เช้าวันนี้เราตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่สดชื่นและโล่งจมูกกว่าเมื่อวาน เราเพิ่งจะค้นพบว่าห้อง Dorm ที่เป็นเตียงรวมนั้นสะอาดสะอ้านกว่าห้องเตียงคู่อีกก็เพราะเค้าทำความสะอาดทุกวันและมีแขกหมุนเวียนเข้าพักทุกวันนั่นเอง เช้าวันอาทิตย์ที่ไม่ต้องรีบเร่งพวกเราเลยนอนตื่นสายกันอีกแล้ว เมืองกัลกัตตาในเช้าวันอาทิตย์เหมือนยังไม่ตื่น พวกเราเดินไปย่าน New Market ร้านรวงต่างๆยังคงปิดอยู่ เราจะต้องหาร้านอาหารเช้าที่เปิดแต่ก็พบว่ามีน้อยมากเราเลยต้องเลือกร้านที่ดูไว้ใจได้เรื่องความสะอาดและแล้วเราก็มาหยุดอยู่ที่ร้านหนึ่งซึ่งติดป้าย North & South Indian Restaurant หน้าร้านดูดีนะแถมเป็นร้านมังสวิรัติอีกด้วย อีกทั้งยังทำให้เราได้ชิมทั้งอาหารจากตอนเหนือและตอนใต้ของประเทศอินเดีย
ถึงร้านอาหารมังสวิรัติหน้าตาจะธรรมดาแต่รสชาติอร่อยล้ำ
อาหารอินเดียมื้อนี้ พวกเราสั่งโดซา (Dosa Onion Masala) มันคือแผ่นแป้งกรอบคล้ายขนมเบื้องญวนภายในสอดใส้หัวหอม มันฝรั่งและผงเครื่องเทศมีน้ำเสริ์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสูตรนมกับสูตรน้ำแกงหรือที่เรียกว่าจั๊ดนี่ย์ (Chadney) นอกจากนี้เรายังสั่งปาเนียร์ (paneer) ซึ่งเป็นแกงชีสทานกับแผ่นจาปาตี และสั่งแกงคล้ายถั่วทานกับโรตีอร่อยมากๆ เพราะไม่ได้มีรสชาติแบบแกงถั่วทั่วไป นอกจากนี้เรายังสั่งไรต้า (Raita) อันเป็นโยเกิร์ตใส่แตงกวาและหัวหอมใหญ่สับละเอียด มาไว้กินแก้เลี่ยนและช่วยย่อย ไม่น่าเชื่อว่ามื้อนี้สอบผ่านเกือบทุกจานยกเว้นแกงชีสที่มีรสหวานและไม่ค่อยคุ้นลิ้นกับคนไทยเท่าไรนัก ค่าเสียหายมื้อนี้ทั้งหมด 144 รูปี เจ๊ติดใจถึงกับสั่งคุณชายเจ้าของร้านว่าพรุ่งนี้เช้ากรุณาเปิดร้านไวไวด้วย เพราะจะมาทานอีกเป็นมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย
จานนี้เป็นแกงถั่วเหลืองใส่มันแบบอินเดียตอนเหนือ
Dosa Onion Masala
แกงชีสทานกับจาปาตีรสชาติออกหวานไปนิด
Raita ก็คือโยเกิร์ตกินไว้เพื่อตัดความเลี่ยนของอาหาร
โปรดสังเกตเมนูอาหารอินเดียมื้อนี้ราคาไม่แพงเลย
พวกเราลืมไปว่าวันอาทิตย์รถใต้ดินเปิดทำการตั้งแต่บ่ายสองเป็นต้นไปจะเดินไปขึ้นรถหน้าตาเฉยกะว่าจะไปลงสถานีไมดาน (Maidan) อันเป็นสถานที่ใกล้อนุสรณ์สถาน Victoria Memorial มากที่สุด แต่เมื่อเราเดินไปถึงสถานีเอสพลานาด (Esplanade) ก็ไปเจอประตูที่ปิดตายอยู่พวกเราจึงถึงบางอ้อว่ามันต้องเป็นบ่ายสองครับ ดังนั้นพวกเราต้องเดินครับพี่น้องครับยึดเส้นถนน JL Nehru เป็นหลัก อากาศเย็นสดชื่นรถราวิ่งน้อยเพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ เมืองกัลกัตตาเดินไปเถอะคนอินเดียเค้ายังเดินกันได้เลย เรื่องของเรื่องไม่กล้าขึ้นรถเมล์ไปลงย่านไมดานเพราะกลัวหลงครับ ระหว่างทางก่อนไปถึงย่านไมดานก็จะมีอาคารสวยๆผนังแปลกๆ สไตล์อินเดียให้ถ่ายรูปบ้าง เดินผ่าน Indian Museum ที่เราตั้งใจว่าจะกลับมาชมตอนบ่ายและเดินผ่านสนามหญ้าขนาดใหญ่มาก คงเป็นสนามหลวงบ้านเค้า ที่นี่เค้าเรียกว่า Brigade Parade Ground แล้วเราก็เริ่มเห็นอาคารหินอ่อนสีขาวมียอดโดมแบบสไตล์วิคตอเรีย หรูหราและอัครฐานสมความเป็นเคหาสน์ ที่นี่เองคือ “วิคตอเรีย เมมโมเรียล” Victoria Memorial คล้ายพระราชวังหรือพระที่นั่งบ้านเรา
Wall แบบเก๋ๆ เราอดไม่ได้ที่จะต้องแชะสักภาพ
นี่ก็เป็น Wall สวยๆ ทำจากศิลาแลงเช่นกัน
Parade Ground ที่คล้ายกับท้องสนามหลวงบ้านเรา
รถม้าไว้บริการนักท่องเที่ยวนั่งชมเขตเมืองเก่ากัลกัตตา
Parade Ground ที่คล้ายกับท้องสนามหลวงบ้านเรา
รถม้าไว้บริการนักท่องเที่ยวนั่งชมเขตเมืองเก่ากัลกัตตา
Victoria Memorial ในยามสาย
ด้านข้างของอาคารหินอ่อน
อาคารหินอ่อน ศิลปะแบบตะวันตกยุคเดียวกันกับพระที่นั่งอนันตสมาคม
Victoria Memorial เป็นอาคารแบบตะวันตกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1921 โดยท่านเซ่อร์ โทมัส บรู๊ค (Sir Tomas Brooks) และอำนวยการสร้างโดยเจ้าชายแห่งเวลส์ตอนหลังเป็นพระเจ้าจอร์จที่5 (King George V) ในยุคที่ประเทศอินเดียเป็นอาณานิคมของเครือจักรภพอังกฤษ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย (Queen Victoria) โดยมีอนุสาวรีย์ของพระองค์ด้วย และตั้งอยู่ในย่านไมดานอันเป็นย่านหรูหราใจกลางเมืองกัลกัตตา สถาปัตยกรรมออกแบบยุคเดียวกับทัชมาฮาลซึ่งคนออกแบบคือท่าน Sir William Emperson สร้างขึ้นบนพื้นที่ 64เอเคอร์ ในสวนตกแต่งอย่างสวยงาม ตัวอาคารสูง184ฟุต ด้านบนมีรูปปั้นสำริดสัญลักษณ์แห่งนางฟ้าและชัยชนะน้ำหนักร่วม3ตันตั้งเด่นอยู่ ด้านเวลาเปิดเข้าชมได้ตั้งแต่ 10.00-17.00น. หยุดทุกวันจันทร์และวันหยุดราชการนะจ๊ะ ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 150รูปี ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความยิ่งใหญ่และอลังการ ด้านในตัวอาคารห้ามถ่ายรูปนะครับ มีการจัดแสดงภาพวาดศิลปะแบบโบราณให้ชมกันไม่อั้น และภาพประวัติศาสตร์อินเดีย สำหรับด้านนอกบริเวณรั้วประตูทางออกจะมีรูปปั้นสิงโตตั้งตระหง่านอยู่คล้ายกับวังที่อังกฤษ
รูปสลักนูนต่ำแกะมาจากสำริดเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
ความสวยงามของยอดโดมหินอ่อน
หนุ่มอินเดียแท้ๆ เวลาแต่งตัวออกนอกบ้านมักจะแต่งแบบนี้
รูปปั้นสิงโตเฝ้าบริเวณประตูแบบเดียวกับพระราชวังในอังกฤษ
รถม้าให้บริการนักท่องเที่ยวชมความงามโดยรอบ ราคาแพงหูฉี่
สีสันแฟชั่นที่ทันสมัยของคนอินเดียรุ่นใหม่ที่สลัดชุดส่าหรีทิ้ง
สองคู่รักต่างวัยชาวอินเดียต่างก็แวะมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่
