาเข้าชมการแสดงรามเกียรติภาคอิเหนากันแล้ว
เครื่องดนตรีประกอบการแสดงครบครัน
ตั๋วเข้าชมการแสดง 1วัน มีรอบเดียวเท่านั้นนะ
การแสดงเริ่มตรงเวลาขึ้นต้นด้วยการไหว้ครูตามพิธีพราหมณ์พร้อมเสียงขับกล่อมที่เต็มไปด้วยพลังของนักร้องสตรีชาวอิเหนา เมื่อไหว้ครูเสร็จก็เริ่มการแสดงองก์แรกทันที ตลอดเวลาชั่วโมงครึ่งของการแสดงนั้น พวกเราไม่รู้สึกเบื่อสักนิดเพราะศิลปะการร่ายรำนั้นดูขึงขังและสมจริงมากกว่าการแสดงรามเกียรติของคนไทยมากๆ ถึงขนาดที่ว่าฝ่ายที่เล่นเป็นหนุมานและเหล่าวานรทั้งหลายขึ้นไปปีนป่ายบนกำแพงและหลังคาบ้านจริงๆ เขาว่ากันว่าการแสดงรามายณะของประเทศต้นกำเนิดหรืออินเดียนั้นจะดูสนุกและเพลิดเพลินกว่านี้อีก
พ่อหนุมานชาญสมรมารับบัญชาจากพระรามและพระลักษมณ์
ลีลาหนุมานปกป้องนางสีดาและควงตะบองไฟ
หลากลีลาขณะบัญชาการรบ
ลีลาแผลงศร
การแสดงรามายณะเป็นการแสดงฉบับย่อ ดังนั้นการเดินเรื่องจึงตัดตอนและค่อนข้างไว ถ้าอ่านเรื่องย่อที่เขาแจกก็จะเข้าใจมากขึ้น นับว่าคุ้มค่ากับการเข้าชมมากๆ หลังจบการแสดงบรรดาเหล่านักแสดงก็จะเรียงแถวมาให้ผู้ชมถ่ายรูปแล้วให้ทิปตามอัธยาศัย แล้วเราก็กลับมาขึ้นรถคันเดิมกลับไปยังโรงแรมที่พัก
จุดจบของอธรรมก็ต้องพ่ายแพ้
ถ่ายรูปกับนักแสดงเป็นที่ระลึกอย่าลืมว่าต้องให้ค่าทิปเสมอ
ตอนต่อไปพาเที่ยวบุโรพุทโธ (Borobudur ) พาชมรายละเอียดทุกซอกทุกมุม