เที่ยวบรูไนแบบตามใจฉัน ฝันไกลว่าไปเที่ยวบ่อน้ำมันเมืองซีเรีย
(Seria Oil Field)
เมื่อคืนเราได้สอบถามแพ็คเกจทัวร์ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเตมบูรง
(Temburong)
เพื่อล่องเรือหางยาวไปดูลิงจมูกยาวกัน
แต่ก็ต้องพากันถอยกรูด เนื่องจากค่าทัวร์ครึ่งวันต่อหัวอยู่ที่ 150 ดอลล่าร์สหรัฐ
อีกนิดเดียวก็เท่ากับค่าตั๋วเครื่องบินมาบรูไนแล้ว
Billionth Barrel Monument
พวกเราเลยเปลี่ยนเป้าหมายมานั่งรถบัสไปเที่ยวเมืองซีเรีย (Seria)
กัน
เมืองที่เป็นความใฝ่ฝันของแรงงานหลายคนที่เข้ามาทำงานแลกหยาดเหงื่อในโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่ของโลก
แล้วนำเงินทองกลับไปยังบ้านเกิดของตนมากมาย
หลายคนก็ปักหลักทำงานที่นี่เลยด้วยหวังที่จะสบายในภายภาคหน้า
รถเมล์ร้อนคันนี้แหละที่จะพาพวกเราไป BSB ย่อมาจาก Bandar Seri Begawan
หลังจากมื้อเช้าพวกเราจัดแจงถามทางโรงแรมอีกครั้งเรื่องรถบัสที่จะไปซีเรีย
นางบอกให้เรียกขึ้นหน้าที่พักเราฝั่งขาออกเมือง โชคดีจริงๆรอไม่ถึง5 นาที
รถวิ่งออกมาพอดี เมืองซีเรีย (Seria) อยู่ห่างจากกรุงบันดาร์เสรีเบกาวันไปทางทิศตะวันออก
120 กิโลเมตร รถใช้เวลาเดินทางประมาณ 2ชั่วโมง
เป็นเมืองสุดท้ายก่อนเข้าสู่รัฐซาราวัค (Sarawak) ประเทศมาเลเซีย
เป็นเมืองที่มีการค้นพบบ่อน้ำมัน ปัจจุบันเป็นฐานการผลิตใหญ่ภายใต้ชื่อบริษัท Shell
Brunei และมีกองกำลังทหารอารักขาคือกองทัพอังกฤษนั่นเอง
Local Bus นั่งไปพร้อมกับแรงงานต่างด้าว ขาไปคนน้อยมาก
ระหว่างทางจะผ่านมัสยิดหลังเล็กๆมากมาย
รถบัสคันที่พวกเรานั่งเป็นรถร้อนไม่มีแอร์ เสียค่าโดยสารคนละ 6
ดอลล่าร์บรูไน แต่ดีที่อากาศข้างนอกไม่ร้อนนัก
ระหว่างทางมีการจอดแวะรับคนตามรายทาง เมืองใหญ่ที่อยู่ระหว่างทางคือเมืองตูตง
(Tutong) เมืองขนาดใหญ่มีแม่น้ำ
ตูตง (Sunhgai Tutong) ไหลผ่านใจกลางเมืองพร้อมสวนสาธารณะขนาดใหญ่ริมแม่น้ำ
มีลานให้คนมาวิ่งออกกำลังกาย รถวิ่งอีก
1ชั่วโมงก็ไปถึงเมืองซีเรียพอดีท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุบริเวณสถานีขนส่ง
แม่น้ำตูตงที่ไหลผ่านย่านใจกลางเมืองTutong
แดดที่นี่แรงแต่เช้าเลยครับ
อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว
จากจุดนี้พวกเราต้องใช้บริการรถแท็กซี่แบบเหมาเหมา
ซึ่งก็มีคุณน้าท่าทางเป็นมิตรท่านหนึ่งที่เราได้เดินเข้าไปสอบถามว่าจะไปเที่ยวอนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ไปอย่างไร
คิดเท่าไร เขาบอกว่าคิดแบบเหมาจ่ายที่ 30 ดอลล่าร์บรูไน