คนอินเดียที่มาเที่ยวที่นี่ทุกคนล้วนแต่งกายสุภาพและสำรวมกิริยามารยาทจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่เรายังอยู่ในอินเดียอยู่ นึกว่าหลงไปอยู่อังกฤษซะอีก ด้านนอกมีบริการรถม้าให้เช่าแต่ท่าทางราคาคงจะแพงสาหัส มีแผงขายอาหารริมทางเปิดขายเรื่อยๆ เป็นอาหารแบบทานง่ายๆ มีทั้งขนมสายใหม่ ถั่วต้ม ไล่ไปจนถึงโรตีกับแกงโน่นเลย ฝั่งตรงข้ามกับ Victoria Memorial เป็นที่ตั้งของท้องฟ้าจำลองประจำเมืองกัลกัตตา หรือที่นี่เค้าเรียกกันว่า Birla Planetorium อาคารหินอ่อนขนาดใหญ่บนหลังคาทำเป็นโค้งครึ่งวงกลมซึ่งเป็นการจำลองท้องฟ้าและแผนที่ดาวยามค่ำคืน ว่ากันว่าท้องฟ้าจำลองที่นี่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นของศูนย์ศึกษาดาราศาสตร์ ของรัฐเวสต์เบงกอลในปี ค.ศ. 1929 เวลาเปิดปิด 12.30-18.30น. ทุกวัน
สองเจ้านี้ต่างขายข้าวยำอินเดียเหมือนกัน
ถั่วลิสงต้มของที่นี่เมล็ดใหญ่มากๆ
ที่นี่มีสร้อยให้ร้อยเองแบบมีตัวอักษรด้วย
นับเป็นความทันสมัยอีกรูปแบบหนึ่งที่หาได้ในอินเดีย
นี่แหละหน้าตาของขนมสายไหมบรรจุถุงขายถุงละ10รูปี
โฉมหน้าท้องฟ้าจำลองประจำเมืองโกลกัตตา ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ด้านตรงข้ามกับอาคารท้องฟ้าจำลอง จะมีอนุสาวรีย์อดีตผู้นำสตรี นางอินทิรา คานธี (Indhira Gandhi) ผู้เสียสละ และเสียชีวิตจากเหตุการณ์มือระเบิดพลีชีพเมื่อนานมาแล้ว เบื้องหลังรูปปั้นเป็นอาคารบริษัท ทาทาสตีล จำกัด (TATA Steel) บริษัทเหล็กกล้ายักษ์ใหญ่แห่งอินเดียและยังเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์สัญชาติภารตะยี่ห้อ ทาทา (TATA) อีกด้วย เมื่อเราเดินไปอีกด้านของท้องฟ้าจำลองจะแลเห็นโบสถ์คาทอลิกขนาดใหญ่ยอดสูงสร้างด้วยหินอ่อนอีกหลัง โบสถ์นี้มีชื่อว่า St. Paul Cathedral หรือมหาวิหารเซนต์ปอล สร้างขึ้นตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษนั่นเอง เวลาเปิดทำการ 9.00-12.00น. และ15.00-18.00น. ทุกวัน แต่เวลาที่พวกเราเข้าไปเป็นเวลาบ่ายนิดๆ มีการแข่งกีฬาสีในหมู่ชาวคริสเตียนกันอยู่ เราแอบเข้าไปถ่ายรูปภายในได้สักครู่ ก็เป็นอันต้องถูกเจ้าหน้าที่ตะเพิดออกมามีหรือที่เราจะพลาดการถ่ายรูป เลยถ่ายออกมาได้พอเป็นพิธีครับ
อนุสาวรีย์ท่านอินทิรา คานธี เบื้องหลังคือตึกของทาทาสตีล
โบสถ์หลังหินอ่อนสวยงามนามว่า St. Paul Cathedral
ที่เห็นเป็นถังนี่คือรถส่งนมนะครับ ส่งกันแบบนี้เลย
พวกเรานั่งแท็กซี่ ในราคาเพียง 50รูปี เพื่อกลับไปยังย่านเอสพลานาด วันนี้เราจะลองชิมอาหารกลางวันระดับภัตตาคารของที่นี่ดูสักมื้อ ว่ารสชาติจะอร่อยเหาะเพียงใด
มาแอบดูร้านอาหาร สงสัยพวกเราคงต้องหิวกันบ้างแล้ว
เห็นสองคนนี่ทานน่าอร่อย ไม่ไหวแล้วครับต้องรีบไปทานมั่ง
ตอนหน้าพาชิมอาหารอินเดียระดับภัตตาคารและพาชม Indian Museum และย่านเมืองเก่า B.B.D. Bagh ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น