วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

บาหลีไม่มีเหงา ไปเที่ยวเกาะนูซาเปนิดา (Nusa Penida) สิ อยู่ไม่ไกลจากบาหลีเลยนะ Lost in Paradise Nusa Penida


         ลืมเล่าให้ฟังเมื่อวานระหว่างที่เราได้เดินหาร้านอาหารอยู่ย่านใจกลางเมือง Seminyak เพื่อนฉันร้องเรียกอยากไปทะเลสวยๆ ไกลๆ สักที่ก่อนปิดทริปเที่ยวบาหลี โดยให้โจทย์มาว่าต้องเป็นเกาะอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บาหลี ขอคนน้อยๆ ไม่เยอะ โป๊ะเชะเลย เรานั่งหารูปเกาะสวยๆ จากในเน็ต แล้วพวกเราก็มาลงตัวที่เกาะนี้ Nusa Penida

                เกาะ Nusa Penida อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะบาหลี มีแหล่งดำน้ำดูปะการังที่อุดมสมบูรณ์เกาะหนึ่ง พร้อมกับวิวหลักล้านด้านแลนด์สเคป เราตัดสินใจเลือกซื้อทัวร์ท้องถิ่นเป็นลักษณะJoin Tour ไปด้วยกันเป็นกลุ่ม แบบไปเช้าเย็นกลับ ในราคาหัวละ1.25 ล้านรูเปียห์  หรือตกคนละ 2800 บาท โดยรถมารับส่งเราถึงที่พักเลย
เราออกมารอรถจากบริษัททัวร์มารับแต่เช้ามืดเลย 
ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า คณะเราเลยเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นรถ

       รถมารับเราที่โรงแรมตั้งแต่เช้ามืด ใช้เวลาเดินทาง1ชั่วโมง ไปยังชายหาดซานูร์ (Sanur Beach)  ที่อยู่ทางทิศตะวันออกอีกฟากของเกาะเพื่อไปลงเรือที่ท่าเรือ เรามาถึงท่าเรือตอน7.30 น. ยังมีเวลากินมื้อเช้า พร้อมเดินเล่นชิลๆ อีก 1ชั่วโมงระหว่างรอเรือ คนบาหลีนี่ก็แปลกนะ พี่แกเล่นน้ำทะเลกันแต่เช้าเลย
มื้อเช้าของเราข้าวห่อพื้นเมืองเรียกว่า Nasi Lemak พร้อมกาแฟดำ 30,000 รูเปียห์ 
แม่ค้าขายข้าวแกงพร้อมชงกาแฟร้อนให้เราสองคนได้กิน
ร้านค้าริมทางยามเช้าที่หาด Sanur Beach 
คนตกปลายามเช้าของหาดซานูร์ 
ของขายริมทางตอนเช้าส่วนใหญ่จะเป็นของทอดไว้กินกับชา กาแฟ 
เรือที่อินโด ส่วนใหญ่จะมีกาบด้านข้างกันล่ม 
ชมรมจักรยานของบาหลี คนขี่อายุรวมกันเกิน 500 

        เรือออกตรงเวลาเป๊ะ 8.30น. เรือที่มารับเป็นของบริษัท Crown Fast Cruise เป็นเรือสปีดโบท ใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมง ระหว่างทางน้ำทะเลเป็นสีครามเข้มสวยมากๆ นึกภาพตามนะ เกาะเล็กๆกลางทะเลที่เราจะพาไปนั้น มันจะสวยงามระดับไหน
เรากลับมารอเรือที่นี่ นักท่องเที่ยวข้ามเกาะมีหลากหลายเชื้อชาติเลย
เรือเร็วรอข้ามเกาะไปเกาะ Nusa Penida 
เรือออกจากฝั่งแล้วจ้า 
บรรยากาศภายในเรือเร็วข้ามเกาะ