และจะพาชมสถานที่ทั้งหมดที่เราอยากไป
ร้อนไหมถามใจเธอดู ไม่มีคนอยู่บนรถเลยจ้า
ท่ารถใจกลางเมืองซีเรีย
ไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นอดีตวิศวกรบริษัท Shell Brunei
รถแท็กซี่คันใหญ่นั่งสบายที่จะพาพวกเราไปทัวร์โรงกลั่นน้ำมันกันครับ
อนุสาวรีย์พันล้านบาร์เรล (Billionth Barrel Monument)
เป็นจุดแรกที่เขาพาไป
มีลักษณะเป็นโดมโค้งครึ่งวงกลม
อนุสาวรีย์สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการผลิตน้ำมันครบพันล้านบาร์เรล
สร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ.1991 ตั้งอยู่กลางแจ้ง ติดอยู่ริมชายหาดสวย
ทางเดินปูด้วยอิฐก้อนสีแดง ใกล้ๆกันจะเห็นเครื่องจักรรุ่นแรกที่ใช้ในการขุดเจาะนำน้ำมันขึ้นมา
ลักษณะคล้ายแกนเหวี่ยงปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่พอรุ่นหลังๆ
ลักษณะจะคล้ายแท่นขุดเจาะปั้นจั่นมากกว่า
เครื่องขุดเจาะน้ำมันรุ่นโบราณที่ไม่ได้ใช้แล้ว
พอผลิตน้ำมันได้ครบพันล้านบาร์เรลในปี1991 จึงสร้างอนุสรณ์สถานที่นี่เลย
จารึกไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่องค์สุลต่าน
ตอนเที่ยงผู้เข้าชมจะค่อนข้างบางตา
เอกลักษณ์การออกแบบเป็นเสาสี่ด้านรูปครึ่งวงกลม
แดดที่เมืองซีเรียจ้าจริงๆ
ทะเลที่นี่เงียบสงบแต่ไม่มีคนลงเล่นน้ำ
จะเห็นแท่นขุดเจาะอยู่ไกลๆ กลางทะเล
คนขับรถชาวบรูไนอดีตเคยทำงานเป็นวิศวกรที่บริษัท Shell Brunei ที่นี่ ได้รับรายได้และสวัสดิการค่อนข้างดีมีบ้านพัก
แต่ด้วยงานประจำที่ทำอยู่ค่อนข้างหนักตอนหลังสุขภาพย่ำแย่ลง
เลยขอลาออกมาขับแท็กซี่ซึ่งอิสระกว่า ถึงจะได้เงินน้อยกว่าก็ตาม
เขาได้ขับเข้าไปในเขตของสโมสรพนักงาน บ้านพัก สำนักงานใหญ่ จนกระทั่งเข้าไปในเขตของคลังน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมัน
รถกำลังเข้าสู่บริษัทเชลล์บรูไนแล้ว
ที่นี่มีศูนย์การเรียนรู้สำหรับพนักงานในองค์กรด้วย
แท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
กำลังเข้าสู่เขตสโมสรและที่พักสวัสดิการพนักงาน
ตอนนี้กำลังเข้าสู่เขตหวงห้ามแล้ว
นั่นคือโรงกลั่นน้ำมันดิบนั่นเอง
ถังเก็บน้ำมันดิบและน้ำหล่อเย็นในกระบวนการกลั่น
ด้วยความที่เป็นรถแท็กซี่มีตราชัดเจนด้านบน
ทำให้ยามออกมาไล่รถของพวกเรา แกรีบกลับรถแล้วซิ่งออกไปจากเขตหวงห้ามทันที
เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ พวกเราเลยไปเข้าชมศูนย์การเรียนรู้แทน Oil and Gas Discovery
