หลายคนอาจสงสัยว่ามาเที่ยวหลวงพระบางทั้งที่สองวันแรก
ทำไมเราสองแม่ลูกยังไม่เข้าวัด ไปไหว้พระไปทำบุญกันเลย
เรามัวแต่ไปเที่ยวนอกเมืองหลวงพระบางกัน วันนี้แหละ
เราจะพาทุกๆคนไปชมวัดชมวังกันให้เต็มอิ่มเลย
ฉันกับแม่หน้าหอพิพิธภัณฑ์
วันนี้นางเดินเท้าจากโรงแรมตรงดิ่งมาที่วังเก่าเลย
มาตอนเช้าๆ คนยังไม่ค่อยมีมาเที่ยวเท่าไรนัก
สถานที่แรกที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองหลวงพระบางเลยก็คือ หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง
หรือพระราชวังหลวงพระบางเก่านั่นเอง บางคนก็เรียกว่า หอคำ การเดินทางถ้าพักในเมืองก็สามารถเดินมาได้เลยถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
หรือใครจะขี่จักรยานมาก็ได้ ตั้งอยู่บนถนนสีสะหว่างวง ตรงข้ามกับพระธาตุพูสี
ทางขึ้นพระธาตุพูสีอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหอพิพิธภัณฑ์
ทางเข้าหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง
หลังคาของหอพระบางที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง
เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องเสียค่าตั๋วคนละ 30000กีบ เวลาเปิดปิด ช่วงเช้า 8.30-11.30 ช่วงบ่าย 13.30-16.00 น.เปิดทุกวันแต่จะพักกลางวันยาวหน่อย ภายในหอพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป มีที่ฝากกระเป๋าและกล้องถ่ายรูปเป็นล็อคเกอร์อยู่ฝั่งโรงละคร ที่นี่จะเข้มงวดมากๆ ตัวอาคารเป็นศิลปะแบบล้านช้างหลังคาจั่วสวย เป็นอาคารปูนชั้นเดียวยกพื้นสูงสร้างขึ้นมาแบบเรียบง่าย ตั้งแต่สมัยพระเจ้าสักรินฯ เมื่อปีพ.ศ. 2447 จนลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2518 พระราชวังหลวงก็กลายมาเป็นหอพิพิธภัณฑ์ แสดงวัตถุล้ำค่า ข้าวของเครื่องใช้ของเจ้ามหาชีวิต ภายในมีท้องพระโรง ห้องบรรทม ห้องเสวย ให้เดินชมแบบจุใจ
ด้านหลังที่เป็นโรงละครจะมีที่ฝากกระเป๋าให้บริการฟรี
เราเคยมาเยือนที่นี่เมื่อ 12ปี ที่แล้วเอง
ภายในพระราชวังมีพื้นที่แปลนยาวมาก ยาวไปจนติดแม่น้ำเลย
ในเมื่อข้างในห้ามถ่ายรูปแล้ว เราจะพาชมด้านนอกบ้าง
ทางด้านซ้ายมือของทางเข้านอกจากจะเป็นที่ฝากกระเป๋าแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครพะลักพะลาม
(Ballet Theatre) หรือพระลักษณ์พระรามนั่นเอง ซึ่งแต่ละวันจะมีรอบการแสดงของเขาทุกวัน
ส่วนรูปปั้นอนุสาวรีย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้านั้นคือ อนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตสีสว่างวงษ์
กษัตริย์ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกให้แก่ประชาชนลาว
ป้ายหน้าโรงละครเราก็เคยมาถ่ายนะ
การแสดงของโรงละคร 1วัน แสดงรอบเดียว
คนแน่นโรงละคร อ่อ เขามาฝากกระเป๋ากันที่นี่
อนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตสีสว่างวงษ์ยืนน่าเกรงขาม
ด้านขวาของประตูทางเข้าคือหอพระบาง เป็นที่ประดิษฐานของพระบาง
ภายในห้ามเข้าและห้ามถ่ายรูป สามารถยืนสักการะพระบางได้แต่เพียงด้านนอกเท่านั้น
จำได้ว่าสมัยก่อนช่วงสงกรานต์
เราจะได้เห็นพิธีอัญเชิญแห่พระบางรอบเมืองหลวงพระบางเพื่อให้คนสรงน้ำพระบางกัน
เป็นประเพณีที่ทำกันมานาน
หอพระบางจากมุมด้านหน้า
ถ้าเดินออกจากวังมาทางขวามือจะเจอกับวัดใหม่
สุวันนะพูมาราม (Vatmay Soovannapumaram) ชาวบ้านที่นี่เรียกสั้นๆว่า วัดใหม่
สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่20 มีอายุหลายร้อยปี โดดเด่นด้วยหลังคาสิมแบบ5
ชั้นสวยงามมาก ภายในประดิษฐานพระเอ้
ซึ่งถือว่าเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง ค่าเข้าชมวัดใหม่ คนละ 10000กีบ จุดเด่นของวัดใหม่คือภาพเรื่องเล่ารามเกียรติและประติมากรรมปูนปั้นสีทองสวยงามมากๆ
เณรน้อยกวาดใบไม้อยู่หน้าวัดใหม่
สิมของวัดใหม่ด้านหน้า
พระเอ้ เป็นพระประธานในสิม คนลาวจากที่อื่นยังต้องมาไหว้ที่นี่
ความงามบนบานประตูสิม
ภาพเรื่องเล่ารามเกียรติบนผนังวัดด้านนอก
บริเวณโดยรอบของวัดใหม่
หลังคาสิมเป็นแบบหลังคา5ชั้นลดหลั่นกันสวยงาม
มื้อกลางวันก่อนที่เราจะไปเที่ยววัดอื่นๆ
ต่อในช่วงบ่าย
เราสองแม่ลูกได้ไปกินเฝอร้านในเพิงแบบเรียบง่ายอยู่ในซอยเยื้องกับวัดใหม่ คนปรุงเฝออัธยาศัยดีมากชวนแม่เราคุยเสียนานเลย
เฝอน้ำมื้อนี้ตกคนละ 15000 กีบ เท่านั้นเอง
ทางเข้าร้านเฝอมื้อกลางวันหลบอยู่ในตรอกแบบนี้
ร้านทองมูนมีลักษณะเป็นเพิง เจ้าของร้านคุยเก่งมาก แถมใจดีอีกด้วย
เฝอหรือก๋วยเตี๋ยวน้ำมื้อนี้เติมผักไม่อั้นนะจ๊ะ
ตอนหน้าเราจะพาชมพระธาตุหมากโม พระธาตุพูสีกันต่อเนอะ