ก่อนที่จะขึ้นมาทานข้าวบนเขาชมวิวภูเขาไฟนั้น เราจะต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติก่อน โดยเราอยู่ในเขต Mount Batur Volcano ต้องเสียค่าเข้า 30,000 รูเปียห์ ภัตตาคารที่เราจะไปกินเป็นแบบบุฟเฟ่ต์อาหารพื้นเมือง ราคาหัวละ 95,000 รูเปียห์ อยู่ในโปรแกรมทัวร์แล้ว ชื่อ Grand Puncak Sari Restaurant เปิดเป็นบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวัน เห็นวิวภูเขาไฟบาตูร์ แต่รสชาติธรรมดามาก ยังดีที่อากาศโดยรอบเย็นสบายเพราะเราอยู่บนที่สูง
มาถึงแล้วนะ ภัตตาคารชมวิวตั้งบนเขา
ด้านหน้ามีที่ให้นั่งรอสำหรับคนขับรถ เป็นร้านที่ผูกปิ่นโตกับบริษัททัวร์
หน้าตาอาหารพื้นเมืองธรรมดา รสชาติงั้นๆเลย
ภูเขาไฟบาตูร์ยอดแหลมเป็นวิวที่ทุกคนต้องมาถ่าย
อีกมุมหนึ่งก็เป็นทะเลสาบบาตูร์ ติดกับภูเขาไฟ
ที่นั่งของภัตตาคาร อากาศเย็นตลอดปี ไม่ต้องติดแอร์
ปิดท้ายโปรแกรมวันนี้ด้วยการไปวัดเบซากิห์ (Besakih) ค่าเข้าชม 60,000 รูเปียห์
ตั้งอยู่บนเขาอากุง (Gunung
Agung) วัดเบซากิห์ ถือว่าเป็นวัดพระแม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวัดฮินดูในบาหลี ภายในมีวัดอีกมากมาย
23 แห่งขึ้นไปบนเขา 7ชั้น แนะนำให้มาช่วงสี่โมงเย็นแล้วอยู่จนวัดจะปิด
คุณจะได้ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
เราต้องซื้อตั๋วตั้งแต่ตรงทางเข้าวัดกันเลย
ร้านขายของที่ระลึกมีอยู่ทั่วไปก่อนเข้าวัด
เห็นความยิ่งใหญ่ของวัดเบซากิห์แล้วใช่ไหม
ได้ตั๋วแล้วก็รีบเดินตามไกด์ของเราไปเลย
เห็นท้องฟ้านั่นไหม มืดมากเลย รีบเดินขึ้นไปก่อนฝนจะตก
เดินขึ้นไปสุดแล้วได้มองลงมาข้างล่างคืองามมาก
ภายในวัดที่สงวนไว้ให้สำหรับคนทำพิธีเท่านั้น
ตามทางเดินขึ้น สองข้างทางยังมีวัดเล็กวัดน้อยให้ชมอีกมากมาย
เราชอบถ่ายประตูทางเข้าแต่ละวัด เพราะแทบจะไม่ซ้ำกันเลย
บันไดหัวเป็นนาคางดงาม
เราสามารถนั่งโง่ๆได้เป็นชั่วโมงจนกว่าจะมีคนมาไล่เราลงไปนั่นแหละ
ข้างในมีวัดย่อยๆ อีกเยอะมาก เราอยากเข้าไปถ่ายรูปข้างใน
แต่เขาไม่ให้ถ่ายรูป และอนุญาตให้เฉพาะคนที่ซื้อกระทงเข้าไปไหว้เท่านั้น
ถ้าเราจะเข้าชมทุกวัด
นั่นคือเราจะต้องซื้อกระทงเครื่องไหว้ตามจำนวนวัดที่เราจะเข้า แต่ไม่เป็นไร
เราพอใจที่จะยืนดูด้านนอกมากกว่า
บางวัดก็ปิดไม่ให้เข้าชม
