เสียงอะซานบอกเวลาละหมาดดังขึ้นตั้งแต่หัวรุ่ง ที่พักของเราคงอยู่ใกล้กับมัสยิด เช้ามืดอากาศหนาวเหน็บจนแทบไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลย ก่อนมาที่นี่ได้ดูพยากรณ์อากาศเขาบอกว่า ที่กรุงเดลลีอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 13-28 องศา ตอนนี้ก็คงจะ13 ได้มั้ง เช้ามืดคงออกไปไหนไม่ได้เพราะหมอกลงจัดมากว่าแล้วนอนต่ออีกนิดแล้วค่อยว่ากันใหม่
แสงแดดยามเช้าบนดาดฟ้าของโรงแรมที่พัก
เช้านี้เราต้องจำใจซักแห้งไม่อาบน้ำ อยู่ๆไฟก็ดับถึงสองครั้งทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ทำงาน พนักงานโรงแรมบอกว่าไฟฟ้าดับในเมืองเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ทุกเช้าอย่าลืมกล่าว “นมัสเต” (Namaste) อันเป็นคำทักทายที่สุภาพก่อนเริ่มต้นสนทนาทุกครั้ง พอหมอกเริ่มจางลงเราก็แบกเป้เที่ยวก้าวเท้าออกไปหาอาหารเช้าทาน พร้อมกับฝากกระเป๋าไว้ที่ห้องรับฝากกระเป๋า (Cloak Room) เป็นบางส่วนที่ไม่จำเป็นต้องหิ้วไปเมืองจัยปูร์ โดยเฉพาะของซื้อจาก Duty Free ที่นี่เขาคิดค่าฝากกระเป๋า 100 รูปี สำหรับการฝากสัมภาระ 5วัน
เมื่อฝากกระเป๋าเสร็จก็ออกไปหาอะไรทานง่ายๆนั่นแหละ แถวย่านMain Bazar มีร้านอาหารยามเช้าเยอะมาก เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟนั่นเอง ภารกิจแรกของเช้านี้คือต้องจองตั๋วรถไฟไปเมืองจัยปูร์ให้ได้ก่อนแล้วจึงค่อยออกไปเที่ยวที่อื่น อาหารเช้าของเราวันนี้คือ Onion Uttapam ทานกับชาร้อนหรือ Chai นั่นเอง ในราคาเพียง 40 รูปี รสชาติของหัวหอมนั้นเผ็ดร้อนได้ใจพอเรียกเหงื่อได้ยามเช้า
โฉมหน้า Onion Uttapam รสเผ็ด
ถึงร้านจะแคบแต่ความสะอาดก็พอใช้ได้
ทานเสร็จแล้วเดินข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟนิวเดลี ผ่านช่องทางตรวจสแกนทั้งคนทั้งกระเป๋าก่อน ยามเช้าผู้คนอินเดียก็ยังคงเนืองแน่นสถานีรถไฟ อย่าลืมกติกาเดิมนะครับ ในประเทศอินเดียเขาห้ามถ่ายรูปกับสถานีขนส่งมวลชนทุกชนิดและในรถโดยสารด้วย จากนั้นให้เดินไปที่ชานชาลา1 เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองจะมีสำนักงานขายตั๋วสำหรับชาวต่างชาติ (International Tourist Bureau) ที่นี่เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-20.00 น. เมื่อคืนเรามาถึงดึกเกินไปจึงไม่สามารถเข้าไปซื้อตั๋วได้ ความเป็นจริงแล้วการซื้อตั๋วรถไฟในอินเดียเองก็สามารถจองผ่านอินเตอร์เน็ตได้และตัดบัตรเครดิตเอา จากนั้นให้พิมพ์ตั๋วออนไลน์ออกมาใช้งานได้เลยเหมือนกับตั๋วเครื่องบิน แต่เราไม่มีเวลาจัดการที่เมืองไทยเลยต้องมาซื้อเอาที่นี่
แอบถ่ายสถานีรถไฟนิวเดลี
สถานีรถไฟนิวเดลีนั้นกว้างใหญ่มากๆ
ภายในสำนักงานขายตั๋วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหยิบแบบฟอร์มใบจองซื้อตั๋วไปกรอกรายละเอียดก่อนเลย ข้อมูลที่ต้องใช้ก็คือ ชื่อ-นามสกุล เลขที่หนังสือเดินทาง วีซ่าอินเดีย วันเดินทางไปและกลับ รวมไปถึงชื่อขบวนรถไฟที่เราต้องการจะไป อันนี้จะต้องกรอกรายละเอียดลงลึกถึงรหัสรถไฟ และเวลาที่ออกเดินทางเลยนะ ตารางการเดินรถไฟสามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ http://www.irctc.co.in/ ในเว็บสามารถเข้าไปคลิกเรื่องสถานีต้นทางและปลายทางได้ เมื่อกรอกเสร็จให้เดินไปต่อแถวเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ แนะนำว่าการมาซื้อตั๋วแบบนี้ให้รีบมาแต่เช้าจะดี เพราะยิ่งสายนักท่องเที่ยวจะยิ่งเยอะ แถมเจ้าหน้าที่จองตั๋วรถไฟยังทำงานค่อนข้างช้าด้วย อาจเป็นที่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วย
ถ้ามาแล้วหาไม่เจอให้สังเกตที่ป้ายนี้ สงวนสิทธิ์สำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น
เราต่อแถวประมาณ 10 กว่าคิว ก็พบว่าเจ้าหน้าที่จองตั๋วทำงานได้ช้าจริงๆ ระหว่างรอเราได้พูดคุยกับนักศึกษาชาวไทยมุสลิมที่มาเรียนโรงเรียนสอนศาสนาที่นี่ก็มาซื้อตั๋วเช่นเดียวกัน เราซื้อตั๋วไปเมืองจัยปูร์ได้รอบ 15.25 -20.25 น. ใช้เวลาเดินทาง5ชั่วโมงเต็ม ชั้นเดินทางเป็นชั้นสอง Sleeper Class ในราคาเพียง 175 รูปี
รถตุ๊กๆ (Auto Rickshaw) เจ้าถนนแห่งกรุงเดลี
มหกรรมตากด้ายบนราวสะพานข้ามทางรถไฟ
Kamala Market เป็นตลาดสดที่อยู่ตรงบริเวณทางลงรถใต้ดินสถานีนิวเดลี
เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเที่ยวต่อได้เลย 9 โมงกว่าแล้วหมอกยังคงหนาอยู่ การแบกเป้เที่ยวในเมืองเดลลีค่อนข้างสะดวกเพราะมีรถใต้ดินซึ่งหลายสถานีอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว และที่สำคัญค่าโดยสารถูกแสนถูก ที่แรกที่เราจะไปคือ ป้อมแดง หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Lal Qila ออกเสียงว่า “ลากีล่า” เราลงสถานีใต้ดินที่ New Dehli เพื่อไปโผล่ที่สถานี Chandni Chowk (อ่านว่า ชานดี้ชอว์ก) ค่าโดยสารราคาเพียง 8 รูปี เท่านั้น แค่สองสถานีเราก็ไปโผล่ใกล้กับจัตุรัส Chandni Chowk ทันที ลักษณะจะเป็นวงเวียนเล็กๆ จากจุดนั้นเดินตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร ผ่านวัดเชน (Jain Temple) ประมาณ 2 แห่ง ก็จะถึงทางเข้าป้อมแดงหลักที่เรียกว่า “ลาฮอร์ เกต” (Lahore Gate) ความยิ่งใหญ่อลังการของป้อมแดงอยู่ด้านหน้าท่ามกลางสายหมอกที่ยังไม่ทันจาง เด็กนักเรียนชาวอินเดียที่มาตั้งแถวรอเข้าทัศนศึกษาก็เริ่มแน่นแล้ว
วัดในศาสนาเชนอยู่ในระหว่างปรับปรุง
ภาพถ่ายจากจัตุรัส Chandni Chowk เต็มไปด้วยวัดเชน
ตอนต่อไปจะพาชมป้อมแดงและมัสยิดจามาก่อนจากลาไปเมืองจัยปูร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น