วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

แบกเป้เที่ยวอินโดนีเซีย แบกเป้เที่ยวจาการ์ต้า (Jakarta City)

แบกเป้เที่ยวอินโดนีเซีย แบกเป้เที่ยวจาการ์ต้า (Jakarta City)
            เวลาราวสองยามกว่านกยักษ์หางแดงแอร์เอเชียได้พาพวกเราทั้งสามร่อนลงสู่แผ่นดินเกาะชวาอย่างปลอดภัยหลังจากต้องนั่งเมื่อยอยู่บนเครื่องนานกว่าสามชั่วโมงครึ่ง แบกเป้เที่ยวเกาะชวาครั้งนี้แทบจะไม่มีการวางแผนการเดินทางล่วงหน้ากันมากนัก อาศัยความชำนาญในการเดินทางท่องเที่ยวแบบแบกเป้บ่อยๆ ก็จะทำให้จัดการงานต่างๆได้ไม่ยาก  สนามบินที่ร่อนลงมีชื่อว่า Soekano Hatta International Airport หรือชื่อ ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน ฮัตตา ตั้งชื่อนี้ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย อันมีนามว่า ซูการ์โน่ นั่นเอง
เจ้า Air Asia แตะรันเวย์ราวเที่ยงคืนกว่า 
สองสาวผู้ร่วมทริปได้เหยียบแผ่นดินเกาะชวาแล้ว

                พวกเราได้คุยกับสาวไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงจาการ์ต้า (Jakarta City) เธอได้เตือนว่าถ้าจะเดินทางไปไหนมาไหนในเมืองขอให้เผื่อเวลาการเดินทางเอาไว้ด้วย เพราะว่ารถติดยิ่งกว่ากรุงเทพเมืองฟ้าอมรเสียอีก แถมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญภายในเมืองก็แทบจะไม่มี คนส่วนใหญ่ใช้เป็นชุมทางในการเดินทางเชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ มากกว่า
Soekano Hatta International Airport

บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง

อย่าลืมไปขอแผนที่เมืองจาการ์ต้าที่ศูนย์บริการข้อมูลนะ

            ภารกิจต่อไปที่พวกเราต้องทำนั้นคือ พยายามหาแท็กซี่จากสนามบินไปยังย่านที่พักแถว Kuningan อ่านออกเสียงว่า คูนินกาน ให้จงได้ แต่เราไม่มีชื่อที่พักในดวงใจ รู้แต่ชื่อย่าน เจ้าแท็กซี่สนามบินคันนี้ก็ไม่รู้จักการกดมิเตอร์ แต่เรียกค่ารถมาเลย 150,000 รูเปียห์ สำหรับ 3 คน แล้วก็ขับพาไปวนๆ ในย่านของ Kuningan Area อยู่เสียนาน จนในที่สุดเขาก็พามาที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง Jakarta Pusat  มีชื่อว่า House of  Arsonia  ตั้งอยู่บนถนน  Jalan Pejompongan Raya 7 คนอินโดฯ เค้าจะเรียกถนนว่า Jalan อ่านออกเสียงว่า จาลัน ดังนั้นเวลาบอกทางรถแท็กซี่ จึงไม่ต้องออกเสียง Street อีก เพราะความหมายของคำจะซ้ำกับคำว่า “Jalan”
แผนที่ใจกลางเมืองจาการ์ต้า (Jakarta Pusat Map)

