วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

แบกเป้เที่ยวปักกิ่งหน้าหนาว แบบคูลๆ เดินเล่นครึ่งวันเช้า เข้าสำรวจจัตุรัสเทียนอันเหมินยิ่งใหญ่ เลอค่าตามประวัติศาสตร์จีน Tiananmen Today

แบกเป้เที่ยวปักกิ่งหน้าหนาว แบบคูลๆ เดินเล่นครึ่งวันเช้า เข้าสำรวจจัตุรัสเทียนอันเหมินยิ่งใหญ่ เลอค่าตามประวัติศาสตร์จีน  Tiananmen Today
ถนนคนเดินตอนเช้าที่ไร้ซึ่งคนเดินครับ


                ตื่นมาตอนสิบโมงเช้าใต้ผ้าห่มรู้สึกหนาวๆพิลึก เอ้า เมื่อคืนเราลืมเปิดฮีตเตอร์นอนหรือนี่ตายละ  รีบเปิดน้ำอุ่นอาบน้ำแล้วรีบแต่งตัวพร้อมออกไปสำรวจมหานครปักกิ่งกัน  ปักกิ่ง คนจีนออกเสียงเรียก “เป่ยจิง” (Beijing) เป็นมหานครเอกและเมืองหลวงของประเทศจีนมายาวนานกว่า600ปี มีประชากรอยู่อาศัยรวมคนต่างถิ่นด้วยเกือบ 20ล้านคน  มหานครปักกิ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ภูมิอากาศแบบอบอุ่น มี4ฤดู  มีอากาศหนาวจัดถึงขั้นติดลบในฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม ก็ช่วงที่เรามาเที่ยวนี่แหละ ส่วนในฤดูร้อนอากาศจะร้อนอบอ้าวในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ฤดูที่เหมาะในการมาเที่ยวคือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเจอใบไม้เปลี่ยนสีกับฤดูใบไม้ผลิที่อากาศเย็นกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป แต่ต้องระวังช่วงของพายุทรายที่จะพัดจากทะเลทรายโกบีเข้าสู่เมืองหลวงช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
บริเวณด้านหน้าล้อบบี้ยามเช้า 
มีคนอยู่แค่นี้สงสัยว่าจะออกไปกันหมดแล้ว
ด้านหน้าโรงแรมบรรยากาศมันก็จะหลอนๆหน่อยน่ะ
ตรอกทางเข้าโรงแรมที่เราเดินฝ่าความหนาวเมื่อคืน 
ถนนใหญ่ด้านหน้าโรงแรม 
มาหน้าหนาวต้นไม้จะไม่มีใบงอกเลยสักต้น 
จักรยานเป็นพาหนะยอดนิยมถึงขนาดมีช่องใหญ่ๆให้สัญจรเลย 
เริ่มเข้าใกล้ย่านการค้าและถนนคนเดินแล้ว

         เมืองปักกิ่งเป็นเมืองที่มีมลพิษสูงอันดับต้นๆของโลก จะมีฝุ่นควันจากรถยนต์หรือหมอกพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมหนักๆ ในบางฤดู ใครเป็นโรคแพ้อากาศขอให้เตรียมหน้ากากกันฝุ่นละอองมาปิดด้วย แต่คนทั่วไปที่นี่จะไม่ค่อยปิดกันเท่าไร สิบโมงเช้าแดดแรงแต่อุณหภูมิยังติดลบอยู่ เรายังไม่ชินกับอากาศหนาวที่นี่ ออกจากโรงแรมที่พักสู่ถนนคนเดินได้ไม่นานก็มีอันให้ต้องแวะเข้าร้านค้าเรื่อยๆ เพื่อเอาไออุ่นจากเครื่องทำความร้อน และเราได้แวะเติมพลังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าหนึ่ง เห็นคนกินแน่นร้านอยู่ ราคาก็สูงเอาการประมาณ 25 หยวน ตกชามละ 135บาท  คนขายบอกว่า มันคือ “จาจางเมี่ยน” เป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งราดน้ำซอสมันๆ ขลุกขลิก  มีคนบอกว่าอาหารการกินปักกิ่งจะมันและค่อนข้างจืด เห็นจะจริงมันมากเพราะอากาศหนาวมากนั่นเอง กว่าจะซัดหมดชามได้คือจุกมากๆ
ถนนคนเดินขนาดเล้กที่จะเชื่อมต่อกับถนนคนเดินเฉียนเหมิน 
มีอาคารร่วมสมัยและอาคารใหม่สร้างขึ้นปะปนกัน 
นี่แหละ Traditional Fried Bejing Noodle 
หน้าครัวจะมีส่วนประกอบให้ดูว่าจะต้องใส่อะไรลงไปบ้าง 
ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้เป็นร้านชื่อดัง ดังนั้นมีคนกินเยอะอยู่