Center (OGDC) รูปแบบเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ด้านอุตสาหกรรมการกลั่นน้ำมันแบบinteractive อธิบายกระบวนการผลิตน้ำมัน ตั้งแต่การสำรวจขุดเจาะ การกลั่นน้ำมัน
ประเภทและชนิดของน้ำมัน ไปจนถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมเพื่อสังคม
เรียกได้ว่าได้ความรู้กับไปแบบครบๆ และค่าเข้าชมฟรีด้วย
แท่นขุดเจาะขนาดเล็กที่ปลดระวางแล้ว
ปัจจุบันเขาใช้แท่นใหญ่ขุดเจาะน้ำมันกัน
Oil and Gas Discovery Center (OGDC) เปิดให้เข้าชมฟรี
แผนที่ขุมทรัพย์ล้ำค่าแหล่งน้ำมันดิบกลางทะเล
โมเดลการเกิดน้ำมันดิบใต้ดิน
ชนิดของหินและยุคการเกิดน้ำมัน
ใครพาเด็กๆมาเรียนรู้แวะถ่ายรูปที่นี่ได้ครับ
แบบจำลองแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล
ใครต้องการความรู้เพิ่มเติมที่นี่ก็มีเจ้าหน้าที่พาชมด้วยครับ
กว่าจะเดินชมเสร็จก็บ่ายกว่าเขาว่าจะพาชมสำนักงานใหญ่ของที่นี่ต่อ
แต่สำหรับพวกเราคือพอแล้วและหิวแล้วด้วย เลยขอให้เขาไปส่งที่ท่ารถแทน
แถวนั้นมีตลาดและร้านอาหารที่น่าสนใจ เราได้แวะกินกลางวันที่ร้านหนึ่งเป็นร้านอาหารมุสลิมสไตล์มาเลย์ราคาไม่แพงนัก
ตอนกลางวันเมืองซีเรียเงียบมากเพราะคนงานก็ล้วนแต่ทำงานอยู่ในโรงกลั่นน้ำมันนั่นเอง
หิวมากจัดไปทั้งข้าวทั้งโรตีกินกับแกงแพะ
ภัตตาคารอร่อย WYWY Restaurant
ตบท้ายด้วยของหวานเย็นชื่นใจคล้ายลอดช่องใบเตยใส่วุ้นสีดำ
ใครต้องการประหยัดงบที่นี่มีตลาดพร้อมโรงอาหารขายข้าวราคาถูกด้วย
เชื่อหรือไม่ขากลับเราได้กลับกับรถบัสคันเดิม
กระเป๋ารถเมล์นางดีใจมากที่ได้เจอกันกับพวกเราอีกครั้ง
นางเลยชวนพวกเราคุยอย่างสนุกสนาน แต่ก็คุยได้เพียงชั่วครู่
อากาศยามบ่ายที่ร้อนกับอาหารกลางวันที่เรากินเข้าไปเยอะ
ทำให้เรานั่งหลับยาวไปจนเกือบถึงใจกลางกรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน
ระหว่างนั่งรอรถก็ดื่มน้ำทุเรียนน้ำเย็นชื่นใจ
เราได้นั่งรถคันเดิมคันเดียวกับขามานั่นแหละ
ลาก่อนโรงกลั่นน้ำมันอาชีพทำเงินแต่เหนื่อยไม่น้อยเลย
ขากลับระหว่างทางผ่านพระราชวังอิสตาน่า นูรุล อิมมานด้วย
เรากลับมาถึงใจกลางเมืองตอนเย็นเลยขอแวะเดินห้างยาย่าซัน(Yayasan Complex) ตากแอร์เย็นๆก่อน ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดใจกลางกรุง อาคารสูง4
ชั้น แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
เชื่อมต่อกันได้ด้วยซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นใต้ดินขนาดมหึมา วันนี้เป็นวันหยุดเลยเป็นวันที่มีกิจกรรมครอบครัวมากมายภายในห้างนี้