    เรือเทียบท่าปุ๊บทางทัวร์เค้าก็จะแบ่งคนเป็นกลุ่มๆปั๊บ โดยให้ขึ้นรถกลุ่มละ4 คน เราได้ขึ้นรถกับคู่รักชาวอินเดียที่มาฮันนีมูนที่นี่ โปรแกรมของเราคือ West trip หรือฝั่งตะวันตกของเกาะ ก็จะมีพาไป Angel Billabong, Kelingking Beach, Broken Bay , ทานมื้อกลางวัน และสุดท้ายที่อ่าว Crystal Bay โปรแกรมจะจบราวๆ สี่โมงเย็น
น้ำทะเลบนเกาะสวยมาก สวยกว่าฝั่งบาหลีอีก 
Nusa Penida บางโซนยังเป็นป่าอยู่เลย 
ท่าเรือที่เราเดินขึ้นมา จะเห็นได้ว่าน้ำใสมากๆ 

         รถของเราขับขึ้นเขามาตามทางเล็กๆ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดแรกคือ Kelingking Beach เป็นหาดที่เป็นผาเหวลงไป ตรงปลายติ่งคล้ายปลาโลมากำลังเริงร่ากับน้ำทะเล เราอยากลงไปที่ชายหาดน้ำใสแจ๋วข้างล่างมากๆ แต่เขาติดป้ายเตือนอันตรายในการลงไปข้างล่าง และเขาให้เวลาเราแค่ครึ่งชั่วโมง กลัวปีนลงและปีนขึ้นไม่ทัน
เรากำลังจะเดินมาที่ signature คือปลาโลมา 
มองมุมนี้เหมือนกับปลาโลมามั้ย 
มาที่นี่แล้วรู้สึกว่ามีพลังและมีอิสรภาพเนอะ 
ชายหาดข้างล่างน่าลงไปมากเลย แต่ทางมันลาดชันมาก 
ทางลงไปชันแบบนี้เลย แถมไม่มีที่ให้จับแบบมั่นคงด้วย 
ข้างบนมีศาลเจ้าขนาดเล็กๆ มีชาวบ้านเข้ามาไหว้ 
ไกด์กำลังสอนให้นักท่องเที่ยวทำมุมเพื่อถ่ายรูปสวยๆ 
นี่แหละป้ายเตือนระวังตกเหวลงไปข้างล่าง

        จุดหมายต่อมาจะอยู่ติดกันคือ Angels Billabong และ Broken Bay  Angels Billabong จะเป็นผาหินข้างในเป็นแอ่งน้ำออกสีเขียวด้วยตะใคร่ เดินลงมาได้ตอนน้ำลง แต่ต้องระวังคมแหลมของหินเอาเองนะ แนะนำให้ใส่รองเท้าเดินลงมา แต่ถ้าน้ำขึ้นจะอันตรายมาก คลื่นจะขึ้นมากวาดทุกสิ่งในแอ่งพร้อมกับแรงของมวลน้ำก็จะดูดเอาตัวเราลงไปด้วย ไม่อยากนึกภาพเลย

โตรกผาสวยงาม ตอนน้ำลด เราสามารถเดินลงไปได้ 
แอ่งนี้เวลาน้ำขึ้นคงน่ากลัวไม่น้อย
หลุมยุบมีที่นี่ Angels Billabong 
เบื้องหลังความงาม หลายคนต้องมาถ่ายแบบที่นี่ 
ที่สวยมาก แต่ต้องคอยหันหลังดูคลื่นข้างหลังด้วยนะ 
ที่นี่คลื่นซัดเข้าหน้าผาแรงมาก  จะถ่ายรูปต้องระวังด้วย
ป้ายเตือนระวังเซลฟี่ ถ่ายไม่ดีอาจพลัดตกเหวได้

