วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

บินเดี่ยวเที่ยวอินเดีย ตอนที่5 แบกเป้เที่ยวจัยปูร์ ชมนครสีชมพูและพระราชวังแห่งสายลม (Pink City & Hawa Mahal in Jaipur)

        อากาศยามเช้าในนครสีชมพู เมืองจัยปูร์นั้นไม่หนาวเท่ากับเมืองหลวงนิวเดลีทั้งที่เมืองนั้นอยู่ใกล้กับทะเลทราย เมืองจัยปูร์ (Jaipur) คนไทยมักติดอ่านออกเสียงว่า ชัยปุระ ออกเสียงแบบนี้ไม่ได้นะคนอินเดียเขาฟังไม่รู้เรื่อง ต้องอ่านออกเสียงว่า จัยปูร์
                เมืองจัยปูร์นั้นเป็นเมืองหลวงของรัฐราชาสถาน (Rajasthan) ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย ประชากรมากกว่า 50 ล้านคน ภูมิประเทศเป็นแบบแห้งแล้งกึ่งทะเลทรายไล่ไปจนถึงแบบทะเลทรายแท้ๆ อากาศค่อนข้างร้อนตอนกลางวันและเย็นตอนกลางคืน รัฐราชาสถานถือว่าเป็นดินแดนแห่งพระราชา เพราะที่ผ่านมาในอดีตมีการปกครองโดยมหาราชา (Maharaja) มาโดยตลอดและมีการสร้างพระราชวังและป้อมปราการให้ยิ่งใหญ่แข่งขันกัน จนสถานที่เหล่านี้ได้กลายมาเป็นมรดกโลกและสถานที่ท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน
พระราชวังแห่งสายลม (Hawa Mahal)
                เช้าวันนี้เราขึ้นไปที่ดาดฟ้าของโรงแรมที่เป็นภัตตาคารเพื่อไปชมวิวนครสีชมพู (Pink City) ให้ชื่นใจเสียหน่อย แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อโรงแรมที่เรานอนนั้นไม่ได้อตั้งยู่ในย่านใจกลางนครสีชมพูแต่อย่างใด ถามพนักงานดรงแรมเขาตอบว่าต้องเดินไปตามแผนที่อีกประมาณ 2กิโลเมตรจึงจะถึงตัวนครสีชมพู ซึ่งเมืองจัยปูร์นั้นแปลตรงตัวได้ว่า เมืองแห่งชัยชนะ เมืองนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1727 ในสมัยที่มหาราชาสะหวายจัย ซิงห์ที่2  (Maharaja Sawai Jai Singh II) ปกครองอยู่
ดาดฟ้าโรงแรมเป็นภัตตาคารยามค่ำคืน

บรรยากาศน่านั่งถ้าเป็นยามค่ำคืน 
ถนน MI Road ยามเช้าหน้าโรงแรม

          เราเดินออกไปทางถนน MI (Miraza Ismail) เดินไปจนถึงวงเวียนขนาดเล็กแล้วเลี้ยวซ้าย ระหว่างทางเราจะผ่านอาคารสไตล์โมกุลปะปนกับอาคารสมัยใหม่ ซึ่งอาคารแบบเดิมจะมีสถาปัตยกรรมเป็นยอดโดมขนาดเล็กๆ สไตล์ฮินดูที่เรียกว่า ฉัตรี (Chattri) เต็มไปหมด บางจุดของเมืองมีการเตรียมการก่อสร้างรถไฟใต้ดิน ซึ่งคาดว่าอีก5ปีจะแล้วเสร็จ ดังนั้นใครคิดจะมาเที่ยวจัยปูร์อีกต่อไปคุณสบายแล้ว
ร้านจิวเวลรี่ที่มีการตกแต่งอาคารด้วยยอดฉัตรี 
กลุ่มอาคารบริเวณวงเวียนล้วนตกแต่งด้วยยอดฉัตรี
ปั๊มน้ำมันเมืองจัยปูร์ 

บูติกยีนส์แบรนด์ดังก็มีที่นี่

        เดินต่ออีกนิดเราก็จะผ่านประตูเมืองที่สร้างด้วยหินสีแดงล้อมรอบตัวเมือง ประตูนี้มีชื่อว่าซิงห์โปล (Singhpol Gate) เมื่อทะลุประตูนี้ออกไปจะพบกับตลาดในเมืองที่มีชื่อว่า ตลาดอินทรา (Indra Bazaar) แต่เราออกตัวเช้าเกินไปดังนั้นจึงยังไม่มีร้านค้าใดเปิด อากาศเย็นและแห้งทำให้เดินได้ไม่รู้เหนื่อย เราได้ชมวิถีชีวิตชาวเมืองจัยปูร์ในยามเช้าได้อย่างถนัดตา
เส้นทางเดินไปสู่ประตูเมืองผ่านร้านสัตว์เลี้ยง 

