วันนี้ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกใจหายจัง
เราจะต้องจากเมืองหลวงปักกิ่งไปตอนดึกๆของคืนนี้แล้วสิ ยังเที่ยวปักกิ่งไม่ครบเลยแถมวันนี้ก็เหลือแต่สถานที่ใหญ่ๆ
ต้องใช้เวลาเดินนานทั้งนั้น วันนี้เราเลยวางแผนที่จะไปหอบูช้าฟ้าเทียนถานในช่วงเช้า
แล้วไปพระราชวังฤดูร้อนในช่วงบ่าย ได้ยินไม่ผิดหรอก
เราจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมพระราชวังฤดูร้อนในฤดูหนาวกัน
ถ่ายที่พักของเราซะหน่อยวันสุดท้ายละ
จักรยานเล็กๆน่ารักพร้อมปั่นทั่วเมืองปักกิ่ง
ตอนเช้าเราฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารเล็กๆ
ใกล้กันกับร้านเดิมเมื่อตอนเช้า วันนี้ลองเมนูซาลาเปาเปาไส้หมูมาทาน
รอเค้านึ่งซาลาเปากันสดๆ เหมือนเมื่อวานเลย
ใช้เวลาแป๊บเดียวเราก็ได้กินซาลาเปาร้อนๆไส้ทะลายกันแล้ว สนนราคาอยู่ที่
8หยวน ได้ทาน 9ลูกเต็มๆ แถมด้วยน้ำซุปปลายข้าวต้มอีกซดคล่องคอจริงๆ
ร้านที่เราแวะกินในเช้านี้
อาหารเช้าของจีนมีให้เลือกหลากหลายมากๆ
ภายในร้านมีคนเข้ามากินแล้ว3โต๊ะ กลิ่นโจ๊กหอมฉุย
เราไม่กินโจ๊กหรอกมันไม่อิ่ม ซาลาเปา9ลูกอิ่มกว่าเยอะ
ขายดีแค่ไหนให้ดูแม่ครัวนึ่งเปากันจนเป็นคอนโด
เราลงใต้ดินที่สถานี Zushikou เพื่อไปหอฟ้าเทียนถาน
เสร็จแล้วก็เดินออกมาไปลงที่สถานีใต้ดินเพื่อไปเที่ยวหอสักการะเทียนถานซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหลวงปักกิ่ง
เดินทางมาง่ายๆด้วยรถใต้ดินสายที่ 5 ลงที่สถานีเทียนถานดงเหมิน Tiantandongmen เรามาตอนเช้าเราก็จะได้เห็นคนจีนในชุดพร้อมออกกำลังกายมาใช้บริการภายในสวนหอฟ้าเทียนถานกันเต็มไปหมด
มาถึงแล้วบริเวณประตูทางเข้าหอฟ้าเทียนถาน
ที่นี่มีลักษณะเป็นสวนสาธารณะพื้นที่กว้างขวางอยู่
สิ่งที่ไม่ควรทำในขณะเข้าชมภายใน
หอบูชาฟ้าเทียนถาน (Tiantan
Temple of Heaven Park) สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง
ราวปี ค.ศ. 1420 เพื่อใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดาของฮ่องเต้ในยุคนั้น
ทำไมถึงต้องบวงสรวงบูชาน่ะหรือ ก็เพื่อให้การเกษตรและน้ำท่าอุดมสมบูรณ์
เก็บเกี่ยวพืชผลได้มากนั่นเอง
มีการสร้างหอบูชาเพิ่มเติมอีก 3หอ นอกจากหอบูชาฟ้าเทียนถานแล้ว
ยังมีหอบูชาดิน หอบูชาพระอาทิตย์ และหอบูชาพระจันทร์
การเดินเที่ยวในนั้นไม่ยากตรงจุดซื้อตั๋วจะมีแผนที่เส้นทางเดินให้
พอซื้อตั๋วแล้วเราต้องเดินท้าลมหนาวอีกเป็นกิโลเลย
เห็นหอบูชาอยู่ไกลลิบๆนั่นไง
มาฤดูนี้ต้นไม้ถ้าไม่ใช่ต้นสนแล้วก็จะโกร๋นแบบนี้
ตรงนี้เป็นทางเข้าสถานที่บูชายัญสัตว์ในสมัยโบราณ
วงนี้คงเป็นวงออกกำลังสมองของเหล่าผู้สูงวัย
ยังไม่หมดระหว่างทางยังมีอีกหลายวงเลยจ้า
ค่าเข้าชมสถานที่นั้นจะเก็บอยู่ที่ 40 หยวน
เปิดปิดเวลา 6.00-18.00น. เดินผ่านประตูเข้ามาจะเห็นตำหนักที่โดดเด่นที่สุดคือ ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน
(The
Hall of Prayer for Good Harvest) เป็นตำหนักหลักๆที่ใช้บวงสรวงให้พืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์
โดยตัวอาคารจะเป็นทรงกลมเป็นอาคารไม้ทรงกระบอกสูง 40เมตร
มุงกระเบื้องสีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็นตัวแทนของสวรรค์ซ้อนกันถึงสามชั้น ภายในอาคารมีเสาหลัก4ต้น
และภายนอกจะมีเสาทั้งหมด12ต้น เป็นตัวแทนของเดือนทั้ง 12เดือน สำหรับระเบียงด้านนอกทั้งสามชั้นก็ทำมาจากหยกสีขาวแกะสลักได้งดงามเช่นกัน บริเวณประตูตำหนักคนจะเบียดเสียดนิดเพื่อแย่งซีนกันถ่ายรูปบัลลังก์มังกรข้างใน
ข้าน้อยขอแวะบูชาเทพยดาฟ้าดินแป๊บ
ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยนเป็นตำหนักทรงกลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
บันไดนี้เปรียบเสมือนทางขึ้นสู่สรวงสวรรค์
ให้ดูชัดๆว่าภาพเขียนด้านบนลวดลายสวยมาก
บัลลังค์มังกรต้องแย่งกันส่องถ่ายภายใน
ด้านข้างตำหนักจะเป็นโรงเก็บเครื่องมือที่ใช้บูชา
โรงเก็บเครื่องมือข้างในไม่ให้เข้าไป
ภายในมีแท่นสักการะสวยงาม
นอกจากนี้ระหว่างทางยังมีตำหนักเทพสถิต (Imperial Vault of
Heaven) หรือตำหนักหวงฉุงหยีว์ ตำหนักขนาดเล็กเป็นอาคารรูปทรงกลมชั้นเดียวมุงกระเบื้องน้ำเงินประดับตกแต่งงดงาม
ที่ชื่อตำหนักเทพสถิตเพราะที่ตำหนักแห่งนี้จะมีการบรรจุแผ่นป้ายของเทพเจ้าต่างๆที่ใช้สักการบูชาเทพบนสรวงสวรรค์
ระหว่างทางเดินไปอีกตำหนักหนึ่งทางจะลาดชันขึ้นเรื่อยๆ ยาว 360เมตร
Imperial Vault of Heaven
ตำหนักนี้มีหลังคาชั้นเดียวและมีขนาดเล็กกว่าตำหนักใหญ่มาก
ทางขึ้นไปสักการะเทพไม่ต้องเบียดมากนัก
ความสวยงามของบัลลังค์และเพดานภายใน
เสาระเบียงที่นี่สวยไม่แพ้วังต้องห้าม
ถ้าเดินลงมาทางทิศใต้จะเจอกับแท่นบวงสรวงฟ้า (Circular Mound Altar) หรือหยวนซิวถาน (Yuanqiutan) สร้างขึ้นในค.ศ. 1530
ในสมัยของจักรพรรดิเจียจิ้ง ราชวงศ์หมิง เป็นเนินวงกลมสูงจากพื้น5เมตร
เป็นวงสามชั้นทำมาจากหินหยกขาว แกะสลักเป็นลวดลายเมฆและมังกร ซึ่งแต่ก่อนการประกอบพิธีของจักรพรรดิจะต้องนำขุนนางมากว่าพันคนเพื่อทำพิธีบวงสรวงสวรรค์
และขอบคุณเทพยดาฟ้าดินที่ช่วยให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และบริเวณตรงใจกลางจะมีแผ่นหินให้ยืน
เมื่อเราตะโกนเปล่งเสียงจะเกิดเสียงสะท้อนรอบๆตัวเราจากกำแพงสมกับที่เป็นหินใจกลางสวรรค์
หากท่านจักรพรรดิรับสั่งอะไรจากจุดนี้ พสกนิกรทุกคนต้องทำตาม
นอกจากนี้ข้างๆยังมีเตาเผาเครื่องบูชาที่ทำจากกะเบื้องเคลือบสีเขียวแปลกตาอีกด้วย
ทางออกไปสู่แท่นบวงสรวงฟ้าเดินอีกไม่ไกล
ถึงแล้วแท่นบวงสรวงฟ้าเป็นวงบันไดสามชั้น
ประตูทางเข้าก็เป็นสามบานเช่นกัน
กระเบื้องสีน้ำเงินลายมังกรสวยงาม
ตำหนักเทพสถิตยามมองลงมาจากแท่นบวงสรวงฟ้า
เห็นจุดตรงกลางนั่นไหมถ้าตบมือตรงนั้นจะได้ยินเสียงสะท้อน
เตาเผาทำมาจากกระเบื้องสีเขียวสวยงาม
ถ้าพอมีเวลาเดินเล่นในช่วงเช้า
เราขอแนะนำให้เดินเล่นชมสวนภายในหอฟ้าเทียนถานสักนิด เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมกิจกรรมของคนจีนทั้งหลายตั้งแต่เล่นกีฬาบางอย่างที่บ้านเราไม่มี
และเล่นได้คล่องแคล่วด้วย มีศิลปินนำเอาผลงานภาพวาดมาวางขายอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ด (Seven Stars Stone) ตั้งอยู่ภายในสวนแห่งนี้ด้วย
ลูกขนไก่ที่นี่เขาใช้ไม้คล้ายไม้ปิงปองตีโต้ตอบกันทั้งสองมือเลย
ใครอยากเดินทอดอารมณ์ชมงานศิลป์พร้อมจำหน่ายก็เชิญ
นี่ก็วงเตะลูกขนไก่ ตั้งวงกันเหมือนตะกร้อเลย
นี่เราเจอคอร์ตแบตมินตันในสวนแล้ว
ท่าเตะคุณเจ๊นี่เรานับถือจริงๆ ออกกำลังกายแก้หนาวกัน
เค้ามุงดูอะไรกันเราเห็น QR Code แว้บๆบนกระดาษใบแรก
นีล่ะประวัติของหินทั้งเจ็ดก้อนเป็นดาราประจำสวน
โฉมหน้าหินทั้งเจ็ดก้อน (Seven Star Stones)
และที่สุดท้ายที่เข้าชมคือโรงบูชายัญสัตว์ต้องเสียค่าตั๋วเพิ่ม10หยวน
เราเองก็กลัวบล็อกมันจะยาวเกินไป ขอยกยอดพระราชวังฤดูร้อนไปไว้ตอนหน้านะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น