           เราเริ่มต้นทริปเที่ยวปักกิ่งด้วยการเดินเล่นบนถนนคนเดินเฉียนเหมิน(Qianmen walking street) ก่อนเป็นที่แรก ย่านการค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองอยู่ตรงข้ามกับป้อมธนูเฉียนเหมิน จุดเริ่มต้นของถนนคือซุ้มประตูไม้ 5 ช่องสร้างเลียนแบบสมัยโบราณ  ตัวถนนทั้งสายยาวกว่า 845 เมตร เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2009 ระหว่างทางจะมีตรอกเล็กๆแบบโบราณแยกเข้าไปเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เป็นถนนคนเดินก็จริงแต่ยังไม่มีคนเดิน ยังคงเช้าเกินไปสำหรับที่นี่ ร้านค้าเป็นตึกแนวผสมผสานระหว่างสไตล์จีนกับยุโรป ซึ่งร้านค้าตลอดสองข้างทางก็มีทั้งบูติคแบรนด์ชื่อดัง ร้านอาหารแฟรนไชส์ ภัตตาคารจีนชื่อดังๆ ที่มีขายทั้งเมนูเป็ดปักกิ่ง ร้านน้ำชาชิคๆ ตลอดทั้งสายมีรถรางวิ่งให้บริการช่วงบ่ายๆเย็นๆ ในราคา 20หยวน หัวถนนจะจรดกับป้อมธนูเฉียนเหมิน


ซุ้มประตูไม้5ช่อง จุดเริ่มต้นของถนนคนเดินเฉียนเหมิน 
ตึกเก่าสร้างแบบผสมผสานกับตึกรุ่นใหม่ๆ  
รถรางวันนี้ยังไม่เปิดให้บริการเลย
หน้าตารถรางไว้เอาใจเด็กน่ารักฟรุ้งฟริ้งมาก 
ร้านอาหารแฟนไชส์แบรนด์เนมก็จะอยู่บนถนนสายนี้ด้วย

ป้อมธนูเฉียนเหมิน (Qianmen Archery Tower) เป็นป้อมสูงโบราณ เป็นหอสังเกตการณ์สร้างไว้เพื่อป้องกันข้าศึกตั้งแต่ยุคสมัยราชวงศ์หมิง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ด้านบนมีช่องหน้าต่างมากมายเอาไว้ให้พลทหารฝีมือดีโผล่ออกมาจากช่องเล็งธนูยิงเพื่อสกัดกั้นข้าศึก การเดินทางมานี่ก็แสนง่าย เดินมาจากถนนคนเดินได้เลย ถ้ามารถใต้ดินให้ใช้สายสีน้ำเงิน  (Line2) ออกที่สถานี Qianmen จากสถานีนี้เราเดินไปชมจัตุรัสเทียนอันเหมินต่อได้เลย แล้วเราก็ได้ฤกษ์ซื้อบัตร IC Card ที่สถานีด้านล่างนี้เอง
ป้อมธนูเฉียนเหมินตั้งอยู่บนทางสามแพร่งพอดี ให้สังเกตุรถตำรวจจีนสิ 

จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tian An Men Square/ Gate of Heavenly Peace)

                ขึ้นชื่อว่าเป็นจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีถนนฉางอานคั่นตรงกลางแนวตะวันออก-ตะวันตก เนื้อที่ทั้งหมด 2.5 ตารางกิโลเมตร จุคนได้มากถึง 1ล้านคน ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดงานฉลองวันชาติจีน (1ตุลาคม ของทุกปี) ล้อมรอบด้วยถนนขนาดใหญ่ 12 เลน ทั้งสี่ด้าน เวลาเข้าชมจะต้องต่อคิวด้านฝั่งตรงข้ามเพื่อมุดอุโมงค์ลอดถนนให้ตรวจค้นอาวุธ และสัมภาระก่อน จึงจะเข้าชมได้  โดยพื้นที่โดยรอบจัตุรัสเข้าชมฟรี
Qianmen Gate ประตูทางเข้าจัตุรัสเทียนอันเหมินทิศใต้ 
จัตุรัสเทียนอันเหมินถ้าเข้าทางทิศใต้ต้องออกที่สถานีQianmen 
          ฝั่งทิศใต้ทางเข้าจะอยู่ใกล้ๆกับประตูเฉียนเหมิน (Qianmen Gate) มีอายุยาวนานกว่า 500 ปี สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เดิมใช้เป็นประตูเข้าออกของจักรพรรดิในการเสด็จพระราชวังต้องห้ามโดยคงลักษณะเดิมไว้ทั้งหมด ความสูงของป้อมรวมกับฐานประมาณ 70 เมตร ป้อมประตูนี้ถ้าจะขึ้นไปชมด้านบนเก็บค่าเข้าชม 10 หยวน มีเวลาปิดเปิด 8.30-16.30 น. ถ้าเดินข้ามถนนไปก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟปักกิ่ง (Beijing Railway Museum) ด้านในจัดแสดงความเป็นมาของรถไฟจีนกว่า 130 ปี ค่าเข้าชม 20 หยวน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 9.00 – 16.00 น. ใครชอบชมโมเดลรถไฟยุคต่างๆ ไม่ควรพลาดชมครับ

พิพิธภัณฑ์รถไฟปักกิ่งสร้างแบบสไตล์ยุโรปชัดเจน


ตึกแบบยุโรปมีให้เห็นทั่วไปในกรุงปักกิ่ง


ตึกอนุสรณ์สถานประธานเหมาเจ๋อตุง Chairman Mao Zedong Memorial Hall
ตึกอาคารขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า เปิดให้เข้าชมหลังจากที่ท่านประธานเหมาถึงแก่อสัญกรรมได้ 1ปี ฝั่งซ้ายและขวามีอนุสาวรีย์การปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยจะเป็นวีรชนที่อยู่ในอาชีพต่างๆ หลากหลายร่วมกันสร้างชาติจีน เปิดให้เข้าสักการะฟรีในช่วงเช้าเท่านั้น วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 8.00-12.00 น. จุดนี้จะต้องยืนต่อคิวรวมกับประชากรจีนอย่างเป็นระเบียบซึ่งหางแถวจะยาวมากทุกวัน เพื่อเข้าไปสักการะร่างของท่านประธาน เหมาเจ๋อตุง ที่จะนอนอยู่ในโลงแก้วภายในห้ามถ่ายรูป เราตัดสินใจที่จะไม่เข้าชมภายในดีกว่าเพราะรอคิวยาวมาก
หน้าตึกอนุสรณ์สถานมีบริการถ่ายรูปทันใจด้วย 
ป้อมธนูเฉียนเหมินเมื่อมองลอดผ่านประตูเฉียนเหมิน