                ค่าโรงแรมสำหรับห้องพักแบบเตียงเดี่ยวพร้อมเตียงเสริม สนนราคาสูงถึง 390,000 รูเปียห์ แพงแบบไม่น่าเชื่อ ห้องพักนั้นคับแคบมาก อีกทั้งห้องน้ำและผ้าเช็ดตัวไม่สะอาด ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะต้องหาที่พักใหม่ เพราะตั๋วบินภายในไปเมืองยอร์กยาการ์ต้า (Yorkyakarta) ต้องออกเดินทางในวันมะรืนโน่น
สภาพหน้าห้องพักของ House of Arsonia
บริเวณ Lobby โรงแรม
                พวกเราตื่นกันเกือบสิบโมงหลังจากที่ถึงที่พักราวตีสอง แม่บ้านของโรงแรมได้เคาะประตูห้องเพื่อปลุกให้มาทานอาหารเช้าฟรี เธอบอกว่าจะหมดเวลาเสริ์ฟอาหารเช้าแล้ว ซึ่งอาหารเช้าเป็นไข่ต้มหนึ่งฟองผ่าครึ่งทั้งเปลือก ย้ำว่าผ่าครึ่งทั้งเปลือก และขนมปังปิ้งรสช็อกโกแลต ไม่มีใครบอกว่าอร่อยสักคน
อาหารเช้าที่ไม่อร่อยเอาเสียเลย 
โบกมือลา House of Arsonia เราจะไปหาที่พักใหม่

       ถึงเวลาที่จะต้องย้ายที่พักอีกครั้งออกจากโรงแรมนั่งรถแท็กซี่ ไปยังห้างสรรพสินค้าด้วยเชื่อว่าที่นั่นจะมี Wifi ให้เล่นเพื่อค้นหาโรงแรม และมีแหล่งรับแลกเงินรูเปียห์อินโดนีเซีย เราเลยบอกเขาให้ไปลงที่ห้าง Kuningan City Complex ซึ่งเป็นห้างเปิดใหม่สดๆ ขอบอกว่าระหว่างทางจากโรงแรมที่พักไปยังห้างนั้น ระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตร แต่ทว่ารถติดเหลือร้าย นั่งแกร่วอยู่ในรถร่วมชั่วโมง มิเตอร์รถแท็กซี่ก็ขึ้นเอา ขึ้นเอา
รถติดอย่างแสนสาหัส เพราะน้ำมันที่นี่ราคาถูก 
ระบบขนส่งมวลชนแทบจะไม่มี มีแต่จะสร้างทางลอยฟ้าให้รถวิ่ง

      หลงเห็นเสาและคานอยู่เบื้องหน้าแอบหลงดีใจ นึกว่ามาเที่ยวจาการ์ต้าคราวหน้าจะได้มาใช้บริการรถไฟฟ้า แต่ที่ไหนได้เมื่อสอบถามโชเฟอร์รถแท็กซี่ แกกลับบอกว่านั่นไม่ใช่เสารถไฟฟ้าแต่เป็นเสาทางด่วนต่างหาก กรรมของคนกรุงที่ไม่มีรถไฟฟ้าใช้ กว่าจะถึงยังห้างที่หมาย มิเตอร์ก็ทะยานขึ้นไปถึง 28,000 รูเปียห์
ป้ายบอกทางที่นี่ชัดเจนเป็นระเบียบดี 
งานก่อสร้างอาคารใจกลางเมืองขึ้นเป็นดอกเห็ดเลย

             ห้าง Kuningan City Complex นั้นใหม่จริงๆ แต่ไม่มีที่ให้แลกเงิน พนักงานต้อนรับได้แนะนำให้ไปแลกเงินที่ห้างข้างๆแทน คือห้าง Ambassador mall ที่นี่กลับอ่านออกเสียงว่า แอมบาซซาดอร์ น่าประหลาดดี อารมณ์เดียวกับห้างมาบุญครองมีของขายและร้านค้าให้พื้นที่เช่าเยอะ  มีร้านรับแลกเงินเพียงร้านเดียว  พวกเรารวบรวมเงินกองกลางไปแลกประมาณ 300 ดอลลาร์ แลกกลับมาเป็นเงินรูเปียห์ ไว้ใช้ในก้อนแรก

