วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ครั้งแรกกับการแบกเป้เที่ยวอินโดนีเซีย ตอนตะลุยเมืองเมดาน (First time to Indonesia :Medan)

          สงกรานต์ปีนี้พวกเราหาทริปเดินทางแบกเป้ไปจนได้ ตอนแรกยังนึกอยู่ว่าเราจะไม่เดินทางไปไหนอีก ขออยู่เล่นสาดน้ำในเมืองไทยดีกว่า แต่เมื่อเห็นราคาตั๋วโปโมชั่นที่แสนเร้าใจของแอร์เอเชียเส้นทางกรุงเทพฯ-เมดานก็อดไม่ได้ที่จะลองคลิกเข้าไปดู แถมช่วงเวลาในการเดินทางตรงกับช่วงสงกรานต์พอดีเลย 5วัน (12-16 เม.ย. 54) ในราคาเพียง 900กว่าบาท ใครหรือจะยอมพลาด เราก็สอยสิจ๊ะ แหมใครจะพลาด ได้แบกเป้เที่ยวอินโดนีเซียในราคาประหยัด
                นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ณ ประตูทางออกลงเครื่อง แต่เพื่อนเรายังไม่มา เห็นว่าในทริป 5วันนี้ เขาได้นัดกับเพื่อนห้องบลูฯ ประจำเว็บพันทิปไว้ด้วยนะเนี่ย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะในเที่ยวบินนี้มีเหล่าคนไทยที่ซื้อทัวร์เมืองเมดานแล้วเดินทางร่วมไฟลท์เดียวกับพวกเราเพียบ 
 เราได้บินลำเล็กกันอีกแล้วครับท่าน
            จนกระทั่งเจ้าหน้าที่สายการบินประกาศ Final Call เพื่อนของเราก็ยังไม่มา แอร์สาวสวยเดินลงมาเชิญให้ขึ้นเครื่อง ไม่ต้องรอเพื่อน เพราะเหลืออีก2 คนสุดท้ายที่ยังไม่ขึ้นเครื่องด้วยเธอเกรงว่าประตูเครื่องบินจะปิดลง เราก็ภาวนาไม่อยากให้เพื่อนตกเครื่อง อยากให้เค้ามาทัน เพราะเราเองก็ไม่แน่ใจว่ากลุ่มเพื่อนพันทิปที่เขาได้เอ่ยถึงไว้หน้าตาเป็นแบบใด
                แต่แล้วเพื่อนเราก็ทำได้พนักงานสายการบินทุกคนปรบมือให้ เค้ามาทันก่อนเครื่องจะออกแค่นาทีเดียวเท่านั้น พอขึ้นเครื่องปุ๊บ ประตูก็ปิดทันที แอร์สาวสวยวิ่งไปนั่งรัดเข็มขัดเข้าประจำที่ เครื่องทะยานออกจากสุวรรณภูมิทันที
                ระหว่างที่อยู่บนเครื่องนั้นพนักงานได้แจกเอกสารสำหรับตรวจคนเข้าเมืองซึ่งชาวต่างชาติจะต้องแจก2ใบ คุณแอร์เธอได้แจกกรุ๊ปทัวร์คนไทย2ใบ แอร์บนเครื่องเป็นคนอินโดฯ ล้วนๆเลยนะครับ เราได้นั่งแถวเดียวกับฝรั่ง2คน เจ้าหน้าที่ไม่แน่ใจเลยถามก่อนว่าใช่อินโดฯ หรือไม่ แต่ดันถามเป็นภาษาอินโดนี่สิ เฮ้อ พอเรากรอกข้อมูลเสร็จ เราก็เดินไปหาเพื่อนที่เกือบตกเครื่องแล้วพูดกันเรื่องกลุ่มพันทิปที่นัดไว้ว่าพวกเขานั่งกันแถวไหน
 โฉมหน้าบัตรขาเข้าเมือง (Arrival Card) ของอินโดนีเซีย
แอร์สาวชาวอินโดนีเซียขณะแสดงการสาธิตเครื่องมือ

 บางทีเราอาจจะพูดเสียงดังไปนิด โทษนะคะนี่ใช่กุ่มที่เคยคุยกันในพันทิปหรือเปล่าคะ มีเสียงสาวๆ ดังลอดมาจากเก้าอี้ด้านหลัง อ๋อ ใช่ครับ เรากำลังตามหากลุ่มเพื่อนพันทิปอยู่ ในที่สุดก็เจอกันแล้ว นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง พวกเธอรวมกลุ่มมากันได้ 5คน ถ้ารวมพวกเราไปอีกก็จะเป็น7 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่สามารถซื้อทัวร์กลุ่มและเหมารถได้คุ้มค่าพอดี พวกเราเลยรวมตัวประชุมทริปกัน คณะเราได้จองโรงแรมในเมืองเมดานผ่านเว็บไซต์แอร์เอเชียไว้ในราคาพิเศษ เพียงคืนละ 340บาท ชื่อ My Hotel เป็นโปรโมชั่นเสริม ไม่รวมอาหารเช้า เราได้จองไว้ในคืนแรกและคืนสุดท้าย ส่วนพี่ๆ 5 คนได้จองทัวร์เที่ยวทะเลสาบโทบา และเมืองเบราสตากี้ไว้ (Lake Toba & Berastagi) 2วัน 1คืนไว้ในราคาคนละ 90 ดอลลาร์ เลยถามว่าเราจะร่วมกลุ่มด้วยมั้ย พวกเราตอบตกลง ไปกัน7คนดีกว่าไปแค่2คน
เอกสารใบจองทัวร์ที่เตรียมมาจากเมืองไทย

                เพียงแค่ 2 ชั่วโมง เวลาสองทุ่มเศษๆ เครื่องสีแดงก็ลงจอดที่ท่าอากาศยานโปโลเนีย ประจำเมืองเมดาน (Polonia International Airport) ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว การเดินทางมาเกาะสุมาตรา อินโดนีเซียนั้นไม่ต้องปรับเวลา เพราะเขาใช้เวลามาตรฐานเดียวกันกับเมืองไทย การลงเครื่องที่นี่เขาไม่มีงวงเทียบท่าให้นะ ต้องเดินลงบันไดเท่านั้นแบบสนามบินเล็กๆทั่วไปได้บรรยากาศแบบสมัยก่อน หรือสนามบินริมหาดประมาณนั้น อาคารผู้โดยสารมีอาคารเดียว แบ่งออกเป็นสองช่อง คือช่องในประเทศกับระหว่างประเทศ เราขอเวลาถ่ายรูปเครื่องบินสักครู่ก่อนที่จะเดินตามเข้าช่องไป
 นี่คือการลงเครื่องบินแบบว่าคลาสสิคที่สุด

ช่องทางเข้าของสายการบินในประเทศ แล้วเราเข้าผิดช่อง

                แต่แปลกใจจัง ทำไมพอเราเดินเข้าไปแล้วเป็นสายพานรับกระเป๋าแล้วมีคนขับแท็กซี่มารอรับ แถมพูดกับเราเป็นภาษาอินโดนีเซียอีก และเมื่อเราเดินทะลุห้องรับกระเป๋าออกไปปรากฏว่าเราก็อยู่ด้านหน้าสนามบินด้านนอกเสียแล้ว ไม่มีการประทับตราหนังสือเดินทางใดๆทั้งสิ้น ตายละหว่า เราเดินเข้าผิดห้อง ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นคนเถื่อนที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
                สุดท้ายเราต้องเดินย้อนออกไปทางเดิมแล้วเดินเข้าห้องผู้โดยสารระหว่างประเทศเพื่อไปประทับตรา ก็เห็นนักท่องเที่ยวมากมายยืนต่อแถวอยู่ มีเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่งพยายามกวักมือให้เราไปยืนต่อแถวของพลเมืองอินโดนีเซีย ไม่นะ ไม่ใช่นะ เราไม่ใช่คนอินโดซักหน่อย แล้วสายตาเราก็เหลือบไปเห็นคณะเรา6คน ยังตั้งตายืนกรอกเอกสารกันอยู่เลย จึงเดินเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น เลยได้ความว่าเจ้าหน้าที่บนเครื่องเธอไม่ได้แจกบัตรขาเข้าสำหรับชาวต่างชาติกับเพื่อนเราสักคนเดียว ด้วยคิดว่าเป็นคนอินโดนีเซียนั่นเอง
Polonia International Airport Medan City
                เมื่อเสร็จสิ้นพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว คณะเราก็ออกมาเจอผู้หญิงชาวจีนอินโดฯ สองคนมารอรับ พวกเธอเป็นตัวแทนจากบริษัททัวร์ของ Happy Holiday มารับและรอเก็บเงินคณะทัวร์ลูกเป็ดอย่างเรา ซึ่งสามารถตกลงราคากันได้ที่ 750000 รูเปีย หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2550 บาท สำหรับการทัวร์2วัน 1คืน โดยวันพรุ่งนี้จะส่งรถตู้มารับที่หน้าโรงแรมเวลาประมาณ8โมงเช้า  จากนั้นเราก็โทรเรียกให้รถของโรงแรมมารับด้วยว่าไม่อยากเจอราค่าแท็กซี่พื้นเมืองแล้วอารมณ์เสีย  รถของโรงแรมเป็นรถตู้ใหม่เอี่ยม คิดราคาต่อหัวประมาณ 20000 รูเปีย จะว่าแพงก็แพงแต่แลกกับความอุ่นใจพวกเราก็ยอม
เจ้าหน้าที่ Happy Holiday (2คนยืนตรงกลาง) กับคณะทัวร์ไทย
เหมารถตู้ของโรงแรมออกมารับที่สนามบิน

                รถใช้เวลาวิ่งประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะสนามบินโปโลเนียนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง สองข้างทางของเมืองเมดานคล้ายกับนครหาดใหญ่ คือเมืองไม่เงียบและมีของกินตลอดสองข้างทาง โรงแรม My Hotel ตั้งอยู่ที่ ถนนเสมารัง (Jalan Semarang) ภาษาอินโดนีเซียเรียกถนนว่า จาลาน พวกเราเข้าเช็คอินที่โรงแรมนอนแค่1คืน โรงแรมที่นี่ใหม่มากตกแต่งแบบทันสมัยแต่ก็มีของตกแต่งสไตล์อินโดนีเซียประดับข้างฝาบ้าง ด้านล่างมีอินเตอร์เน็ตให้บริการฟรี และมีห้องอาหาร สำหรับโปรโมชั่นพิเศษที่พวกเราได้จองกันไว้ในราคาห้องละ 340บาทนั้น ไม่มีอาหารเช้าให้บริการนะครับ
 ด้านหน้าโรงแรม My Hotel ระบุเว็บไซต์ขึ้นป้ายหรา
 พวกเราคณะทัวร์แบกเป้กำลังเข้าเช็คอินกันอยู่จ้า
 โรงแรมแห่งนี้ชอบตกแต่งด้วยโทนสีส้ม
ตุ๊กตาหนังตะลุงแบบอินโดนีเซียตกแต่งตามข้างฝาผนัง

                หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วพวกเราก็เอาข้าวของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนแล้วค่อยลงมาหาอะไรทานกัน ซึ่งห้องนอนก็ใหม่สะอาด ตกแต่งอย่างดีและมีทีวีติดผนัง มีกาน้ำร้อนให้บริการด้วย พอเก็บของเสร็จ เราก็นัดแนะกับเพื่อนๆ เพื่อออกไปทานอาหารเย็นกัน ด้านหลังของโรงแรมเป็น Chinese Food Night Walk ซึ่งขายอาหารจีนทั้งย่านเลย แถวนั้นเป็นไชน่าทาวน์นั่นเอง  ร้านอาหารจีนด้านหลังโรงแรมมีทั้งร้านอาหารแบบขึ้นเหลาเล็กๆ แบบข้าวต้มตามสั่งและเป็นหมี่ฮกเกี้ยน ซึ่งคนจีนในอินโดนีเซียเป็นคนจีนฮกเกี้ยน แบบเดียวกับคนจีนในสิงคโปร์ มาเลเซียและทางภาคใต้ของไทย  
 ร้านนี้เน้นขายหมี่ฮกเกี้ยนสไตล์อินโดนีเซีย
ร้านอาหารจีนแต่ละร้านก็จะขายอาหารคล้ายกันไปหมด

พวกเราเดินเลือกร้านกันหลายร้านจนมาลงเอยที่ร้านหมี่ฮกเกี้ยน (Mie Hokkien) หน้าตาน่าทานร้านหนึ่ง พวกเราเริ่มสั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษ แต่พนักงานในร้านก็พูดอินโดฯกับเรา สุดท้ายฟังไม่รู้เรื่องแม่แต่เจ้าของร้านซึ่งเป็นคนจีนก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เลยต้องชำเลืองดูโต๊ะข้างๆว่าพวกเราทานอะไรกันแล้วก็ทานแบบเค้าสั่งเอาแบบนั้น1ชาม แล้วอีกชามหนึ่งก็เดินไปที่หน้าตู้อาหารแล้วชี้นิ้วเลือกเส้นและเนื้อสัตว์ที่จะใส่ลงไป หน้าตาเลยออกมาเป็นเส้นหมี่แห้งรวมมิตรทะเลจานนึง แล้วอีกจานเป็นบะหมี่ลูกชิ้นปลา ให้ปริมาณมาชามโตมาก ใหญ่กว่าก๋วยเตี๋ยวบ้านเราประมาณ2เท่า สั่งมาแค่2ชาม ทานกัน7คนก็อิ่มพอสำหรับมื้อเย็น รสชาติอาหารนั้นออกจืดและมันมากๆ พวกเราต้องสั่งน้ำอัดลมท้องถิ่นรสชาติคล้ายรูทเบียร์มาดื่มกันหลายขวด เมื่อเรียกเก็บตังค์ก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้อีกพวกเราเลยหยิบเครื่องคิดเลขออกมาจิ้มๆให้คิดราคา ซึ่งค่าเสียหายทั้งหมดอยู่ที่ 49000 รูเปีย คิดเป็นเงินไทย 166บาท นับว่าราคาไม่ถูกเมื่อเทียบกับก๋วยเตี๋ยวแค่สองชาม
 เส้นหมี่แห้งรวมมิตรใส่ทุกอย่างกับน้ำอัดลมรสรูทเบียร์
หมี่ฮกเกี้ยนของแท้หน้าตาเป็นแบบนี้ ราคาชามละ 70บาท

แล้วพวกเราก็เดินย่ำราตรีกันต่อ บนถนนสายนั้น มีร้านขายขนมข้างทาง คล้ายกับขนมหวานของไทย มีร้านขนมถังแตก ร้านขายสะเต๊ะ ไฟตามถนนเปิดน้อย ทำให้ดูน่ากลัวยามที่ต้องสัญจรในตอนกลางคืน แล้วเราก็เดินมาถ่ายรูปถังสูงเก็บน้ำแบบโบราณ (Tirtanadi Water Tower) เป็นถังสูงเก็บน้ำบาดาลในสมัยที่ผลิตน้ำประปากันใหม่ๆ เราเดินถ่ายรูปได้สักพัก เราเริ่มเห็นคนจรที่คอยมาเคาะกระจกรถเพื่อขอเงินยามค่ำคืน ทำให้เรานึกถึงฟิลิปปินส์ขึ้นมาทันทีทันใด ว่าแล้วรีบกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อนเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับวันรุ่งขึ้นดีกว่า
 โฉมหน้าแฟรนไชส์ขนมถังแตก
 ซุ้มขนมหวานหน้าตาคล้ายกับขนมไทย
 ไก่สะเต๊ะและเนื้อสะเต๊ะ
ถังสูงที่เดิมเคยเป็นถังพักน้ำเพื่อรอการผลิตน้ำประปา

ตอนต่อไปพบกับการเดินทางอันแสนไกล กว่าจะถึง Lake Toba


1 ความคิดเห็น: