กว่าจะเดินทางมาถึงเชียงตุงร่างของพวกเราก็จวนจะแตกสลาย ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุดคือการได้ที่พักแล้วเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัว เพราะว่าไม่ไหวกันแล้วอยากได้ความสดชื่นคืนมาอย่างแรง พวกเราเดินเท้าออกจากจุดที่รถจอด ไกด์แสนมุ้งแนะนำว่ามีเกสต์เฮ้าส์ไม่ไกลจากที่นี่ ชื่อ Sam Yweat Guesthouse น่าจะชื่อสามเวียดเกสท์เฮ้าส์กระมัง เดินไปไม่ไกลก็ถึง สักพักเราก็เดินถึงที่นั่น พร้อมกับถามราคาห้องพัก เค้าบอกว่าราคาหัวละ350บาท ห้องนึงนอนได้สองคน สรุปแล้วตกห้องละ700บาท ไม่มีแอร์ มีพัดลมและใช้ห้องน้ำรวม อากาศเริ่มเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด นี่เพิ่งจะห้าโมงเย็นเอง พวกเราตอบตกลงทันทีเนื่องจากสภาพห้องใหม่แล้วเป็นเรือนไม้คงจะกันหนาวได้อย่างดี เรานัดให้ไกด์มารับไปทานมื้อเย็นตอนทุ่มนึง ไกด์จึงแยกกลับบ้านไปก่อนส่วนพวกเราก็ไปอาบน้ำ น้ำที่นี่เย็นเฉียบเลยต้องรีบๆอาบไม่ไหวเลย แต่ก็ได้ความสดชื่นคืนมาพวกเราแต่งตัวเสร็จก็ลงไปรอไกด์โดยไม่ลืมพกเสื้อกันหนาวติดตัวไปด้วย
ไกด์มารับพร้อมกับรถสามล้อพ่วงข้างคันหนึ่ง เราบอกว่าอยากไปแลกเงินจ๊าดก่อนช่วยพาไปที่แลกเงินให้หน่อย เค้าเลยพาไปที่บ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่แลมีฐานะ มีสุนัขพันธุ์ฝรั่งออกมาเห่าต้อนรับกันสลอน เจ้าของบ้านวัยกลางคนอกมาต้อนรับ พอนางรู้ว่ามาแลกเงินไทยเป็นเงินจ๊าด นางก็จัดแจงไขตู้เซฟ พร้อมกับนำเงินมาแลก
จากนั้นไกด์ก็พาขึ้นรถไปที่ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่งริมหนองตุง แหมหนองตุงยามค่ำคืนนี่ก็สวยงามจริงๆ เงาน้ำสีดำสนิท เมืองเชียงตุงค่อนข้างมืดเหมือนไม่ค่อยเปิดไฟ ไกด์บอกว่าอยากให้พวกเราได้ทานอาหารจีนเพราะราคาไม่แพงนักแล้วคุณภาพอาหารนั้นดีจริง ดีกว่าอาหารพม่า พนักงานร้านพูดภาษาไทยไม่ได้เลยให้ไกด์คุยให้ อีกทั้งรายการอาหารมีแต่ภาษาพม่ากับภาษาจีนใบ้รับประทานเลยงานนี้ต้องพึ่งไกด์อีกแล้ว เราสั่งอาหารมาหลายอย่าง มีทั้งปลาเผา ไข่เจียว ผัดผักบุ้ง ไก่ผัดขิง ปูทอดซอสส้ม หมูกรอบทอด เพิ่งรู้ว่านายแสนมุ้งทานมังสวิรัติ เราเลยต้องสั่งผัดผักรวมมาให้แกอีกจานหนึ่ง ค่าเสียหายมื้อนั้น 5คน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 650บาทเท่านั้น แต่ได้ทานอาหารในปริมาณที่เยอะกว่าอาหารจีนในไทยมากๆ ทานจนอิ่มแปล้จะกลับห้องนอนทันทีก็กระไรอยู่ เดี๋ยวอาหารพาลจะไม่ย่อยเอา ไกด์เสนอว่าควรจะไปเดินเที่ยวงานประจำปีกัน ลักษณะจะเป็นงานออกร้านโดยหน่วยงานของรัฐ คล้ายๆกับงานกาชาดบ้านเรา แล้วมันจะคล้ายกันมั้ย สงสัยเราต้องแวะชมซะหน่อยแล้ว