หลักกิโลเมตรที่ศูนย์ของจีนเริ่มต้นที่นี่ 
หลากหลายอาชีพของประชาชนนำพาสู่การปฏิวัติ 
ทางออกหลังจากเข้าสักการะท่านเหมาเจ๋อตุง 
          บริเวณตรงใจกลางจัตุรัสจะมีอนุสาวรีย์วีรชน สร้างเป็นเสาแบบโอเบลิสก์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1952  มีความสูง 38 เมตร ทำจากหินอ่อนทั้งต้น ที่ฐานจะสลักเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิวัติจีน
อนุสาวรีย์วีรชนเข้าไปสัมผัสในระยะใกล้ไม่ได้มีทหารยืนอารักขาอยู่


                ส่วนด้านทิศตะวันตกจะเป็นอาคารรัฐสภาประชาชนจีน มีไว้เพื่อเปิดสภาประชุมสำหรับรัฐบาลจีน ด้านตะวันออกจะเป็นพิพิธภัณฑสถานชาติจีน  (National Museum of China) เปิดให้เข้าชมฟรี เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และการปฏิวัติจีน ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่ามากมาย และจัดแสดงด้านประวัติศาสตร์ชาติจีน การปฏิวัติชาติจีนการเมืองการปกครองมาจนถึงยุคปัจจุบัน ตัวอาคารมีขนาดใหญ่มาก อาจต้องใช้เวลาเดินถึงครึ่งวันเลยทีเดียว
เราจะออกที่สถานี Tiananmen East เพื่อมาเที่ยวชมที่นี่ก็ได้  
อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีนยาวร่วมกิโลเมตร 
ตึกอาคารรัฐสภาจีน 
ธงชาติจีนปลิวไสวในวันท้องฟ้าแจ่มใส
ใครหิวที่นี่มีของขบเคี้ยวและน้ำดื่มให้บริการ

และจุดที่มีผู้คนไปยืนถ่ายรูปมากที่สุดคือ พลับพลาเทียนอันเหมินที่มีภาพท่านประธานเหมาเจ๋อตุง ติดอยู่ด้านหน้า ที่เดิมเป็นซุ้มประตูด้านหน้าของพระราชวังต้องห้าม ตรงกลางจะมีสะพานหินหยกขาวด้านหน้าเรียงกันทั้งหมด 5ช่อง   สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1417 ด้านหน้าจะเขียนอักษรจีน แปลความได้ว่า “ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ” และอีกด้านเขียนว่า “ความสามัคคีประชาชนทั่วโลกจงเจริญ” จะเดินเข้าชมข้างในต้องจ่ายค่าเข้าชม 15 หยวน ข้ามสะพานหินหยกขาวเข้าไป ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาจะมีสิงโตคู่เฝ้าทางเข้าไว้ มีเสาหินอ่อนสวยงามมีชื่อว่า เสาหวาเปี่ยว (Huapiao)เป็นเสาสลักลวดลายมังกรบนก้อนเมฆสวยงามตั้งอยู่สองฝั่งเช่นกัน
แดดแรงจ้าในตอนใกล้เที่ยงบริเวณจัตุรัส 
บริเวณธงชาติจีนก็ต้องมีทหารยืนอารักขาเช่นกัน 
มาถึงแล้วพลับพลาเทียนอันเหมิน 
คนจีนต่อคิวรอเข้าชมด้านใน 
เสาสลักหินอ่อนลวดลายมังกร 
ซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชมวิวบนพลับพลาเทียนอันเหมินที่นี่ 
ค่าเข้าชมที่นี่ 15หยวน เวลาเปิดปิดตามนี้ 
แต่พอเราเห็นคิวยาวขนาดนี้ขอไปต่อแถวเข้าชมพระราชวังต้องห้ามดีกว่า

ครึ่งวันบ่ายเราจะพาชมพระราชวังต้องห้าม สวนจิงชานเพื่อชมวิวพระราชวังต้องห้ามจากบนเขาและไปอุทยานเป่ยไห่เพื่อชมเจดีย์ขาว ชมพระอาทิตย์ตกและพระจันทร์ขึ้นครับ











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น