“นี่นี่เธอ เข้าไปดูในเว็บไซต์สิ ตอนนี้ตั๋วไปสิงคโปร์ของเจ็ทสตาร์ลดราคาอยู่นะ ไม่แพงเลย ชั้นซื้อไว้แล้ว ไปวันธรรมดาด้วย ไปกลับ 1400 เอง” อืมน่าสนดีเหมือนกันนะ แต่เพื่อนเรานี่สิไปเช้าเย็นกลับ เดินทางเดือนสิงหา ไปวันอังคารตอนกลางคืนกลับเย็นวันพุธของอีกวันหนึ่ง สรุปไปแค่วันเดียว ไม่คุ้มเลย ไหนๆก็จะไปเที่ยวแล้ว ไปอยู่ให้หลายวันหน่อยไม่ได้เชียวรึ
สัญชาตญาณนักล่าตั๋วเครื่องบินราคาถูกของเราทำงานทันที เราเข้าไปดูหน้าเว็บของสายการบินหลายแห่งเพื่อเปรียบเทียบราคากับช่วงเวลาที่จะไป โดยมีโจทย์อยู่ว่าจะต้องเดินทางในเดือนกรกฎาคม และต้องเป็นช่วงที่ยังลดราคาทั้งเกาะอยู่ อีกทั้งขอให้ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ แน่นอนสิการเดินทางตรงกับช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ย่อมแพงกว่าวันธรรมดาอยู่แล้ว เราลองเคาะราคาตั๋วของแอร์เอเชียออกมาได้ที่ 5000 กว่าบาท ของไทเกอร์ได้ประมาณ 4000 ปลายๆ ทำไมแพงจัง อาจเป็นเพราะเราซื้อเดือนมิถุนายน เดินทางกรกฎาคมเป็นแน่ ระยะเวลาการซื้อล่วงหน้าแค่เดือนเดียวนี่ และสุดท้ายเราก็เลือกของเจ็ทสตาร์โดยการคลิกเข้าไปดูที่เว็บไซต์ http://www.jetstar.com/ เราเลือกเดินทางวันที่ 9-12 กรกฎาคม 2553 เมื่อเคาะค่าตั๋วรวมภาษีสนามบินและค่าประกันภัยรวมกับค่าจองที่นั่งแล้ว รวมอยู่ที่ 3680บาท ราคาสบายๆกระเป๋าแถมได้เดินทางตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ได้แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย
ความจริงผู้เขียนเองเคยเดินทางไปสิงคโปร์ 2ครั้งแล้ว แต่ 2ครั้งที่แล้วไปอย่างราชา มีเพื่อนคอยรับรองให้ และอีกครั้งไปโดยซื้อแพ็กเกจตั๋วเครื่องบินบวกโรงแรม5ดาวของการบินไทย ในราคาเหยียบ2หมื่นบาท ครั้งนี้ขอเดินทางแบบผู้ดีตกยากซะหน่อยนะ หัดลำบากทำอะไรเองซะบ้างต่อไปจะได้ไปประเทศที่ลำบากกว่านี้เองได้ พอหลังจากซื้อตั๋วเครื่องบินทางอินเตอร์เน็ตแล้ว เราก็จัดแจงจองที่พักต่อ เพราะได้รับคำเตือนมาจากน้องสาวสุดสวยว่า ถ้าพี่ไม่จองแต่วอล์กอินช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง ระวังไม่มีที่พักนะคะแล้วอาจจะต้องจ่ายค่าที่พักในราคาที่แพงกว่าปกติอีกด้วย
เราเริ่มเชื่อน้องสาวเรามันชวนให้ขบคิดในประเด็นที่เราจะต้องตระเวนแบกเป้ไปมาเพื่อหาที่พักแล้วหาไม่ได้ ซึ่งเราเคยประสบปัญหาแบบนี้มาแล้วในตอนที่ไปหลวงพระบางในช่วงสงกรานต์พอดี เคสนั้นคือหาที่พักแทบไม่ได้เลย เราเลยหาในเว็บไซต์โดยการตั้งคำค้นว่า Hostel in Singapore, Budget Hostel Singapore ผลคำค้นออกมาเป็นย่านที่พักให้เลือกว่าจะพักในย่านไหน มีให้เลือกทั้งย่าน Orchard ที่ติดกับแหล่งช้อปปิ้งราคาก็จะสูงหน่อยซึ่งเราก็เคยพักแถวนั้นแล้วมีแต่มลพิษทั้งนั้น ย่าน China town ก็มีให้เลือก จะเหมาะกับคนเอเชียซึ่งจะหาของกินง่ายยามดึก และย่าน Little India ซึ่งเป็นย่านแขก อีกทั้งย่าน Bugis ก็มีที่พักเยอะเช่นกัน เราเลือกย่าน Little India เพราะเราจะได้ชิมอาหารอินเดียได้หลายๆมื้อ อย่างน้อยอาหารน่าจะมีรสชาติมากกว่าอาหารจีน ซึ่งสองครั้งที่แล้วที่มาที่นี่ได้ชิมแต่อาหารจีน ในที่สุดก็ลงตัวกับที่พักชื่อ The Incrowd Backpackers Hostel คืนละ 20เหรียญสิงคโปร์ เป็นห้องนอนรวม (Dormitory) ใช้ห้องน้ำร่วมกัน ลองดูก็แล้วกันอย่างน้อยก็เป็นห้องแอร์คงไม่ร้อนชมสถานที่พักได้ที่นี่ http://www.the-inncrowd.com/
หากจองในเว็บไซต์เค้าจะเรียกเก็บค่าจองไปก่อน20ดอลล่าร์สิงคโปร์ นอกจากนั้นจะเก็บเพิ่มทีหลังโดยหักบัญชีบัตรเครดิตไป
ภารกิจต่อไปคือต้องไปแลกเงิน ซึ่งร้านแลกเงินในกรุงเทพฯมีมากมาย มีทั้งย่านสีลม ย่านนานา ย่านข้าวสาร ย่านสะพานควาย เราเลือกที่จะแลกเงินกับร้านแลกเงินมากกว่าแลกตามธนาคารเพราะมันได้ราคาดีกว่าเยอะ เราแลกเงินที่ร้านลินดาย่านสะพานควาย ได้อัตราอยู่ที่23.5 บาทต่อ1เหรียญ ราคานับว่าใช้ได้ที่เดียว หมดภาระเรื่องแลกเงินแล้ว ต่อไปก็ต้องศึกษาข้อมูลสถานที่ต่างๆที่คิดว่าจะไปล่วงหน้าละกัน จะได้ไม่เป็นต่างด้าวหลงเข้าเมือง 5555
ตอนหน้าจะเป็นคำแนะนำในการเข้าเมืองสิคโปร์เริ่มตั้งแต่สนามบินชางฮีเลยนะจ๊ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น