     ส่วน Broken Bay นั้นอยู่ติดกันเดินไปได้ มันคือแอ่งลากูนขนาดใหญ่น้ำทะเลสวยสีคราม คาดว่าน่าจะถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเป็นรูขนาดใหญ่ จากนั้นน้ำทะเลก็ซัดเข้ามากัดเซาะจนเป็นวงกว้างแบบปัจจุบัน จุดนี้เราได้เห็นปลากระเบนยักษ์ด้วย ส่วนอากาศไม่ต้องพูดถึงร้อนมากๆ 
อุ๊ย เงาอะไรดำดำ เงาปลาราหูนั่นไง 
คนไม่กลัวป้ายเตือนหรอก มายืนที่หน้าผาเยอะเลย 
ปลากระเบนราหูสีดำตัวใหญ่มากๆ
Broken Bay ลักษณะเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่ 
หน้าผาที่นี่สูงชันมาก เวลาเดินต้องมีสติด้วยนะ 
เราแอบอิจฉาเจ้าเรือลำนี้จัง ที่ได้แล่นเข้ามาชมความงามเวิ้งนี้ 
จุดนี้คือจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปมากที่สุด 
ความงามขณะเรือนำเที่ยวแล่นออกจากรูถ้ำ 


         จากนั้นรถพาเราไปกินอาหารกลางวันที่ร้านริมทางร้านหนึ่งที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ จากนั้นก็เอาเราไปปล่อยให้เล่นน้ำที่ Crystal Bay ปล่อยพวกเราเล่นน้ำประมาณ2ชั่วโมง น้ำทะเลที่นี่คือใสมาก น้ำโคตรน่าเล่น มีแนวปะการังให้ดำลงไปดูด้วยนะ สวยงามมาก 
Nasi Goreng หรือข้าวผัด เป็นอาหารจานหลักที่ทัวร์บังคับให้กิน
มาถึงอ่าวคริสตัลเบย์แล้วจ้า 
น้ำทะเลใสสะท้อนสีฟ้าครามน่าเล่นมากๆ  
น้ำทะเลที่นี่ใสราวกระจกเลยจ้า 

         ได้เวลาข้ามฟากกลับไปเกาะบาหลีด้วยเรือเร็ว ใช้เวลาเท่ากับขามาเลย แต่ขากลับจากท่าเรือซานูร์ กลับที่พักย่านเซมินยัคนี่สิ รถติดมาก น่าจะเป็นวันธรรมดาด้วยล่ะ ใช้เวลาเดินทางปาเข้าไป2 ชั่วโมง ไปถึงที่พักก็อาบน้ำให้เรียบร้อย เดี๋ยวเราจะออกไปกินอาหารทะเลปิดท้ายทริปบาหลี
บ่ายคล้อยแต่แสงแดดยังจ้าอยู่เลย 
พอเรือเทียบท่า คนจัดทัวร์จะทยอยเรียกชื่อให้พวกเราลงเรือไปทีละกลุ่ม 

        Kendi Kuning  เป็นร้านอาหารทะเลที่เราเลือก เพราะอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เดินไปแค่ 300 เมตร ขายอาหารทะเลสไตล์บาหลี หลายคนสงสัยว่าสไตล์บาหลีเป็นยังไง มันก็คือเอากุ้งหอยปูปลาไปย่างแล้วราดน้ำซอสรสหวานมานั่นแหละ  แล้วกินแกล้มกับเบียร์ท้องถิ่นอย่างเบียร์บินตัง (Bintang) นะ มันฟินมากๆ ฉันกินมาหลายมื้อแล้ว ค่าเสียหายมื้อนี้ 384,000 รูเปียห์ กินเบียร์ไปเบาๆ คนละขวด 
Kendi Kuning ร้านดังที่ทาง Tripadvisor ได้ทำรีวิวร้านไว้ด้วย 
อาหารทะเลเผาพร้อมราดซอสมาในสไตล์บาหลี  จานนั้จานเดียว 227,000 Rupiah
ยิ่งมีกับแกล้มอื่นๆ กินด้วยนะ จะฟินมากเลย

         เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาร่ำลาเกาะสวรรค์บาหลีของพวกเราแล้ว เราเชื่อว่าต่อให้มาคนเดียวเที่ยวบาหลีก็ไม่มีเหงา เรายังเที่ยวไม่ครบทุกที่ เผื่อว่าเที่ยวหน้าเราจะมาเก็บสถานที่ท่องเที่ยวที่เหลือนะ เราใช้บริการรถของโรงแรมให้มารับเพื่อไปส่งยังสนามบินงูราห์ไร (Nhurahrai International Airport) ค่ารถโรงแรมคิดเราที่ 250,000 รูเปียห์
ได้เวลาออกจากที่พัก Harris Hotel Seminyak 
ถึงแล้วนะท่าอากาศยานนานาชาติบาหลี 
ดูการตกแต่งบริเวณหน้าโรงแรมซะก่อน 
ด้านหน้าสนามบินคนไม่วุ่นวายดีจัง ชอบๆ


