ความเอื้ออาทรระหว่างคนกับสัตว์มีให้เห็นทั่วไปในอินเดีย
ฝูงการุมจิกกินเศษอาหารจากถังขยะหน้าโรงแรม
แมวแม่ลูกอ่อนขดตัวด้วยความหนาว
ยามเช้าหนาวจนต้องผิงไฟ ส่วนแท็กซี่ก็ออกมาดักรอผู้โดยสารแต่เช้า
ย่านตลาด New Market ยามเช้าไร้ร้างผู้คน
ดาราอินเดียสวยและหล่อไม่แพ้ดาราฮอลลีวู้ด
สถานีรถไฟใต้ดินเอสพลานาด
บรรยากาศชานเมืองย่านสถานีรถไฟดัมดัม
สถานีปลายทางดัมดัมเป็นสถานีท้องถิ่นมากๆ ไม่ใช่แหล่งหรือย่านท่องเที่ยว เมื่อลงจากสถานีจึงไม่มีคิวรถที่คอยทึ้งนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด วิถีชีวิตคนแถวนี้จึงเป็นแบบพื้นบ้านจริงๆ เจ๊ตาไวเหลือบไปเหลือบไปเห็นอาหารท้องถิ่นที่คนยืนกินกันอยู่ ที่ร้านนี้เค้าใช้ใบไม้รองแทนจานและอาหารบนใบไม้นั้นคือแผ่นโรตีอบร้อนกับแกงถั่วร้อนๆ ทานไปหลายชิ้นพอคิดราคารวมแค่ 23รูปีเอง ทั้งสะอาดถูกหลักอนามัย เพราะมันคือการทานร้อน ใบไม้ก็เอาไปปิ้งไฟ แกงก็ต้มจนเดือดและแผ่นโรตีก็ทอดสดในกระทะ ทำกันเดี๋ยวนั้นก็ทานกันเดี๋ยวนั้น
ร้านโรตีแกงพื้นบ้านเป็นมื้อมังสวิรัติแต่เช้า
น่าแปลกใจที่คนครัวของอินเดียส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ชาย
โฉมหน้าโรตีแกงมันฝรั่งและถั่วที่วางบนห่อใบไม้ปิ้ง
พอรองท้องด้วยโรตีเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็กางแผนที่ออกมาดู หนทางไปวัด Dakshineswar Temple ยังไปอีกไกล พวกเรามากันตั้งสามคน ขึ้นรถเมล์ไปก็ใช่ว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่อง พอเรียกแท็กซี่ คนขับพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากต้องทำสัญลักษณ์นิ้วว่าเท่าไร จากนั้นจึงค่อยบรรจงชี้จุดหมายปลายทางที่พวกเราจะไป คนขับรถจึงถึงบางอ้อว่าอยู่ตรงไหน คนขับสนนราคามาที่200รูปี 3คน พวกเราต่ออีกด้วยว่ามันแพงเกินไป จนสุดท้ายเราต่อราคาเหลือ 150รูปี คนขับบอกโอเค แต่ระยะทางไปนี่สิ นั่งรถตั้งนานแล้วก็ยังไม่ถึงสักทีจนพวกเราคิดว่ามันไกล การไปหักคอค่าแท็กซี่แบบนี้มันโหดเกินไปหรือเปล่า รถแล่นผ่านสถานีรถไฟ Dakshineswar แสดงว่าคงใกล้ถึงแล้ว จริงๆด้วย วัดอยู่ใกล้สถานีนิดเดียว ถ้านั่งรถไฟท้องถิ่นต่อมาจากสถานีดัมดัม ย่อมทำได้ ถนนที่พาเราเข้าไปวัด สองข้างทางมีแต่ร้านรวงที่ขายเครื่องสักการะบูชาและขนมหวานเหมือนกับปาทางเข้าวัดใหญ่ๆในไทยแบบนั้นเลย และแล้วรถก็พามาจอดในที่ของวัด พวกเราตกลงให้ค่าทิปแท็กซี่ไปอีก50รูปี ด้วยชื่นชมในความซื่อสัตย์ของเขา เพราะระยะทางที่เรานั่งมานั้นมันไกลมาก
