วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เมื่อคุณแม่เปรี้ยว อยากแบกเป้เที่ยวหลวงพระบาง ( Trip for mom, Backpack to Lhuang Phrabang) ตอนที่ 6 พระราชวังหลวงที่ปัจจุบันเป็นหอพิพิธภัณฑ์กับภาพจำอันเลือนรางของเจ้ามหาชีวิต




           หลายคนอาจสงสัยว่ามาเที่ยวหลวงพระบางทั้งที่สองวันแรก ทำไมเราสองแม่ลูกยังไม่เข้าวัด ไปไหว้พระไปทำบุญกันเลย เรามัวแต่ไปเที่ยวนอกเมืองหลวงพระบางกัน วันนี้แหละ เราจะพาทุกๆคนไปชมวัดชมวังกันให้เต็มอิ่มเลย
ฉันกับแม่หน้าหอพิพิธภัณฑ์
วันนี้นางเดินเท้าจากโรงแรมตรงดิ่งมาที่วังเก่าเลย
มาตอนเช้าๆ คนยังไม่ค่อยมีมาเที่ยวเท่าไรนัก

     สถานที่แรกที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองหลวงพระบางเลยก็คือ หอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง หรือพระราชวังหลวงพระบางเก่านั่นเอง บางคนก็เรียกว่า หอคำ การเดินทางถ้าพักในเมืองก็สามารถเดินมาได้เลยถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว หรือใครจะขี่จักรยานมาก็ได้ ตั้งอยู่บนถนนสีสะหว่างวง ตรงข้ามกับพระธาตุพูสี 
ทางขึ้นพระธาตุพูสีอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหอพิพิธภัณฑ์ 
        
ทางเข้าหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง

หลังคาของหอพระบางที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง 

   เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องเสียค่าตั๋วคนละ 30000กีบ เวลาเปิดปิด ช่วงเช้า 8.30-11.30 ช่วงบ่าย 13.30-16.00 น.เปิดทุกวันแต่จะพักกลางวันยาวหน่อย ภายในหอพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูป มีที่ฝากกระเป๋าและกล้องถ่ายรูปเป็นล็อคเกอร์อยู่ฝั่งโรงละคร ที่นี่จะเข้มงวดมากๆ ตัวอาคารเป็นศิลปะแบบล้านช้างหลังคาจั่วสวย เป็นอาคารปูนชั้นเดียวยกพื้นสูงสร้างขึ้นมาแบบเรียบง่าย ตั้งแต่สมัยพระเจ้าสักรินฯ เมื่อปีพ.ศ. 2447 จนลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2518 พระราชวังหลวงก็กลายมาเป็นหอพิพิธภัณฑ์ แสดงวัตถุล้ำค่า ข้าวของเครื่องใช้ของเจ้ามหาชีวิต ภายในมีท้องพระโรง ห้องบรรทม ห้องเสวย ให้เดินชมแบบจุใจ
ด้านหลังที่เป็นโรงละครจะมีที่ฝากกระเป๋าให้บริการฟรี 
เราเคยมาเยือนที่นี่เมื่อ 12ปี ที่แล้วเอง
ภายในพระราชวังมีพื้นที่แปลนยาวมาก ยาวไปจนติดแม่น้ำเลย

       ในเมื่อข้างในห้ามถ่ายรูปแล้ว เราจะพาชมด้านนอกบ้าง ทางด้านซ้ายมือของทางเข้านอกจากจะเป็นที่ฝากกระเป๋าแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครพะลักพะลาม (Ballet Theatre) หรือพระลักษณ์พระรามนั่นเอง ซึ่งแต่ละวันจะมีรอบการแสดงของเขาทุกวัน ส่วนรูปปั้นอนุสาวรีย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้านั้นคือ อนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตสีสว่างวงษ์ กษัตริย์ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกให้แก่ประชาชนลาว 
ป้ายหน้าโรงละครเราก็เคยมาถ่ายนะ 
การแสดงของโรงละคร 1วัน แสดงรอบเดียว
คนแน่นโรงละคร อ่อ เขามาฝากกระเป๋ากันที่นี่ 
อนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตสีสว่างวงษ์ยืนน่าเกรงขาม

        ด้านขวาของประตูทางเข้าคือหอพระบาง เป็นที่ประดิษฐานของพระบาง ภายในห้ามเข้าและห้ามถ่ายรูป สามารถยืนสักการะพระบางได้แต่เพียงด้านนอกเท่านั้น จำได้ว่าสมัยก่อนช่วงสงกรานต์ เราจะได้เห็นพิธีอัญเชิญแห่พระบางรอบเมืองหลวงพระบางเพื่อให้คนสรงน้ำพระบางกัน เป็นประเพณีที่ทำกันมานาน
หอพระบางจากมุมด้านหน้า