แลกเงินที่ร้านเสร็จแล้วค่อยเดินขึ้นไปศูนย์อาหารชั้นบน

            แลกเงินเสร็จก็ลองเดินขึ้นไปดูชั้นบนของห้างเสียหน่อย มีศูนย์อาหารให้บริการด้วย ส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นเมืองแบบจานด่วน เราเลยลองสั่งข้าวแกงสไตล์อินโดนีเซียมาทานเป็นมื้อแรก เป็นแกงกะหรี่ไก่ แกงขนุน  ข้าวแกงที่นี่มักจะแถมผักต้มกับน้ำพริกราดมาให้เสมอ ดังนั้นอย่าตกใจว่าไม่ได้สั่งแล้วใส่มาให้ทำไม ก็อารมณ์เดียวกันกับผักเหนาะในแกงใต้บ้านเรานั่นแหละ ราคาก็เบาๆประมาณ 12,000 รูเปียห์
ศูนย์อาหารที่นี่หน้าตาคล้ายๆกับศูนย์อาหารทั่วๆไป 
ร้านอาหารพื้นเมืองอินโดนีเซีย 
มาแล้วข้าวแกงแบบอินโดนีเซียมื้อแรก

              อิ่มจากของคาวแล้วมาดูของหวานกันบ้าง น้ำผลไม้ปั่นของที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย มีทั้งน้ำมะม่วง น้ำอะโวคาโด น้ำลิ้นจี่  ฯลฯ น้ำผลไม้ปั่นที่นี่มักจะเติมนมข้นหวานกับน้ำเชื่อมลงไปด้วย มันก็เลยหวานทวีคูณเข้าไปอีก ราคาแพงพอๆกับข้าวราดแกงจานหนึ่งเลย ส่วนผลไม้ที่นี่เวลาสั่งมาเป็นจาน เขาจะนำผลไม้มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ รวมกันในจานเดียวแล้วราดด้วยนมข้นหวาน แต่รสชาติจะตัดกับความเปรี้ยวของผลไม้กำลังพอดี
รวมมิตรผลไม้ราดด้วยนมข้นหวานฉ่ำ

อร่อยจริงๆค่ะ คอนเฟิร์ม

          ทานอิ่มก็ได้เวลาค้นหาโรงแรมกันต่อ เราต้องไปนั่งตามร้านโดนัท ร้านกาแฟเพื่อใช้บริการฟรี Wifi คราวนี้จะไม่พลาดอีก พวกเราเลยเลือกจองโรงแรมที่ได้มีการแนะนำในเว็บอย่างดี ซึ่งคราวนี้พวกเราได้ลงมติเลือกโรงแรม Magnolia Hotel ซึ่งอยู่ในย่านถนน Mangga Besar ดูจากแผนที่แล้วอยู่ทางตอนเหนือของกรุงจาการ์ต้า ได้เวลาโบกรถแท็กซี่ต่อแล้ว
หาโรงแรมกันหน่อยที่นี่มีบริการ Wifi

          กรุงจาการ์ต้ายามบ่ายแดดยิ่งร้อน รถยิ่งติดสาหัสกว่าเดิม รถแล่นผ่านย่านใจกลางเมืองทั้งอนุสรณ์สถาน ห้างสุดหรู Plaza Indonesia และโรงแรมระดับห้าดาวอีกมากมาย ตลอดรายทาง ใช้เวลาราวชั่วโมงเศษ ระหว่างทางคุณแท็กซี่ก็ต้องลงจากรถไปถามทางเป็นระยะๆ ด้วยว่าโรงแรมที่เราจองไปนั้นอยู่ในตรอกซอกซอยเข้าไปอีกลึกนั่นเอง ต่อไปนี้ถ้าจะตระเวนเที่ยวในกรุงจาการ์ต้าอีกครั้ง คงต้องเปิดGPS เพื่อชี้เป้ากันทีเดียวเชียวเหมือนกับคราวไปเที่ยวกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์
ตอนบ่ายวันศุกร์รถยิ่งติดไม่แพ้ตอนเช้า ถนนสายนี้เป็นย่านโรงแรม 
ประติมากรรมเก๋ๆกลางน้ำพุวงเวียน