แล้วเราก็มาเจอกับวัดที่ข้างในเขากำลังประกิบพิธีกรรมกันอยู่
คนมาร่วมพิธีล้วนแต่งกายเรียบร้อยด้วยเสื้อสีขาว
แอบถ่ายภายในวัดที่เขากำลังจะทำพิธีกรรม
เราชอบรูปปั้นที่นี่นะ มีการนำหมวกมาใส่ให้เรียบร้อยเลย
เราคงอยู่ไม่ทันพระอาทิตย์ตกแน่นอน เพราะทัวร์ให้เวลาถึงแค่ตอนเย็น
ชาวบาหลีเทินของขึ้นศรีษะ เป็นภาพคุ้นตาของที่นี่
ศาลเล็กๆแบบฮินดูมีให้เห็นทั่วไปในวัด
เจดีย์ที่บาหลีสร้างจำนวนชั้นเท่ากัน แต่ต่างระดับกันก็เลยลดหลั่นกันไป
ข้างบนมีร้านขายของที่ระลึก หน้ากากน่ากลัวเชียว
วัดนี้อยู่สูงที่สุดบนยอดเขา
แท่นบูชาภายในวัด
วัดชั้นบนสุดนี่ประตูสวยมาก
ตุ๊กตาทำมาจากเรซิน ตอนแรกเราคิดว่าเป็นไม้
ตอนลงจากเขาคนเลิกจากงานพิธีกรรมพอดี
ภาพแอบถ่ายภายในวัดที่เราเข้าไปไม่ได้
วัด Besakih จะถ่ายมุมไหนก็สวย ด้วยศิลปะแบบบาหลีแท้ๆ
วัด Besakih ยังคงบังคับให้ใส่โสร่งเหมือนเดิม
เราให้รถมาส่งที่ร้าน Bebek Bengil ที่เราจะไปชิมเป็ดสกปรกกัน
หลายคนอาจงงว่ามันคืออะไร Dirty Duck ก็คือ Crispy
Duck หรือเป็ดอบรมควันจนกรอบนั่นเอง ที่นี่ใช้เป็ดเสริ์ฟจานละครึ่งตัว
รสจะออกเค็มๆหน่อยแต่แทะเพลินมากๆ แป๊บเดียวฉันแย่งเพื่อนกินหมดจาน
Bebek Bengil ร้านเป็ดอบกรอบในตำนาน เปิดบริการมาตั้งแต่ปี1990
เรามาถึงก่อนเวลานิดนึง เลยทำให้พอมีโต๊ะว่าง
Crispy Duck เป็ดสกปรกของเรามีเครื่องเคียงเป็นถั่วงอกลวกกับข้าวสวย
นอกจากนี้เรายังสั่ง Gadogado หน้าตาคล้ายสลัดแขกแต่เป็นผักนึ่งราดด้วยน้ำกะทิรสหวานนำ
และ Ikan Bumbu หน้าตาคล้ายห่อหมกปลาปิ้งแบบบ้านเรา มื้อนี้ค่าเสียหายหมดไปหลายแสนรูเปียห์
แต่ถือว่าคุ้มค่ากับรสชาติและประสบการณ์ที่ได้รับ
เป็นมื้อดินเนอร์ที่แสนวิเศษที่สุดมือหนึ่งเลย
สั่งมาสามจาน จานใหญ่ๆทั้งนั้นเลย กินสองคนยังไม่หมดเลย
Pepes Ikan Bambu คล้ายห่อหมกปลามีข้าวเป็นเครื่องเคียง
Gado Gado คล้ายสลัดผักนึ่ง ใส่เต้าหู้ทอดและข้าวเกรียบ
ค่าเสียหายDinner มื้อนี้จ้า
ได้เดินผ่านร้านขายโคมไฟสวยๆ ในเมือง Ubud ระหว่างกลับที่พัก
พอเดินผ่านเกสท์เฮ้าส์หลังนี้นี่ ผมนึกหลอนขึ้นมาทันทีเลยฮะ
นอนพักกันก่อน
พรุ่งนี้เรามีไปทัวร์อีกหลายวัดเลย พรุ่งนี้เราเน้นเทวสถานฮินดูเท่านั้น วันถัดไปเราถึงค่อยพาเพื่อนๆไปทะเลนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น