         ถ้าเดินออกจากวังมาทางขวามือจะเจอกับวัดใหม่ สุวันนะพูมาราม (Vatmay Soovannapumaram)  ชาวบ้านที่นี่เรียกสั้นๆว่า วัดใหม่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่20 มีอายุหลายร้อยปี โดดเด่นด้วยหลังคาสิมแบบ5 ชั้นสวยงามมาก  ภายในประดิษฐานพระเอ้ ซึ่งถือว่าเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง ค่าเข้าชมวัดใหม่ คนละ 10000กีบ  จุดเด่นของวัดใหม่คือภาพเรื่องเล่ารามเกียรติและประติมากรรมปูนปั้นสีทองสวยงามมากๆ
เณรน้อยกวาดใบไม้อยู่หน้าวัดใหม่ 
สิมของวัดใหม่ด้านหน้า
พระเอ้ เป็นพระประธานในสิม คนลาวจากที่อื่นยังต้องมาไหว้ที่นี่ 
ความงามบนบานประตูสิม 
ภาพเรื่องเล่ารามเกียรติบนผนังวัดด้านนอก 
บริเวณโดยรอบของวัดใหม่
หลังคาสิมเป็นแบบหลังคา5ชั้นลดหลั่นกันสวยงาม 
             
         มื้อกลางวันก่อนที่เราจะไปเที่ยววัดอื่นๆ ต่อในช่วงบ่าย เราสองแม่ลูกได้ไปกินเฝอร้านในเพิงแบบเรียบง่ายอยู่ในซอยเยื้องกับวัดใหม่ คนปรุงเฝออัธยาศัยดีมากชวนแม่เราคุยเสียนานเลย เฝอน้ำมื้อนี้ตกคนละ 15000 กีบ เท่านั้นเอง 
ทางเข้าร้านเฝอมื้อกลางวันหลบอยู่ในตรอกแบบนี้ 
ร้านทองมูนมีลักษณะเป็นเพิง เจ้าของร้านคุยเก่งมาก แถมใจดีอีกด้วย 
เฝอหรือก๋วยเตี๋ยวน้ำมื้อนี้เติมผักไม่อั้นนะจ๊ะ


ตอนหน้าเราจะพาชมพระธาตุหมากโม พระธาตุพูสีกันต่อเนอะ



วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เมื่อคุณแม่เปรี้ยว อยากแบกเป้เที่ยวหลวงพระบาง ( Trip for mom, Backpack to Lhuang Phrabang) ตอนที่ 5 แวะเดินตลาดสดยามเช้า ตื่นตาตื่นใจกับของสดที่สดจริงๆ ซื้อของกินพื้นบ้านไปฝากคนที่บ้านได้อีก


              
  แย่จังวันนี้เราตื่นสายเพราะเมื่อคืนมัวแต่ไปเดินตลาดมืด กว่าจะได้กลับมานอนก็ร่วมเที่ยงคืน ทำให้เช้าวันนี้เราตื่นมา 7โมงเช้า อดไปใส่บาตรอีกตามเคย แต่ไม่เป็นไรยังมีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ข้างหน้า นั่นคือตลาดเช้าประจำเมืองหลวงพระบางครับ

สายหน่อยแม่ค้าก็หาบของใส่บาตรกลับกันหมดแล้ว
รถตู้จากโรงแรมนอกเมืองรอรับนักท่องเที่ยวกลับจากใส่บาตร
ระหว่างทางเดินไปตลาดเช้า เรากำลังจะผ่านหอพิพิธภัณฑ์
ตึกสวยข้างๆ พระธาตุภูสี

                ตัวตลาดเช้าตั้งอยู่บนถนนอินทาสมยาวไปจนถึงกำแพงหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ตัวตลาดแท้จริงแล้วเปิดตั้งแต่ 6.30น. ถ้าใส่บาตรเช้าเสร็จที่ถนนหน้าวัดแสนก็สามารถเดินเท้าต่อไปตลาดเช้าได้เลยครับ ตลาดเช้าเป็นแหล่งรวมอาหารสดนานาชนิดตั้งแต่พืชผัก ผลไม้  เนื้อสด ปลาสด สดจนชนิดที่ว่าสัตว์เป็นๆก็มีขาย บางเจ้าก็มีสัตว์ป่าแปลกๆด้วย คนที่ซื้อไปจะต้องนำไปฆ่าและปรุงอาหารด้วยตนเอง เราเลยขอแนะนำว่าพวกสัตว์ป่าแปลกๆ ถ้าไม่จำเป็นต้องไปซื้อมานะ เพราะในแต่ละวันจะมีชาวบ้านมาซื้อไปทำอาหารอยู่แล้ว ถ้าเราไปซื้อเพิ่มจะทำให้นายพรานออกไปหาของป่ามากขึ้น
ตลาดเช้าหลวงพระบางทั้งคนซื้อและคนขายล้วนแต่เป็นผู้หญิง

