วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เก็บตกโอซาก้า เมืองที่ไม่มีวันหลับ Osaka who never sleep!

ยังกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวโอซาก้าไม่หมด คราวนี้ขอมาต่ออีกนิด ด้วยสถานที่แต่ละแห่งของเมืองโอซาก้านั้นเชื่อมต่อถึงกันหมดด้วยระบบขนส่งมวลชน  แต่เราจะซื้ออย่างไรให้ครอบคลุมจำนวนวันที่เที่ยว ถ้าจะไปภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากคันไซ (Kansai) แนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟ JR Pass ซึ่งก็มีแบบ 7วันให้เลือกซื้อ เป็นระบบรถไฟรางบนดิน เดินทางไปได้หลายเมือง แต่มีข้อจำกัด คือ ถ้าซื้อตั๋ว JR จะไปขึ้นรถไฟสายอื่นไม่ได้นอกจากของ JR เท่านั้น
ย่านชินเซไกยามค่ำคืน
          ส่วนบัตรโดยสารแบบ Kansai Thru Pass นั้น มีให้เลือกทั้งแบบ 3 วัน และ 2 วัน เลือกซื้อได้ที่สนามบินคันไซ (Kansai International Airport) และตามสถานีต่อรถใหญ่ๆ ใจกลางเมือง โดยเจ้าบัตรนี้จะพาเราเดินทางไปได้ทั่วภูมิภาคคันไซ ไม่เว้นแม้กระทั้งรถเมล์ต่างเมือง แต่ไม่สามารถนั่งรถระบบJR และรถชินคังเซ็น หรือรถด่วนพิเศษได้ วิธีใช้งานก็แสนง่ายแค่แตะบัตรลงไปคล้าย Smart Pass ทั่วไป และมูลค่าบัตรไม่หมดเนื่องจากเดินทางได้ไม่จำกัด แต่จะถุกควบคุมด้วยจำนวนวันแทน

                ส่วนวิธีการดูสายรถไฟฟ้าต่างๆ นั้นให้ดูที่ป้ายและสังเกตสีของป้ายว่าเป็นรถสายสีอะไรแล้วเอาไปเทียบกับสายในแผนที่ที่โหลดมาในแอ๊พ โดยระบบขนส่งมวลชน Osaka นั้นมีทั้งหมด9 สาย การเดินทางจากสนามบินก็สามารถใช้สาย Nankai Airport Line ยิงตรงถึงใจกลางเมืองได้เลย
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวก แต่บางสถานีก็ไม่มีบันไดเลื่อน

ญี่ปุ่นตามเมืองใหญ่ๆยังคงเป็นสังคมก้มหน้านะคะ

สาวญี่ปุ่นใส่ชุดประจำชาติขึ้นรถไฟฟ้าเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่

       Osaka เป็นเมืองที่มีโรงแรมเยอะมาก หลายระดับราคา แต่เราแนะนำให้จองเสียแต่เนิ่นๆก่อนการเดินทาง เนื่องจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่นักเดินทางทั่วโลกจะต้องมาเยือน ถ้าจองช้าหรือมาหาเอาหน้างานอาจพบว่าเต็มและหาที่นอนไม่ได้ โรงแรมมีให้เลือกตั้งแต่ระดับแคปซูล โฮสเทลที่มีห้องนอนเตียงรวมกับคนอื่นเค้า และ Business Hotel ที่คล้ายโรงแรมเซล ไล่ไปจนถึงระดับเรียวกังที่มีห้องออนเซนส่วนตัวเลย
เครื่องซักผ้าและอบผ้ามักจะมีให้บริการอยู่ทุกโรงแรม

แม้แต่ตู้ขายน้ำอัตโนมัติก็ตาม ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวกลางดึก

      มาเที่ยวโอซาก้าคราวนี้เราขอแนะนำโรงแรม Natural Hot Spring Super Hotel ตั้งอยู่ที่สถานี Awaza ใช้รถสายสีชมพู Sennichimae Line อยู่ใกล้กับตลาดปลาโอซาก้า กลางคืนคนไม่พลุกพล่านเงียบสงบ ชั้นใต้ดินของโรงแรมมีออนเซนให้บริการฟรีรวมกับค่าห้อง  ค่าที่พักไม่รวมอาหารเช้า ราคาอยู่ที่ 2500-5000 บาทต่อคืน โดยการเลือกโรงแรมที่พักนั้น เราอาจจะนอนที่โอซาก้าเป็นหลักเลยก็ได้ แล้วค่อยนั่งรถไปเที่ยวเมืองรอบนอก เช่น โกเบ นารา เกียวโต แต่ถ้าสัมภาระคุณใบเล็ก ก็อาจจะย้ายไปนอนเมืองเกียวโตบ้างก็ได้
โรงแรม Natural Hot Spring  

ด้านหน้าโรงแรมกว้างขวางและโอ่อ่า

โรงแรมนี้มีตู้หยอดขายน้ำด้วย 
ห้องน้ำภายในห้องพักคับแคบไปนิด ซึ่งเป็นปกติของโรงแรมในญี่ปุ่น

ต่อไปเราจะขอเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวที่เหลือในโอซาก้านะ

        วัดชิเทนโนจิ (Shitennoji Temple) ตั้งอยู่ในย่านเทนโนจิ เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดและสำคัญที่สุดของโอซาก้า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 593 โดยเจ้าชายโชโทคุ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์ 4 องค์ และยังมีหอเก็บสมบัติล้ำค่าอายุเก่าแก่กว่าพันปี บริเวณวัดกว้างใหญ่ ทาด้วยสีแดงงดงามมาก ค่าเข้าชม คนละ 300 เยน การเดินทาง นั่งรถไปลงที่สถานี TennoJi
วัดเก่าแก่ วัดชิเทนโนจิ

สร้างแบบเรียบง่ายตามแบบฉบับวัดญี่ปุ่น

ยักษ์เฝ้าประตูวัดดูน่าเกรงขาม

ลานวัดมีบริเวณที่ีกว้างมากๆ 

    หอคอยสึเทนคาคุ (Tsutenkaku Tower) สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดชมวิวของเมืองโอซาก้า โดยมีความสูงทั้งสิ้น 103 เมตร หอคอยแห่งนี้สร้างเลียนแบบหอไอเฟลแห่งกรุงปารีส สร้างครั้งที่สองราวปี 1956 เพราะของเดิมถูกไฟไหม้เสียหาย ปัจจุบันบนยอดหอคอยมีป้ายพยากรณ์อากาศติดอยู่บอกเป็นรายวัน ค่าขึ้นไปชมวิว คนละ 700 เยน ลงรถสถานี Shin-Imamiya 
ภาพเมืองโอซาก้าเมื่อมองจากหอคอยสึเทนคาคุ

หอคอยตั้งอยู่ในย่านเก่าแก่ชินเซไก


บนหอคอยมีการจัดแสดงของขนมแบรนด์ดังด้วย



Osaka Museum of Housing and Living  ใครอยากจะมาย้อนอดีตอันรุ่งเรืองของเมืองโอซาก้าต้องมาที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์บ้านและความเป็นอยู่ของชาวเมืองโอซาก้า ซึ่งจะนำพาคุณย้อนอดีตไปตั้งแต่สมัยยุคเอโดะจนถึงสมัยโชวะ เป็นการแสดงความเป็นอยู่ให้ชมผ่านเมืองและโมเดลจำลอง รับรองว่าคุณต้องชอบ เพราะที่นี่ติดแอร์เย็นฉ่ำมากๆจ้า ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 600 เยน เด็ก 300 เยน เด็กเล็กเข้าฟรี การเดินทางใช้รถไฟฟ้าสาย Sakakuji Line/ Tanimachi Line ไปลงสถานี Tenjimbashisu ji


แบบจำลองบ้านคนญี่ปุ่นสมัยโบราณ

สมัยเริ่มเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม

โมเดลจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่สมัยก่อน


โมเดลค่อนข้างสมจริง เหมือนดึงเราไปสู่ยุคนั้นเลย

      Umeda อุเมดะ แหล่งช้อปปิ้งทันสมัยตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองโอซาก้า เป็นแหล่งชุมทางต่อรถไฟไปยังเมืองต่างๆ ทั้งไปเมืองเกียวโตและเมืองโกเบ สถานีอุเมดะตั้งอยู่ในเส้นทางวงกลมของสาย Osaka Loop  มีอาคารสูงขึ้นชื่อคือ อาคารอุเมดะสกาย (Umeda Sky Building) ชิงช้าสวรรค์สีแดงชื่อ Hep Five และแหล่งรวมร้านอร่อยตามตรอกซอกซอยมากมาย
อุเมดะยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงสีจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่


            ย่านร้านค้าแบรนด์เนม ชินไซบาชิ (Shinsaibashi)  อยู่ทางทิศใต้ของเมืองโอซาก้า มีสถานี Shinsaibashi นับเป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่ ย่านนี้จะประกอบด้วย ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi) แหล่งช้อปปิ้ง ย่านอเมริกามูระ (America-Mura) แหล่งช้อปปิ้งวัยรุ่นเด็ก ถนนมิโดซูจิ (Mido-suji) แหล่งรวมร้านค้าแบรนด์เนมขึ้นชื่อ รวมไปถึงร้านขายของแบรนด์เนมมือสองที่ราคาย่อมเยาพร้อมที่จะทำให้เลือดลมของคุณสูบฉีดและควักจ่ายอย่างไม่รู้ตัวกันไปเลย ตอนกลางคืนบริเวณใกล้เคียงมีบาร์
เปิดมากมายทั้งบาร์ผู้ชายและบาร์ผู้หญิง อย่าเผลอเดินเข้าบาร์โฮสเชียวล่ะสาวสาว
ย่านชินไซบาชิ แหล่องช้อปร้านค้าแบรนด์ดัง

ถนนมิโดซูจิกับบูติคแบรนด์เนมทั้งเส้น

ภายในถนนสายช้อปปิ้งกว่า200 ร้านค้า มีของน่าซื้อมากมาย
เสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นและชุดยูกาตะแบบมือสองก็มีขายที่นี่

อย่าเผลอเดินเข้าบาร์โฮสเชียวนะสาวสาว

ยามค่ำคืนป้ายไฟแต่ละร้านอวดประชันโฉมกัน

ยังมีบาร์เล็กๆซ่อนตัวอีกมากตามตรอกซอกซอย


สาวๆ ยามราตรีที่นี่ ไม่หวั่นแม้วันหนาว

          ปิดท้ายที่ย่านของกิน แหล่งวัตถุดิบอันเป็นครัวของญี่ปุ่นที่เราสามารถหาซื้ออาหารสดๆ ปลาสดๆได้ที่นี่ รวมทั้งมีร้านอาหารให้นั่งกินอีกด้วย เพราะที่นี่คือ ตลาดคุโรมอง อิชิบะ (Kuromon Ichiba Market) ตลาดสดเก่าแก่คู่เมืองโอซาก้ามานาน ที่นี่เราสามารถหาปลาปักเป้าสดๆ มาทำซาชิมิได้ และที่นี่ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลเท่านั้น แม้แต่เครื่องปรุงรส ผักดอง และผลไม้ก็มีขายที่นี่ 
ร้านนี้มีปลาปักเป้าจำหน่าย

ตลาดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นครัวญี่ปุ่น

ที่นี่มีไข่หอยเม่นสดขายด้วย
มาเลือกซื้ออาหารสดกันเถอะ 
น่าสงสารปลาปักเป้า บางตัวยังหายใจอยู่เลย ราคาแพงมากๆ
แม้แต่ปลาไหลย่างที่นี่ก็มีขาย


ยังมีตลาดอีกหลายแห่ง แต่บรรยายลงในบล็อกนี้ไม่หมด ไว้ไปชมตลาดที่เมืองอื่นกันบ้างละกันนะ














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น