          มื้อเช้าเราเลยต้องไปฝากท้องที่สนามบินกันก่อนเครื่องออก เครื่องออกตั้ง11.30น. แต่เรามาถึงที่สนามบินตั้งแต่8.30น. มีเวลาได้เดินช้อปปิ้งดูของแบบเหลือเฟือ สนามบินที่นี่ทันสมัยมาก ยังดูใหม่อยู่เลย ของพวกกาแฟขี้ชะมด เรามาที่นี่ไม่ได้ชิมเลย ที่สนามบินก็มีขาย งานไม้งานแกะสลักมีหมด แต่ราคาจะสูงกว่าไปซื้อจากหมู่บ้านมากๆ
เข้ามาข้างในเจอร้านขายอาหารเยอะมากๆ  
มื้อเช้าของเราเช้านี้ ค่าเสียหาย 170,000 รูเปียห์
ห้องน้ำชายหญิงกับสัญลักษณ์หน้าประตู 
ช็อคโกแลตท้องถิ่นบาหลีมีความเข้มของโกโก้แตกต่างกัน 
ป๊อบคอร์นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 
กาแฟก็ไม่น้อยหน้าเป็นของส่งออกขึ้นชื่อของบาหลีเหมือนกัน 
ทาร์ตรสทุเรียนของท้องถิ่น 
มาถึงของไฮไลท์แล้ว กาแฟขี้ชะมดนั่นเอง หรือชื่อท้องถิ่น Kopi Kuwak 

ราคาไม่เบาเลย มีผลิตออกมาเป็นช็อคโกแลตจำหน่ายด้วยนะ

ชากล่องพร้อมชงแบบมี gimmick ในตัว
เราลองมาส่องร้านค้าแบรนด์เนมกันบ้าง  
แต่ละแบรนด์ต่างพากันยกมาออกที่นี่ แบบครบๆเลย 
เรายังแอบชอบเป้พวกนี้อยู่เลย 
ได้เวลาเครื่องจะออกแล้ว

        ถึงเวลาเครื่องออกเขาก็มีอาหารเสิร์ฟให้เราอีกสองมื้อ ทั้งมื้อที่บินไปกัวลาลัมเปอร์ และมื้อต่อที่บินกลับกรุงเทพ พร้อมความบันเทิงครบครันบนเครื่องตามเดิม  บาหลียังมีที่เที่ยวอีกมากให้เราไปเก็บตกเพิ่มเติม ทุกวันนี้ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าเราบินมาลงบาหลี แล้วนั่งเรือต่อไปเที่ยวเกาะลอมบ็อก (Lombok) น่าจะดี แล้วรอบๆแถวนี้ยังมีเกาะเล้กเกาะน้อยให้เที่ยวอีกเยอะแยะ เราเลยให้สัญญาว่า ถ้าเรามีโอกาสอีก จะกลับมาเยือนบาหลีเกาะสวรรค์ของเราอีกแน่นอน 
เราบินเครื่องของ Malindo ก่อนจากบาหลีไปกัวลาลัมเปอร์ 
อาคารที่สนามบินเขายังทำเป็นทรงมุงหลังคาแบบอินโดเลย 
มื้อขากลับไปกัวลาลัมเปอร์
เรามารอเปลี่ยนเครื่องที่นี่แค่1ชั่วโมงเท่านั้น 
เราต้องนั่งรถไฟฟ้าออกไปเพื่อไปยังอีก Terminal หนึ่งเลย 
ลำนี้แหละจะพาเรากลับไปลงดอนเมือง กรุงเทพ 
ของทานเล่นบนมื้อกลับเป็นพิซซ่าครับ


บล็อคหน้า มิงกะลาบา พาเที่ยวสงกรานต์ย่างกุ้งคร้าบ