พืชแปลกๆก็หาได้จากตลาดเช้าที่นี่ 
เราได้ซื้อไคแผ่น (สาหรายน้ำจืด) ที่ยังไม่ได้ทอด กลับเมืองไทยไปทอดเอง 
ตอนเช้าอากาศหนาว สังเกตได้จากชุดของแม่ค้า
เป็ดไก่ที่นี่มีทั้งแบบเป็นและแบบตายแล้ว เพื่อนๆมันจะรู้ไหม 
ว่าอีกสักพักตัวที่อยู่ในเข่งก็จะต้องตามตัวอื่นๆไป 
ตลาดเช้าที่นี่มีนักท่องเที่ยวเดินปะปนกับชาวบ้านด้วย 
แม่ค้าขายดอกไม้และพานถวายพระ 
สาหร่ายน้ำจืดแบบสด มันก็จะเขียวๆแบบนี้
แม่ค้ากำลังสับปลาอย่างชำนาญทีเดียว 
เห็นหนูนาเสียบไม้นั่นไหม 
ดูดีดี จะเห็นเนื้องูกองปนกับปลาสด 
ปลาที่นี่ตัวโตมากๆ

                ตลาดเช้าไม่ได้มีแค่อาหารสดนะ อาหารแห้งกับพวกของใช้ในชีวิตประจำวันก็มี อาหารที่ปรุงเสร็จแล้วขายเป็นกับข้าวถุงก็มี ที่ลาวก็เริ่มมีกับข้าวถุงขายกันแล้วนะ แล้วในตัวตลาดก็มีร้านจำพวกสภากาแฟ กับร้านขายเฝอขายข้าวปุ้นด้วย ท่าทางน่าจะอร่อยนะ คนกินเต็มร้านเลยทีเดียว
ร้านอาหารเช้ากลางตลาดสด คนกินเยอะอยู่ 
เราเดินมาถึงมุมที่เขาขายอาหารกันแล้ว
บรรจงหยอดขนมครกกันแต่เช้าเลยจ้า 
มาซิมาเบิ่งของขายพวกอาหารแห้งกัน
หนังยำ ทำมาจากหนังควายตากแห้งแล้วนำไปจี่ไฟ เก็บไว้กินได้เป็นเดือน 
แจ่วบองลาวแซ่บมาก เราไม่ลืมที่จะซื้อติดไม้ติดมือมาด้วย ถุงละ5000กีบ
หมากตูมก็คือมะตูมนั่นเอง เอาไปต้มชาได้ 
ชิ้นแดดเดียวคือเนื้อวัวแล้วก็มีขนมพื้นเมืองขาย แต่เราไม่ได้ทดลองชิม 
ที่ตลาดเช้าเขามีกับข้าวตักใส่ถุงขายเหมือนกัน
กับข้าวพวกของปิ้งย่างก็ขายดีไม่แพักัน 
ธัญพืชลาว ขายตามราคาหน้าถุง 
เด็กน้อยสองคนช่วยพ่อแม่ขายไข่สด

                จบจากเที่ยวชมตลาดเช้า เราก้ได้ของกินมื้อเช้านิดหน่อยกลับไปกินกับอาหารเช้าโรงแรม หนึ่งในนั้นคือแซนวิชลาว หรือข้าวจี่ปาเต้นั่นเอง กินเสร็จก็ได้เวลาออกไปตะลุยเมืองหลวงพระบางชั้นในด้วยการเดินกันครับ
ของพื้นบ้าน งานจักสาน ขายอยู่ด้านนอกของตลาด 
ชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดก็จะกลับบ้านไปพะรุงพะรังแบบนี้ 
เดินผ่านหน้าร้านขายข้าวจี่อีกแล้ว 
ราคาไม่ถูกนะ 15000 กีบ แน่ะ
อาหารเช้ามื้อนี้แบบฝรั่งเศสประยุกต์จ้า


เที่ยวหน้าจะพาชมทั้งวัดและวังหลวงที่ปัจจุบันกลายเป็นหอพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองหลวงพระบางกันจ้า