วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวสิงคโปร์ในราคาประหยัด ตอนที่ 3 งามหน้าประเทศไทย กระฉ่อนไกลถึงสิงคโปร์

เราออกจากสนามบิน Terminal1 จะต้องไปต่อรถใต้ดินเพื่อเข้าเมืองที่ Terminal2 ระหว่างเทอร์มินัลมีรถไฟฟ้าบริการฟรีเชื่อมระหว่างสองสนามบินโดยรถจะมาทุกๆ 15 นาที มีนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดงบเหมือนเราเค้าก็จะมารอเช่นกัน ลองคิดดูหากนั่งแท็กซี่มิเตอร์เข้าไปใจกลางเมืองในตอนบ่ายวันศุกร์รถคงติดน่าดู  รถไฟฟ้าแล่นมาจอดมีตุ้โดยสารสั้นๆสองตู้ผู้โดยสารเต็มเลย ระยะห่างระหว่างเทอร์มินอลทั้งสองประมาณ500เมตร  พอถึงTerminal 2 เราเดินลงบันไดเลื่อนที่ยาวมากประมาณตึกสามชั้นเพื่อลงไปใต้ดิน เพื่อต่อรถ MRT เข้าเมือง มีตู้ให้หยอดเหรียญและช่องขายตั๋ว นี่คือสถานี Changi Airport  ความจริงเราสามารถซื้อตั๋วแบบเติมเงินได้ราคาตั๋วจะอยู่ที่ $15 และเติมเงินเรื่อยๆ ไม่ต้องไปหยอดตู้ เวลาต้องการโดยสารเพียงแค่เอาบัตรแปะประตูคล้ายกับบ้านเรา แต่มูลค่าบัตรแพงเหมาะกับคนที่เดินทางเยอะๆในสิงคโปร์เป็นเวลา5วัน7วันขึ้นไป ไม่คุ้มค่ากับทัวร์กระจอกอย่างเราที่ไปแค่3วัน เราเลยไปหยอดตู้ขายตั๋วโดยสาร ซึ่งสถานีปลายทางที่เราจะไปลงคือ Bugis Station เป็นย่านที่อยู่ใกล้ๆกับ Little India ใกล้โรงแรมที่เราจะพักโดยที่ไม่ต้องต่อรถอีก ค่ารถโดยสารเข้าเมือง $2.90 รวมตั๋วบัตรแข็ง หากไปถึงปลายทางแล้วสามารถ refund โดยการเอาตั๋วไปเสียบช่องคืนตั๋วก็จะได้เงินคืนมา $1 จะเห็นได้ว่าค่าโดยสารตั๋วรถไฟฟ้าที่นี่ถูกมาก เพราะที่นี่เค้าเน้นให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนมากกว่าใช้รถยนต์ส่วนตัวไงล่ะ ภาษีนำเข้ารถยนต์ถึงได้แพงมาก เข้าใจว่าหากเราต้องซื้อรถยนต์ในราคา5แสนบาทในราคาบ้านเรา ไปที่นั่นอาจต้องจ่ายเงินถึงล้านห้าทำนองนั้น
 บริเวณสถานีจุดต่อรถ Taneh Merah
ลักษณะตั๋วMRT Single Trip ถ้านำไปหยอดคืนที่ตู้หลังเดินทางแล้วเราจะได้รับ $1
แผนที่แสดงเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีต่างๆพร้อมจุดเชื่อมต่อ

รถไฟฟ้าวิ่งมาส่งจากสนามบินถึงแค่สถานี Taneh Merah น่าจะอ่านทาเนเมร่าห์ จากนั้นรถจะวิ่งเป็นวงกลมกลับไปที่สนามบิน ทุกคนต้องลงเพื่อต่อรถสายเข้าเมือง ระหว่างทางผ่านสถานี EXPO มีกลุ่มอาคารใหญ่ๆหลายหลัง เหมือนอาคารไบเทคบ้านเรา ทราบมาภายหลังว่านี่คือสถานที่จัดงานแสดงสินค้าต่างๆ อ้อ เข้าใจแระ  พอรถไฟฟ้าเข้าเมืองแวะจอด โอ้แม่เจ้ามันแน่นมาก ผู้คนเต็มไปหมดทั้งนักท่องเที่ยวจากสนามบิน และคนเมือง รถของเค้ามีตู้โดยสาร5ตู้ บ้านเรามีแค่3ตู้ ควรจะเพิ่มตู้เป็น5ตู้ด่วน บ้านเราว่าเป็นปลากระป๋องแล้วบ้านเค้าอัดแน่นยิ่งกว่า รถไฟฟ้าใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็แล่นถึงสถานี Bugis น่าจะอ่านว่าบูกิส ระหว่างทางเราผ่านย่านที่พักอาศัยที่เป็นคอนโดและอพาร์ทเม้นท์มากมาย ทุกที่ใต้ตึกจะมีสนามบาส สนามเทนนิสและที่ออกกำลังกาย เป็นการจัดสรรพื้นที่ได้อย่างลงตัว เราโผล่มาจากใต้ดินอากาศร้อนมากแดดเปรี้ยงเลย ร้อนได้อีกเรากางแผนที่ชี้เป้าหมายคือโรงแรมอินคราวน์ที่เราจะไปพัก เราเดินตามทางแผนที่ไปเรื่อยๆ ผ่านร้านรวงและห้างต่างๆข้างทาง ผ่านห้าง Sim Lim Tower หรือเรียกว่าห้างซิมลิม ซึ่งห้างนี้จะขายพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าและพวกคอมพิวเตอร์ แต่แวะเข้าไปดูราคาแล้วราคาใกล้เคียงกับบ้านเราเลย แถมปลั๊กไฟเป็นแบบสามขาอีกต่างหาก เราเลยขอผ่าน ระยะทางเพียง800เมตรจากสถานีถึงที่พักทำให้เหงื่อเราไหลอย่างกับท่อประปาแตก ถ้าถึงที่พักคงจะต้องอาบน้ำทันที
สถานีบูกิส (Bugis) เป็นสถานีที่แม้อยู่ไม่ใกล้ที่พักแต่ก็ไม่ต้องต่อรถให้วุ่นวาย
 จากถนนแลเห็นอาคาร Suntec อยู่ไกลๆ
 อพาร์ทเม้นท์และคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยหลักๆของชาวสิงคโปร์
 มัสยิดแห่งนี้อยู่ใกล้โรงแรมที่พักของเรา และเห็นอาคาร Sim Limศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
อาคารบริเวณสถานีรถไฟฟ้า Little India