ประตูเมืองที่นี่ทำคล้ายกับประตูเมืองเชียงใหม่

ตลาดอินทรายามเช้ายังไม่เปิดทำการ

ชาวบ้านเลี้ยงวัวด้วยแป้งโรตีย่าง 
           และแล้วเราก็เดินถึงใจกลางนครสีชมพู เมืองทั้งเมืองนั้นทาสีชมพูสมคำร่ำลือจริงๆ ว่ากันว่าผู้ริเริ่มให้ทาสีเมืองเป็นสีชมพูนั้นคือ มหาราชาราม ซิงห์ (Maharaja Ram Singh) ในปี ค.ศ. 1876 ที่มีรับสั่งให้ประชาชนทาบ้านเรือนเป็นสีชมพู เพื่อต้อนรับกษัตริย์อังกฤษ ซึ่งต่อมารัฐบาลอินเดียก็ยังคงออกกฎหมายบังคับให้อนุรักษ์บ้านเรือนสีชมพูไว้ตามเดิม และมีการทาสีใหม่เรื่อยๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ถึงแล้วนครสีชมพู เมืองจัยปูร์
บริเวณถนนสายหลักใจกลางเมืองจัยปูร์ยามเช้า 
หน้าร้านค้ามีคนเอาอูฐมาผูกอยู่ ซึ่งที่นี่ใช้เป็นพาหนะสำคัญ 
เจ้าแห่งท้องถนนในอินเดียก็คือวัวนั่นเอง

               ตลาดใจกลางเมืองมีชื่อว่า ตริโปเลียบาซ่าร์ (Tripolia Bazaar) เวลาเก้าโมงกว่าแล้วร้านค้าก็ยังไม่เปิด ที่นี่จะเปิดทำการค่อนข้างสาย มีประตูสีเหลืองสวยงามมีชื่อว่า Tripolia Gate สถานที่ท่องเที่ยวก็ยังไม่เปิด ขอแวะชิมริมทางก่อนก็แล้วกัน เมืองจัยปูร์ยามเช้าหาร้านอาหารทานได้ยากมาก เราเลยขอแวะทานปูรีและคาโชรี  (Puri & Kachori) ทอดมาร้อนๆอย่างละก้อนราดน้ำมาซาล่าเผ็ดๆ  ราคาเพียง 14รูปีเท่านั้น แต่อิ่มแปล้ถึงกลางวันโน่น
ประตูเข้าพระราชวังซิตี้พาเลซ Tripolia Gate 
Tripolia Bazaar ยังไม่เปิดในตอนเช้า 
นี่แหละร้านขาย Puri และ Kachori ทอด อาหารเช้าของเราแบง่ายๆ 
ขั้นตอนการทำอาหารตั้งแต่ปอกมันฝรั่งยันทอดแป้ง

      อิ่มแล้วก็ออกเดินต่อไปจนถึงสี่แยกใหญ่ชื่อจัตุรัสบาดีโชปาร์ (Badi Chaupar)ให้เดินเลี้ยวซ้ายก็จะถึง พระราชวังแห่งสายลม หรือที่เรียกว่า ฮาวามาฮาล (Hawa Mahal) มาฮาลแปลว่าวัง ซึ่งต่อไปนี้จะเจอคำว่า มาฮาล ตลอดเมื่อไปเที่ยวพระราชวัง ฮาวามาฮาลเป็นจุดขายของเมืองจัยปูร์ที่นักท่องเที่ยวทุกท่านจะต้องแวะจอดเพื่อถ่ายรูปหรือเข้าไปชมด้านใน เป็นพระราชวังสูง 5ชั้น ทาสีชมพูอมส้ม มีหน้าต่างฉลุช่องลมกว่า 953ช่อง เพื่อให้นางในวังได้แลกิจกรรมภายนอก สร้างขึ้นในสมัยมหาราชาประธาป ซิงห์ (Maharaja Pratap Singh) ในปี ค.ศ. 1799 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ราชปุต (Rajput) ค่าเข้าชมประมาณ 50รูปี แต่เราไม่ได้เข้าไปข้างใน  เพราะมีคนบอกว่าข้างในไม่มีอะไรนอกจากกระจกสีๆเท่านั้น ให้มองด้านนอกจะสวยงามกว่า
สี่แยกใหญ่ วงเวียนบาดีโชปาร์ 
ฮาวามาฮาล พระราชวังแห่งสายลม
ไม่ว่าจะมองมุมใดก็สวย แนะให้มาช่วงเช้าๆ คนยังไม่เยอะ 
มุมหน้าตรง Hawa Mahal

            ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังแห่งสายลมนั้นคือตลาด ฮาวามาฮาลบาซ่าร์ (Hawa Mahal Bazaar) เป็นตลาดที่จัดตั้งขึ้นใหม่ไว้สำหรับขายนักท่องเที่ยว ดังนั้นผู้ค้าจึงพยามตื๊อและเชื้อเชิญให้เข้าไปชมสินค้าในร้านตลอดทาง สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า ผ้าพิมพ์ลายแบบจัยปูร์ กระเป๋าย่าม ร่มสีสวยและรองเท้าหนัง ซึ่งรองเท้าหนังในเมืองจัยปูร์นี้ขึ้นชื่อมากๆในเรื่องของงานดีและราคาถูก ข้าวของที่ขายราคาต่อรองได้และไม่แพงนัก ขึ้นอยู่กับศิลปะการต่อราคา เรายังได้เสื้อเชิ้ตอินเดียแบบแขนยาวมา 1ตัว ในราคา 150 รูปี
ร้านขายรองเท้าหนังชื่อดังในตลาด Hawa Mahal Bazaar

สินค้านานาชนิดที่ตลาดล้วนสีสันฉูดฉาด 
ร้านขายโคมไฟสไตล์อินเดีย 
เดินเลยตึกแดงไปอีกนิดก็จะถึงทางเข้าพระราชวัง City Palace

ตอนต่อไปพาชมพระราชวังซิตี้พาเลซ และหอดูดาวจันตาร์มันตาร์ (City Palace & Jantar Mantar)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น