วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แบกเป้เที่ยวปักกิ่งหน้าหนาว แบบคูลๆ ชมพระราชวังต้องห้าม (พลาดเข้าชมเลยแม้แต่ตำหนักเดียว) The Miracle Forbidden City

       
 
       เดินชมจัตุรัสเทียนอันเหมินและบริเวณโดยรอบเสียครึ่งวันก็ได้เวลาชมพระราชวังต้องห้าม หรือกู้กง ต่อในภาคบ่าย บอกผู้อ่านทุกคนไว้ก่อนเลยว่าวันแรกเราพาทุกท่านไปชมสถานที่ต่างๆได้น้อยมาก เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยว 5 แห่งอยู่ติดกัน เดินถึงกันหมด แต่ละแห่งพื้นที่กว้างขวางมากจึงต้องเดิน เดิน และเดิน ทะลุซุ้มนั้นออกประตูนี้กันสนุกสนาน ท่ามกลางอุณหภูมิตอนบ่ายที่ต่ำกว่าศูนย์องศาเล็กน้อย มาเที่ยวปักกิ่งหน้าหนาวไม่ไปไม่รู้ การซุกมือลงในกระเป๋าข้างเสื้อหนาว การเดินเข้าไปข้างในร้านค้าที่เปิดฮีตเตอร์ไว้ และการพกกระติกน้ำร้อนไว้จิบน้ำแก้กระหายนั้นคือสวรรค์อย่างยิ่ง
นี่แหละนะอาการของคนแพ้ความเย็น มันกัดหน้าเสียจนแดงหมดเลย 
ระหว่างทางเดินไปพระราชวังต้องห้ามแดดดีก็จริงแต่หนาวมากๆ 
มื้องับๆ ทานเล่น Donkey Wrap เนื้อลาห่อ ราคา 17 หยวน
ไม่มีใครหลบแดด ณ เวลานี้ หันหน้าสู้แดดกันทุกคน

พระราชวังต้องห้ามหรือพระราชวังกู้กง (Forbidden City palace)
                พระราชวังต้องห้ามถือเป็นแดนสนธยาในสมัยราชสำนักจีนเรืองอำนาจ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1406 ใช้เวลาสร้างนานถึง14 ปี และใช้แรงงานทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านคน โดยรอบพระราชวังโอบล้อมด้วยกำแพงสูงทั้งสี่ทิศ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้ากว้าง 1 กิโลเมตร ด้านข้างกว้าง 1.5 กิโลเมตร มีคูน้ำล้อมรอบทุกด้าน จะเดินได้ทั่วมั้ยต้องถามใจตัวเองดูก่อนว่าไหวมั้ย พระราชวังต้องห้ามแบ่งเป็นสองส่วน คือวังหน้าเป็นส่วนว่าราชการขององค์จักรพรรดิ และวังในเป็นส่วนที่อยู่อาศัยของสนมนางใน ซึ่งข้างในจะมีท้องพระโรง ตำหนัก พระที่นั่งและสวนสวยๆอีกหลายแห่ง
สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งมีภาษาอังกฤษกำกับทั้งหมดไม่ต้องกลัว 
ถ้ากลัวหลงทางในวังก็แค่หยิบมือถือของท่านมาถ่ายแผนที่ไว้ 
ทางเข้าพระราชวังต้องห้ามฝั่งทิศใต้

        พระราชวังต้องห้ามได้ชื่อนี้มาเพราะว่าแต่ก่อนห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปข้างใน เป็นที่ประทับของจักรพรรดิราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงรวมทั้งสิ้น24พระองค์ มายาวนานเกือบ 500ปี จนกระทั่งสิ้นสุดระบอบกษัตริย์สู่ยุคปฏิวัติจีนที่เข้าสู่ระบอบสาธารณรัฐ รัฐบาลจีนจึงได้เปิดพระราชวังให้คนทั่วไปได้เข้าชมตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 เป็นต้นมา โดยค่าเข้าชมนั้นจะมีสองราคา ถ้าชมหน้าหนาว พ.ย.-มี.ค. จะจ่ายแค่ 40 หยวน เวลาเปิด-ปิด 8.30-17.00น. หน้าร้อน เม.ย.-ต.ค. จะต้องจ่าย 60 หยวน  เวลาเปิด-ปิด 8.30 – 17.00น. โดยช่องจำหน่ายตั๋วจะปิดก่อนเวลาปิดประมาณ 1ชั่วโมง เพราะที่นี่คุณต้องใช้เวลาเดินค่อนข้างมาก เขาให้เวลาไว้ขั้นต่ำ1ชั่วโมง  ถ้าจะมาที่นี่ทางรถรถใต้ดินให้ใช้บริการสายที่ 1 ออกที่สถานี Tiananmen East หรือ Tiananmen West ก็ได้ แล้วเดินมาบรรจบตรงกลาง
นักท่องเที่ยวชาวจีนเสื้อหนาวจัดเต็มมากๆ 
ตั๋วเข้าชมพระราชวังต้องห้าม 
จุดเข้าแถวต่อคิวซื้อตั๋วไปซื้อได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวาครับ

        หลังจากให้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรแล้ว เราจะเดินผ่านประตูอู่เหมินทางด้านทิศใต้ เราก็จะเดินผ่านสะพานหินอ่อนทั้งห้าสายข้ามแม่น้ำทองที่น้ำจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง สะพานทั้งห้าเปรียบได้กับคำสอนของหลักปรัชญาขงจื๊อที่เป็นหลักทำความดี 5 ประการ เมื่อเดินข้ามสะพานมาแล้วเราจะเห็นประตูไท่เหอเหมิน (Taihemen gate) เป็นทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นนอกสุด เป็นอาคารที่ไว้รับรองแขกภายในเป็นโถงขนาดใหญ่ ด้านหน้าจะมีรูปปั้นสิงโตสำริดวางคู่กัน ให้สังเกตดีๆ ว่าตัวไหนเป็นตัวผู้ตัวเมียเดี๋ยวเราจะมาเฉลยกัน
โฉมหน้าสิงโตสำริดด้านหน้าประตูไท่เหอเหมิน  
สะพานหินอ่อนข้ามคลองน้ำแข็ง 
ประตูไท่เหอเหมิน (Taihemen gate)ทางเข้าเขตพระราชฐาน 
ด้านล่างนี่คือคลองนะ 
สิงโตตัวผู้จะเหยียบลูกบอลใต้กงเล็บ 
ประตูไท่เหอเหมิน (Taihemen gate) 
ภาพสลักสวยงามตรงทางขึ้นประตู 
ส่วนสิงโตตัวเมียจะเหยียบลูกของตัวเอง

           เมื่อเดินผ่านประตูไท่เหอเหมินออกมาแล้วเราจะเจอกับลานกว้างมากๆ เบื้องหน้าคือตำหนักไท่เหอเตี้ยน (Taihedian Hall) ตำหนักใหญ่ที่มีสัญลักษณ์บันได 9 มังกรอยู่ตรงทางขึ้นตำหนัก สลักจากหินอ่อนวางพาดขึ้นไปสู่ตำหนักด้วยความยาวถึง16 เมตร เป็นลายมังกร 9 ตัว ตำหนักนี้โครงสร้างเป็นไม้และมีสภาพที่สมบูรณ์มากๆ  ภายในมีบัลลังค์ที่ทำจากไม้จันทน์หอมเพดานและผนังข้างในกรุลายสวยงาม แต่น่าเสียดายที่เข้าไปเดินชมข้างในไม่ได้ ด้านหน้าตำหนักมีรูปสลักเต่าและนกกะเรียนสำริดสวยงาม
มาก 
ตำหนักไท่เหอเตี้ยน (Taihedian Hall) 
โดยรอบจะเป็นลานที่กว้างใหญ่มาก
เด็กน้อยชาวจีนกับป้ายประวัติตำหนักไท่เหอเตี้ยน 
บันได 9 มังกร แผ่นใหญ่ พาดยาวไปถึงบนตำหนัก 
รูปปั้นเต่าสวยมาก
กระถางสำริดขนาดใหญ่ ไม่รู้จุดไฟได้มั้ย
นี่ไงบัลลังค์ตั่งทองที่ว่าราชการแผ่นดิน 
แม้แต่ขอบระเบียงยังแกะสลักเลย

      เดินผ่านตำหนักไท่เหอเตี้ยนมาแล้ว ด้านข้างจะมีตำหนักที่เล็กกว่ามาก นั่นคือตำหนักจงเหอเตี้ยน  (Zhonghe Dian Hall) และตำหนักเป่าเหอเตี้ยน (Baohe Dian Hall) ที่อยู่ใกล้ๆกัน เป็นตำหนักเล็กๆที่ใช้เป็นที่เปลี่ยนฉลองพระองค์ของจักรพรรดิ
ตำหนักจงเหอเตี้ยน ตำหนักเล็กๆ
ความเป็นมาของตำหนักจงเหอเตี้ยน

อันนี้ตำหนักเป่าเหอเตี้ยน
โอ่งทองเหลืองสวยๆ เค้าว่าเอาไว้รองน้ำฝนเพื่อใช้ดับไฟ
เบื้องหลังคือจุดชมวิวบนเขาจิงซาน
ด้านหลังคือตำหนักเป่าเหอเตี้ยน
ทหารยืนเฝ้าอารักขาก่อนเข้าสู่เขตพระราชฐานชั้นใน

         และแล้วเราก็เดินเรื่อยมาจนถึงประตูทางเข้าตำหนักนางใน สังเกตอย่างไรว่าเป็นวังในน่ะเหรอ ลองดูที่ตัวสิงโตทองด้านหน้าคู่ตำหนักสิ หูลู่ปิดลงมาเหมือนไม่อยากรับรู้ไม่อยากรับฟังเรื่องภายในวังในนั้น ประตูสู่วังในมีชื่อว่า ประตูเฉียนชิงเหมิน (Qianqingmen Gate) ซึ่งเขตพระราชฐานชั้นในจะเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ขององค์จักรพรรดิ พระมเหสี เหล่านางสนมนางกำนัลและบรรดาขันทีจ้ะ
ร้านขายของที่ระลึกของพระราชวังต้องห้าม 
สิงโตตัวผู้ตัวเมียมาอีกแล้วแต่คราวนี้ปิดหูซะ ไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น 
บันไดมังกรก็มาอีกเช่นกัน 
ประตูเฉียนชิงเหมิน 
นกกระสาสัญลักษณ์แห่งความอมตะ 
เต่าคือสัญลักษณ์ของจักรวาล 

       วังนอกว่ากว้างใหญ่แล้ววังในยิ่งทั้งกว้างและทางเดินซับซ้อนเหมือนเขาวงกต ถ้าจะมาเที่ยวพระราชวังต้องห้ามแล้ว ควรเผื่อเวลาเดินไว้ครึ่งวันเลย แต่นี่เราใช้เวลาแค่สองชั่วโมง ถ้าไปเที่ยวกับทัวร์เวลาอาจจะกระชั้นเหลือให้เดินแค่ชั่วโมงเดียวให้พอสูดอากาศเล่นๆ ภายในมีตำหนักน้อยใหญ่หลายตำหนักได้แก่
ฉากกั้นไม้สลักโบราณสวยงดงามมาก 

                ตำหนักเฉียนชินกง (Qianqing Gong) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตวังใน และตำหนักที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมเหสี ตำหนักเจียวไท่เตี้ยน (Jiaotai Dian Hall) ที่มีขนาดเล็กกว่า และตำหนักคุณหนิงกง (Kunning Gong) ที่ตั้งอยู่ท้ายสุด 
บัลลังค์แห่งตำหนักเฉียนชิงกง

นกกระสายังคงนำโชคต่อไป 
กวางตัวนี้ไม่เหลียวหลังนะจ๊ะ 
มังกรสลักสวยมาก 
ถ้าใครเดินหลงทางในส่วนของราชสำนักชั้นใน มีแผนที่ให้ดูครับ 
ตำหนักเจียวไท่เตี้ยนและบัลลงค์ข้างใน 

       นอกจากนี้ยังมีสวนขนาดใหญ่ ชื่อว่าสวนอวี้ฮัวหยวน  (Yu Hua Yuan) ตั้งอยู่ท้ายวัง มีทั้งภูเขาหินที่มีตำหนักเล็กๆตั้งอยู่ด้านบน และศาลาเล็กๆมากมาย มีจุดให้ถ่ายรูปบริเวณนี้เยอะมาก เมื่อก้าวพ้นประตูออกไปจะมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารให้พอเข้าไปพึ่งพาแก้หนาว ก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากประตูเสินอู่เหมิน ซึ่งเป็นประตูทางออกทางทิศเหนือ หรือบางท่านจะเริ่มตั้งต้นเที่ยวพระราชวังต้องห้ามจากประตูทิศเหนือได้เหมือนกัน
สวนอี้ฮัวหยวน มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า "Imperial Garden" 
สวนท้ายวังเป็นที่ตั้งตำหนักเล็กๆมากมาย 
สวนหินสวยๆอันเลื่องชื่อ 
ในสวนแห่งนี้มีหินสวยๆเยอะมากๆ 
ตำหนักน้อยๆท้ายสวนช่างสะดุดตาเรายิ่งนัก 
เราชอบตำหนักนี้มากที่สุด Pavilliom of Myriad of Spring Time 
(Wanchun Ting)
สองตาขอยลตามช่องเล็กๆบ้าง 
แค่เพดานก็กินขาดแล้ว 
ตำหนักบนเขาหินจำลองและแผนที่สวนอี้ฮัวหยวน 
ร้านขายของที่ระลึกด่านสุดท้ายก่อนพ้นประตูเสินอู่เหมิน
      เชื่อมั้ยพอเราก้าวเท้าออกจากประตูเสินอู่เหมิน รู้สึกราวกับว่าเราหลุดออกมาจากโลกปักกิ่งโบราณเข้าสู่ยุคปัจจุบันแล้ว ด้วยทางเข้าพระราชวังฝั่งเหนือเต็มไปด้วยผู้คนรอรถเมล์ ซึ่งรถเมล์ที่วิ่งผ่านก็มีทั้งรถเมล์ไฟฟ้าวิ่งตามสายไฟด้านบน และรถเมล์ที่ใช้น้ำมันแบบดั้งเดิม เล็งไว้แล้วขากลับเราจะนั่ง101 กลับไปยังถนนคนเดินเฉียนเหมิน

ประตูเสินอู่เหมินทางออกสู่ทิศเหนือของพระราชวังต้องห้าม 
จะนั่งรถเมล์สายอะไรมาที่นี่ดี ให้ดูที่แผนที่ด้านหน้าวังเลยครับ 
ด้านหน้าประตูเสินอู่เหมินผู้คนมากมายรอขึ้นรถเมล์ 
รถเมล์ที่นี่หลายคันใช้ไฟฟ้าวิ่งไปตามเส้นทางที่บังคับไว้ 
มีสายไฟด้านบนระโยงระยางแบบนี้ วิ่งออกนอกเส้นทางไม่ได้นะจ๊ะ


แค่นำเที่ยวชมพระราชวังต้องห้ามรายละเอียดยังมากมายขนาดนี้ เราขอยกยอดสวนสาธารณะอีกสองแห่งและถนนคนเดินยามราตรีไว้ตอนหน้านะจ๊ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น