ชมวิวหนองตุงยามค่ำคืนที่เห็นไฟเหลืองๆ นั่นคือพระชี้นิ้ว พระประจำเมืองเชียงตุงสามล้อจอดหน้าร้านอาหารจีน โต๊ะนั่งกินของร้านจะติดริมหนองตุง ชมวิวทิวทัศน์ได้สบาย
จานนี้คือปูนิ่มทอดซอสส้ม
จานนี้คือไก่ผัดขิง
ไข่เจียวหมูสับเมนูยามยาก และเป็นสากล
ปลาเผาถูกแทะ หน้าตาคล้ายปลานิลบ้านเรา
ไกด์นำทางของเราคือคนขวามือ
ผัดผักหวาน
หมูกรอบทอดราดซอสเปรี้ยว
รถสามล้อจอดข้างกำแพงแห่งหนึ่ง เราเดินเท้าออกไปเข้าหน้างาน บรรยากาศเหมือนบ้านเราเมื่อสัก50ปีที่แล้วเลย มีการออกร้านจากสาธารณสุข มีออกมารณรงค์โรคเอดส์พร้อมแจกถุงยางอนามัย มีกระทราวงวัฒนธรรมมาออกร้านเผยแพร่การแต่งกายแบบพื้นเมือง มีดนตรีพื้นบ้าน มีหนังสือเรียนแบบเก่าๆเป็นภาษาพม่า รูปภาพนายพลอาวุโสตานฉ่วยอันน่าเกรงขาม รวมไปถึงความรู้ในการเกษตร มีสิ่งประดิษฐ์จากนักเรียนมาออกแสดงด้วย ในงานมีการออกสลากด้วย มีการเล่นบิงโก โดยเฉพาะซุ้มบิงโกคนจะแน่นมากที่สุด บนเวทีมีการแสดงฟ้อนรำและมีการประกวดร้องเพลงระดับเยาวชน เรา4คนเดินหน้าเหลืองกลมกลืนไปกับชาวบ้าน คิดว่าเค้าคงแยกไม่ออกเท่าไรหากเราไม่พูด เราเดินอยู่นานจนเริ่มหิวน้ำ เห็นซุ้มขายน้ำอ้อยอยู่ ถุงละ7บาทเอง แก้กระหาย เอาวะลองดูสักถุง ปรากฏว่าน้ำอ้อยที่นี่ใส่น้ำมะนาวลงไปด้วย เหมือนกับที่เคยกินที่เวียดนามและกัมพูชาเลย รสชาติจะมีทั้งรสเปรี้ยวและหวานอร่อยอย่าบอกใคร เดินทั่วงานจนเมื่อยมีของกินขายบ้างเป็นพวกลูกชิ้น ไส้กรอกปิ้ง แผ่นแป้งทอดและข้าวเกรียบ เห็นแล้วไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวก็กลับไปนอนแล้ว
พวกเราเลยบอกไกด์ว่าจะกลับกันแล้ว เค้าเลยบอกให้ไปที่รถจอด เราก็เดินกันไปถึง ไม่ช้ารถก็พาเราไปถึงที่พัก ไกด์เสนอให้เราเหมารถเค้าต่อ เพราะพรุ่งนี้จะพาไปหนองตุง พระชี้นิ้ว วัดมหาเมียดมุนี และดอยเหมย เราตอบตกลงแล้วนัดเขาให้มารับตอนประมาณ9โมง วันนี้เลยแยกย้ายกันไปนอนซุกตัวภายใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น ไม่ถึง5นาทีพวกเราก็ม่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
พวกเรายืนหน้าทางเข้างานประจำปีของเมืองเชียงตุง อ่านว่าอะไรก็สุดจะเดาได้
สาวพม่าและหนุ่มพม่าของแท้จะต้องปะหน้าด้วยทานาคา
นายพลผู้ยิ่งใหญ่
นี่คือการสาธิตการสวมถุงยางอนามัยแบบเข้าใจง่าย
หนังสือแบบเรียนภาษาพม่าเห็นแล้วนึกถึงมานะมานีปิติชูใจ
นี่คือการรณรงค์การกำจัดลูกน้ำยุงลาย
ผู้คนต่างพากันมายืนเนืองแน่นหน้าซุ้มหวยเบอร์
เณรน้อยก็มาเดินชมงานนี้ด้วย
นี่แหละน้ำอ้อยผสมมะนาวเป็นเกล็ดหิมะเย็นชื่นใจ
ตอนหน้าอย่าพลาดจะพาช้อปชมชิมอาหารพื้นเมืองที่ตลาดเช้าจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น