         ห้องพักที่ Magnolia Hotel นั้น คืนละ 40 ดอลล่าร์  รวมเตียงเสริมแล้ว นับว่าราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับความสะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก เพียงแต่ว่าทำเลอยู่ลึกเกินไป แล้วก็ไม่มีอาหารเช้าให้บริการเท่านั้น  จะเดินทางออกไปไหนอาจต้องเดินไกลหน่อยเพื่อไปเรียกรถข้างนอก อย่างไรขอนอนพักเอาแรงซักงีบก่อนก็แล้วกัน
Hotel Magnolia Jalan Magga Bazar 
ห้องน้ำและห้องพักก็สะอาดสะอ้านถ้ามาจาการ์ต้าขอแนะนำที่นี่เลย

                ตกเย็นต่อมอยากทานอาหารดีๆเริ่มทำงาน ทุกคนอยากชิมอาหารอินโดพื้นเมืองรสชาติดีๆสักมื้อ เลยเริ่มเดินเสาะหาจากใกล้ๆที่พัก ก็ยังไม่เจอร้านอาหารที่ถูกใจ เดินออกไปเรื่อยๆตามถนน Mangga Besar จนเจอภัตตาคารหนึ่งเข้าท่าดี อาหารดูสะอาดจัดแต่งดี มีชื่อว่า Restoran Sederhana เป็นอาหารสไตล์พื้นเมืองเป็นกับข้าว คล้ายร้านข้าวต้มบ้านเรา พวกเราสั่งมาเต็มโต๊ะมีทั้งไก่ทอดแบบแห้งๆ แกงหัวปลา แกงปลาหมึก และสะตอผัด ซึ่งสะตอที่นี่เค้าจะผัดทั้งเปลือกเลยไม่แกะเม็ด และแกงที่นี่น้ำจะเหลืองขมิ้นและใส่แต่เนื้อสัตว์ชนิดเดียวและไม่ใส่ผัก รสชาติอาหารโดยรวมมื้อนี้ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร เบ็ดเสร็จ 107,800 รูเปียห์ คิดเป็นเงินไทย 360 บาท
ภัตตาคารพื้นเมืองอินโดนีเซีย 
อาหารที่โชว์ในตู้กับข้าว ทุกร้านจะจัดเรียงรูปแบบนี้หมด 
กับข้าวที่สั่งมาทานกันมื้อเย็น สะตอผัดทั้งเปลือกคือจานที่2 จากซ้าย

         ทานอิ่มแล้วยังไม่สาแก่ใจ เย็นนี้ขอไปเดินห้างหรูใจกลางเมืองสักครั้ง เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ห้างใหญ่ พลาซ่าอินโดนีเซีย (Plaza Indonesia) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มห้าง Grand Indonesia Shopping Town จะไปดูให้เห็นกับตาว่าคนอินโดนีเซียที่รวยๆนั้นใช้เงินกันอย่างไรก็ต้องไปสังเกตจากห้างหรูๆนี่แหละ เราเรียกรถแท็กซี่ไปยังห้างดัง ซึ่งระหว่างทางจะผ่านถนนที่มีรถเมล์วิ่งอยู่เลนกลางแบบ BRT ซึ่งที่นี่การโดยสารด้วยรถเมล์เลนกลางนี้จะทำเวลาได้ดีที่สุด เพราะไม่ต้องไปแย่งเลนกับใคร แค่เสียเวลาติดไฟแดงเท่านั้น และต้องซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วก่อนจึงจะใช้บริการได้ ซึ่งก็จะมีให้บริการเป็นสายๆ ตามแผนที่ Bus way route ตอนค่ำๆ รถไม่ค่อยติดแล้ว จึงเสียค่ามิเตอร์ไปเพียง 24,000 รูเปียห์
ถนนสายหลักที่ตัดผ่านใจกลางเมืองยามพลบค่ำ 
แผนที่แสดงเส้นทางรถเมล์เลนกลางคล้ายกับ BRT บ้านเรา