และแล้วเราก็หาเจอ The Inncrowd Hostel เป็นตึกแถวสามชั้นกว้างแค่สองคูหา บรรยากาศภายนอกดูคับแคบแต่พอเปิดเข้าไปก็เห็นว่าตกแต่งได้น่ารักพอใช้ เจ้าของเป็นหญิงวัยกลางคนถามชื่อเราก่อนเลยว่าจองมาหรือไม่ เพราะเค้าหาในลิสต์ที่จองไม่เจอ จนเราต้องยืนยันหลักฐานการจองในอีเมลที่เปิดจากสมาร์ทโฟน ไม่เช่นนั้นเราคงอดพักแน่ๆ เพราะเธอเล่นบอกว่าเต็มตั้งแต่เราก้าวเดินเข้ามา พอเธอเห็นอีเมลก็เลยพยักหน้าโอเค และถามต่อว่าจะพักกี่คืน เราบอกว่าแค่สองคืน เพราะคืนสุดท้ายเราจะไปนอนที่สนามบินเพราะขี้เกียจตื่นเช้ามืด 555 เธอบอกให้พนักงานเอาผ้าปูที่นอนหอบไปให้ เราได้ที่พักที่ตึกอีกฝั่งหนึ่งไม่ใช่ตึกนี้ เลยให้พนักงานอาหมวยนำทางไป  สิทธิ์ที่เราได้รับจากการพักที่นี่คือ ฟรีอาหารเช้าแบบง่ายๆที่เขาเตรียมให้ สามารถแช่อาหารในตู้เย็นที่ห้องครัวได้ ฟรีอินเตอร์เน็ตไวไฟ ฟรีล็อกเกอร์เก็บทรัพย์สินพร้อมค่ามัดจำกุญแจกับคีย์การ์ดอีก $10 ระหว่างทางเด็กสาวก็ชวนเราคุยถามว่ามาจากไหน เราบอกมาจากเมืองไทย น้ำเสียงคุณเธอตื่นเต้นมากและทำหน้าจริงจัง คุณมาจากบางกอกใช่ไหม พอเราตอบว่าใช่ เธอบอกอะเมซซิ่ง เมืองแห่งม็อบสีแดงและสีเหลือง ตรูว่าแล้วชื่อเสียงประเทศชาติของเราดังได้อีก เธอถามถึงอดีตนายกด้วย แต่สำเนียงการออกเสียงของเธอคือ ตั๊กสิ้น ตั๊กสิ้น ได้ยืนแล้วก็ขำ อย่ามาออกเสียงแบบนี้ในประเทศของเรานะ เดี๋ยวบางคนได้ยินแล้วควันออกหู ประเด็นเผาเมืองกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ เธอบอกว่าเธอดูในเว็บไซต์แล้วอยากมาเที่ยวกระบี่กับภูเก็ต เธออยากมาอาบแดด แต่เธอจะไม่มากรุงเทพฯเพราะเธอกลัวข่าวที่ถูกนำเสนอแก่สายตาชาวโลก ในสายตาของชาวต่างชาติเหตุการณ์ครั้งนั้นคงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ แต่สำหรับเราการที่เธอสนใจการบ้านการเมืองของเรานั้นเป็นความชาญฉลาดของเจ้าบ้านที่ดีที่มีหูตากว้างไกลรับรู้ข่าวสารและสามารถสร้างบทสนทนากับแขกผู้มาเยือนได้อย่างแยบยล ถึงมันจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าจดจำของเราคนไทยก็ตาม
 The Inncrowd Hostel Lobby
ตึกนอนจะแยกออกมาอีกตึกนึงซึ่งอยู่บริเวณใกล้ๆกัน

เธอนำเราขึ้นมาบนชั้นสองที่เป็นห้องนอนรวมแบบดอร์ม มีเตียงทั้งหมด18เตียง เป็นเตียงสองชั้น เตียงไหนมีคนพักแล้วก็จะติดแท็กป้ายชื่อไว้  เธอติดป้ายชื่อของเราที่เตียง เรานอนเตียงเดี่ยวมุมสุดท้ายของห้อง เธอบอกโอเคชั้นส่งคุณแค่นี้นะ คุณปูที่นอนได้เลย เที่ยวให้สนุกนะคะ ที่นี่แขกที่มาพักจะต้องปูที่นอนเอง และวันกลับต้องดึงปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอนไปคืนที่ล็อบบี้ด้วย มองเวลาบ่ายสาม ข้างนอกร้อนมาก เราขอนอนซักงับก่อนแล้วกันแล้วค่อยออกไปตะลุยกันต่อ


ตอนต่อไปเราจะตื่นขึ้นมาใหม่แล้วพาไปชมความศิวิไลซ์ริมน้ำสิงคโปร์นะจ๊ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น