เด็กนักเรียนหญิงอินเดียกำลังเดินทางเข้าโรงเรียน
พวงมาลัยสักการะบูชาวางขายอยู่ทั่วไป
รถโดยสารท้องถิ่นที่เราไม่ทราบได้เลยว่ามันจะพาไปไหน
บริเวณปากทางเข้าวัดเต็มไปด้วยร้านขายเครื่องสักการะบูชา
รูปเคารพจำลองของเหล่าทวยเทพต่างๆ
ขนมบูชาพระและของตกแต่งเพื่อการบูชา
บริเวณด้านหน้า Dala Arcade หรือตลาดซื้อเครื่องบูชาภายในวัด
วัดเล็กๆ คล้ายศาลเพียงตา
ผู้คนมากมายเดินทางเข้าไปในวัดแห่งนี้
เมื่อพวกเราไปถึงวัดสิ่งแรกที่เรามองหาคือเครื่องสักการบูชาตามแบบฉบับฮินดู ซึ่งมีร้านรวงขายเครื่องบูชาเป็นล็อคๆเหมือนกับวัดดังๆในบ้านเราเลย และที่สำคัญคือทุกร้านสามารถถอดรองเท้าฝากไว้ที่ร้านค้าได้ถ้าคุณซื้อถาดเครื่องบูชาของร้านนั้นๆ เพราะวัดฮินดูทุกแห่งห้ามสวมรองเท้าเข้าไปด้านในต้องถอดทิ้งไว้ตั้งแต่บารายด้านนอกเลย ภายในวัดนี้มีลิงอยู่ด้วยก็จะมีคนมาคอยให้อาหารลิง มีแพะไว้เตรียมบูชายัญ ส่วนเครื่องสักการะภายในจะเป็นข้าวตอกดอกไม้เครื่องหอม ขนมหวานทำเป็นพานพุ่มมีผ้าคลุมสีแดง ทุกคนจะต้องถือพานเข้าไปภายในวัดซึ่งห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด และต้องเดินเท้าเปล่าต่อแถวเพื่อรอขึ้นไปถวายของในวัดใหญ่ที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง ภายในวัดมีผู้คนต่อแถวยาวสองแถวใช้ได้เลยมาจากทางซ้ายและขวาเพื่อเข้าสู่วัดกาลีตรงกลาง เราต้องถวายเครื่องสักการะแก่พราหมณ์ที่ทำพิธีภายในวัด หลังจากถวายแล้วพราหมณ์จะเจิมติลักสีแดงตรงกลางหน้าผาก แล้วก็ให้ถั่วกวนที่เป็นขนมหวานมงคลใส่พานออกมา ส่วนเครื่องหอมและดอกไม้จะถูกยกออกไปเพื่อบูชาเทพกาลี พวกเราจึงได้ขนมหวานมงคลติดตัวออกมา เราลองชิมดูปรากฏว่ามันคือถั่วบดกวนผสมนมแพะรสชาติหวานและออกมันเนยมากๆ ทานได้ไม่กี่คำก็แสบคอไปหมด พอถึงเวลาเอาพานไปคืนที่ร้าน และเอาร้องเท้ากลับคืนมาคนขายบอกว่าขนมนี้ถ้ากินเข้าไปจะเกิดศิริมงคลกับตัวเองนะ แต่เราว่าไม่ไหวแล้วล่ะมันหวานมากๆ เลยแบ่งให้คนขายของไปด้วย
ด้านซ้ายลิงของวัดแห่งนี้ ด้านขวาเป็นคนจุดธูปไว้ต้นไม้ ไม่แน่ใจว่าขอหวยหรือเปล่า
ด้านซ้ายแพะผูกไว้เตรียมบูชายัญ ด้านขวาเป็นร้านขายเครื่องบูชาจัดอย่างเป็นระเบียบ