เป็นที่นิยมทั้งคนบรูไนและแรงงานต่างชาติ
กิจกรรมเด็กจัดชั้นใต้ดิน สนับสนุนโดย Joillibee
Yayasan Complex เบื้องหลังคือมัสยิดทองคำ
มื้อค่ำเราตัดสินใจกลับไปกินแถวย่านที่พัก เพราะรถเมล์รอบสุดท้ายจะวิ่งออกจากท่ารถเวลา
18.00 น. กลัวว่าจะต้องอาศัยรถแท็กซี่กลับโรงแรมอีก
ปรากฏว่าของอร่อยอยู่ใกล้แค่จมูกที่พักของเรานั่นเอง
เราทานกันที่ร้านที่เรากินอาหารเช้าทุกมื้อ คือร้าน My Town Eating House อาหารที่เราสั่งมีปีกไก่ซอสหวาน,
ก๋วยเตี๋ยวผัดและผัดผักบุ้ง แต่รสชาติอาหารต่างจากไทยมาก
คือหวานทุกจานและค่อนข้างมันสำหรับก๋วยเตี๋ยวผัด เราสองคนกินหมดกันไป 25
ดอลล่าร์ อิ่มมากๆสำหรับคืนนี้จ้า
หืม ปูผัดพริกจานละพันกว่าบาท
เครื่องดื่มดับกระหายเย็นชื่นใจมีให้เลือกเยอะมาก
บรรยากาศภายในร้านยามค่ำคืนคนน้อยดี
การตกแต่งร้านอย่างเรียบง่าย
เชื่อไหมว่ากินคนเดียวเกินครึ่งอีกแล้ว
วันรุ่งขึ้นเรามีเวลาอีกนิดหน่อยก่อนที่จะออกไปขึ้นเครื่อง
เลยขอแวะไปเที่ยวที่ พิพิธภัณฑ์บรูไน (Brunei Museum) สักหน่อย อยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 5กิโลเมตร ปรากฏว่าพอต่อรถเมล์สาย 39
จากท่ารถไปถึงตัวพิพิธภัณฑ์ปิดปรับปรุงชั่วคราวและเพิ่งปิดได้ไม่นานด้วย น่าเสียดายจังพวกเราตั้งใจที่จะไปชมศิลปวัตถุและภาพเขียนเชิงวัฒนธรรมของบรูไน
พร้อมเดินทางเช้านี้ไปกับสาย 39 ค่ะ
ว้ายตายแล้ว พิพิธภัณฑ์นางปิดชั่วคราวแบบไม่มีกำหนดเปิดเลยค่า
เข้าชมภายในไม่ได้ก็ขอถ่ายรูปเล่น ข้างนอกแล้วกันนะ
ระหว่างรอเรียกรถกลับที่พักครับ
นอกจากจะไม่ได้เข้าชมแล้วยังรอรถขากลับอีกนานมาก
จนมีสองสามีภรรยาคู่หนึ่งอายุมากแล้วเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวจึงจอดแวะรับ
เราลังเลอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไปดี แต่เห็นว่าแกอายุมากแล้วเลยขออาศัยไปลงในเมือง
แกบอกว่าแกจะไปพระราชวังอิสตาน่าเพราะทำงานอยู่ในนั้นแกจะพาเที่ยวชม
แต่พวกเราปฏิเสธไปเพราะกลัวว่าจะไม่ทันขึ้นเครื่องกลับในช่วงบ่าย
และพระราชวังอยู่ไกลก็จะหารถกลับมาที่พักยากอีก
ระหว่างทางกลับเราผ่านพิพิธภัณฑ์รอยัลรีกัลเลียอีกครั้ง
เราเลยอาศัยติดรถมาลงแถวที่พักแล้วเก็บกระเป๋าออกจากโรงแรม
ก่อนไปได้แวะย่านไชน่าทาวน์ก็คือแถวที่พักนั่นแหละ ได้กินอาหารจีนและเป็นเนื้อหมูแล้ว
รสชาติเป็นแบบจีนและจืดสนิทเลย กินเสร็จก็ต้องหารถเมล์สาย24ที่จะพาเราไปยังสนามบินได้ในราคาเพียง1ดอลล่าร์
เท่านั้น
กลับมาถึงที่พักในตอนสายๆ รีบไปเก็บกระเป๋ากันเร็ว
มาเที่ยวนี้ซื้อของน้อยมากเน้นเที่ยวจริงๆ
พร้อมออกเดินทางไปสนามบินแล้วนะครับ
ในที่สุดเราก็หาร้านอาหารจีนเจอแลดูเป็นเนื้อเป็นหนังมากๆ
บะหมี่ผัดที่เราสั่งกินกับน้ำมะนาวซึ่งที่นี่จะใช้เลม่อนชงครับ
ได้เวลาตามล่าหารถเมล์ไปสนามบินที่ BSB Bus Station
รถเมล์ใช้เวลาเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงก็พาพวกเรามาถึงสนามบินนานาชาติแห่งบรูไน
เราพอมีเวลาที่จะเดินดูของที่ระลึกบรูไนภายในร้าน
พวกตุ๊กตาลิงจมูกยาวนี่น่ารักเชียว
มีร้านกาแฟสวยๆให้นั่งแต่นั่งได้ไม่นานก็มีเสียงประกาศขึ้นเครื่องแจ้งเตือนแล้ว
ขากลับเราก็ต้องไปต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์อยู่ดีและใช้เวลาในการต่อเครื่องน้อยกว่าครั้งที่แล้ว
ใช้เวลาเดินทางต่อเครื่องอีกนิดเดียวก็ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
เจอกันอีกแล้วนะ มัสยิดสนามบินบันดาร์เสรีเบกาวัน
เสียดายจังที่เราอิ่มกันมาแล้วกินต่อไม่ไหว
ร้านอาหารและกาแฟเจ้าดังก็อยู่ที่นี่
บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอินโล่งเชียว
ขากลับเราก็กลับกับมาเลเซียแอร์ไลน์นี่แหละ
ตุ๊กตาลิงจมูกยาวของฝากอีกรายการหนึ่งที่น่าซื้อของบรูไน
ของที่ระลึกอื่นๆพวกเสื้อยืดก็มีขายในสนามบิน
เครื่องสำอางค์และน้ำหอมเพียบ
สายการบินรอยัลบรูไน สายการบินแห่งชาติ
อาคารผู้โดยสารจุดนั่งรอเครื่องบินโล่งมากๆ
เอาล่ะได้เวลาขึ้นเครื่องกลับไปกัวลาลัมเปอร์กันแล้ว
ที่นั่งเหยียดขาได้กว้างมากครับ
อาหารมื้อที่สามของวันนี้แล้ว
แวะเดินชมของแบรนด์เนมที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์
ลดกันขนาดนี้ฆ่าพี่ให้ตายไปเลยดีกว่ามั้ย
เอ้าอาหารมื้อที่สี่จัดไป
ถึงแม้ว่าประเทศบรูไนมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่มากและไม่ดึงดูดใจมากนัก
แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจในการมาเยือนที่นี่คือ คนบรูไนนั่นเอง คนบรูไนเป็นมิตรหน้าตายิ้มแย้มและพร้อมที่จะช่วยเหลือคนต่างถิ่นเสมอถ้าเราเข้าไปขอความช่วยเหลือ
เมื่อเรากลับมาถึงประเทศของเราทำให้คิดได้ว่า
หากเราได้หยิบยื่นสิ่งดีดีให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว เขาก็จะได้รับความประทับใจกลับไปบอกต่อยังประเทศบ้านเกิดแน่นอนครับ
ขอขอบคุณ Malaysia Airline ที่ลดสนั่นให้เราได้เดินทางมาที่นี่
ขอบคุณทุกรอยยิ้มของคนที่นี่
แล้วเราจะไม่หลงรักบรูไนได้ไงจ๊ะ Good Bye.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น