ตรงกลางถนนนั่นแหละคือป้ายรถเมล์ของที่นี่

           ห้างพลาซ่าอินโดนีเซีย เป็นห้างที่ระดมขนแบรนด์ดังระดับ Super Brand มารวมกันในที่เดียว บางแบรนด์ไม่มีในประเทศไทยแต่ที่นี่กลับมี โลกภายในห้างนี้ช่างแตกต่างจากท้องถนนภายนอกอย่างสิ้นเชิง แม้แต่คนที่เดินในห้างส่วนใหญ่จะเป็นคนเชื้อสายจีนมีสตางค์ แต่งตัวดีๆมาเดินกัน สินค้าแบรนด์ดังก็ล้วนแต่ราคาสูงกว่าเมืองไทยประมาณ 10-20% ไม่สงสัยว่าเหตุใดคนที่นี่จึงมาช้อปปิ้งที่เมืองไทยกับสิงคโปร์มากกว่า
บริเวณวงเวียนน้ำพุกลางสี่แยกใหญ่หน้าห้าง Plaza Indonesia 
ห้างแบรนด์เนมสุดหรู Plaza Indonesia
Signature Brand ของทุกๆห้างหรูจะต้องมียี่ห้อนี้นะจ๊ะ

ที่นั่งของร้านขนมอยู่ชั้นล่างของห้าง

      เดินเพลินจนเริ่มหิวอีกรอบ ขอลิ้มลองร้านเบเกอรี่สุดหรูเสียหน่อย ขนม Macaron ก็น่าทานเสียเหลือเกินแต่เกรงว่าสั่งมาทานแล้วจะไม่อิ่มกัน เลยขอสั่งทีรามิสุ เค้กช็อคโกแลต และ ทาร์ตสตรอเบอรี่มาทานเสียหน่อย แล้วจิบชาอังกฤษร้อนๆแก้เลี่ยนเสียหน่อย สวรรค์ใจกลางกรุงจาการ์ต้าจริงๆ
เค้กที่นี่หน้าตาน่ารับประทานมากๆ 
โฉมหน้าของหวานที่พวกเราสั่งมาทานกัน 
Macaron น่าทานมากๆ ชิ้นละ 8,000 รูเปียห์เอง 
แม้แต่สาวไฮโซของที่นี่ก็ยังมาอุดหนุน

             ในกระจุกห้างพลาซ่าอินโดนีเซียนี้ยังมีอีกหลายห้างที่อยู่ติดๆกันให้เดิน เหมือนกับย่านราชประสงค์ของเรา  ครั้งนี้เลยได้ไปเดินห้างที่อยู่ติดกันด้วย คือห้าง Subei Plaza และห้าง Blitz Megaplex สองห้างนี้ข้าวของจะราคาถูกกว่าห้างแรก เป็นห้างที่ขายเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ดังทั่วไปในราคาที่เอื้อมถึงได้ พากันเดินดูได้สักพักก็เริ่มเดินเมื่อย อีกทั้งร้านรวงเริ่มทยอยปิดตัวลง ได้เวลาที่พวกเราจะต้องกลับไปยังที่พัก มีรถแท็กซี่มาจอดรอรับผู้โดยสารถึงหน้าห้าง แต่ขากลับมีปัญหานิดหน่อย พอมืดแล้วพวกเราก็จำซอยเข้าโรงแรมไม่ได้เล่นทำเอาวนรถอยู่นานกว่าจะถึงที่หมาย สุดท้ายคุณโชเฟอร์ก็วนรถเรื่อยๆ จนพวกเราพอจำทางได้และชี้บอกทางแกนั่นแหละ จึงถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
เดินข้ามถนนมาเดินยังห้างที่อยู่ติดกัน

มีงานแสดงรถย่อมๆ ด้านล่างด้วย

วันนี้พอแค่นี้นะจ๊ะ ห้างปิดพอดีเลย


ตอนต่อไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ใจกลางเมืองจาการ์ต้าอีกครึ่งวันก่อนบินภายในไปยังเมืองยอร์กยาการ์ต้า (Yorkyakarta)















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น