โฉมหน้าเครื่องบูชาใส่พานใหญ่และผู้ใจบุญบูชา สนนราคาพานละ100รูปี
เอาล่ะในเมื่อเราเดินชมในวัดจนทั่วแล้วมีหรือที่พวกเราจะไม่แวะไปชมบรรยากาศริมแม่น้ำ Hooghly ไปแอบดูคนอินเดียอาบน้ำน่ะหรือ รุ่นนี้เค้าไม่ต้องแอบดูกันแล้วก็พี่แกเล่นอาบน้ำกันโจ่งแจ้งอย่างนั้นทั้งชายและหญิงอาบรวมกันประหนึ่งว่าสายธารานั้นได้หลั่งไหลมาจากสรวงสวรรค์ คนที่นี่เขามักจะอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายและจิตใจให้สะอาดหลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ด้วยความเชื่อที่ว่าพระเจ้าได้ประทานสายน้ำอันศักดิ์สิทธิ์มาไว้ให้กินดื่ม ดังนั้นพระเจ้าต้องคุ้มครองพวกเขาเมื่อเขาได้บริโภคน้ำเหล่านั้น ดังนั้นเราจึงเห็นคนทุกเพศทุกวัยพากันลงไปอาบน้ำที่ท่าน้ำของวัดกันเป็นเรื่องปกติ
หลังจากสักการะบูชาเสร็จ พราหมณ์เค้าจะคืนกระทงกลับมาแค่นี้
มุมนี้แอบถ่ายมาจากในสวนของวัดต้องรีบลั่นชัตเตอร์
สีสันของคนอินเดียแท้ๆเข้ามาสักการะบูชา
Vivekanada Bridge Hugli River
Hugli River กับชีวิตริมสายน้ำ
ผู้คนอาบน้ำหลังจากที่ไหว้พระขอพรเสร็จ
จากที่อาบน้ำเราก็เดินไปเก็บบรรยากาศภาพในวัดกันต่อ เราเหลือบไปเห็นร้านอาหารมีกลิ่นหอมหวนลอยมาเตะจมูก เป็นร้านลักษณะคล้ายโรงเจโรงทานมีแป้งคล้ายโรตีทอดแบบพองกรอบทานกับแกงถั่วเป็นชุดๆ และมีของหวานเป็นไอศกรีมนมแพะด้วย เราเห็นทุกคนเค้าสั่งอาหารแบบนี้ทานเราเลยพากันสั่งมาทานด้วย สนนราคา3ชุด เพียง65รูปี หลังจากอิ่มท้องเสร็จพวกเราก็จะเดินออกจากวัดเพื่อไปเรียกรถแท็กซี่ไปเที่ยวอีกวัดหนึ่ง ยังไม่ทันพ้นประตูวัดก็มีขอทานอินเดียมากมาย น่าจะเกิน10คนนะ กรูกันเข้ามาขอเงิน “รูปีเดนา รูปีเดนา” เต็มไปหมด ด้วยคำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่าก่อนที่จะถูกทึ้งจนเหลือแต่ซาก พวกเราต้องรีบเดินกลับเข้ามาตั้งหลัก และเรียกแท็กซี่ที่เข้ามาส่งผู้โดยสารภายในวัดให้ไปยังสถานที่ต่อไปทันที
ในร้านนี้ทุกคนจะสั่งอาหารเหมือนกันหมดเป็นชุดๆ
น้ำแกงถั่วจิ้มกับแป้งทอดกรอบ
ซุ้มประตูทางเข้าหน้าวัดปรากฏรูปสิงห์อยู่ตรงกลางประตู
ขอทานต่างวัยบริเวณซุ้มประตูด้านหน้าของวัด
ยามเฝ้าวัดหน้าตาขึงขังคอยห้ามพวกเราไม่ให้ถ่ายรูปบริเวณภายในวัด
เบื่อวัดกันหรือยังครับ ตอนต่อไปเราจะพาทุกท่านไปชมวัดฮินดูอีกแห่งนึงอันมีนามว่า Belur Math
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น