วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เขมรัฐตุงคบุรี เชียงตุง ตอนที่3 ย่ำตลาดเช้า ชมวิถีคนเมืองเชียงตุง

อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน....  The early bird must get thick worm ด้วยสุภาษิตเหล่านี้ทำให้วันนี้พวกเราทุกคนตื่นกันแต่เช้าเพื่อออกมาดูวิถีชีวิตคนเมืองเชียงตุงกันว่าตอนเช้าเค้าทำอะไรกัน มีคนเคยบอกไว้ว่าหากต้องการชมวัฒนธรรมพื้นเมือง วิถีชีวิตจริงๆ ให้ไปที่ตลาดเช้าซึ่งจะทำให้เราได้เห็นทั้งวัฒนธรรมการกิน การสนทนา ความถ้อยทีถ้อยอาศัยระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ตลอดจนสินค้าที่นำมาขายในท้องตลาด ฯลฯ
ที่ซุกหัวนอนเมื่อคืนคือบ้านที่ดัดแปลงเป็นเกสต์เฮ้าส์ได้อย่างน่ารักมาก

                เพื่อนเราบางคนอาบน้ำ แต่เราไม่ไหวขอบายดีกว่ายอมซักแห้ง อากาศหนาวซะขนาดนั้นจนไม่อยากจะลุกจากที่นอน เวลานี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้วแต่บรรยากาศภายนอกยังคงมืดอยู่ นี่แหละหนาหน้าหนาว เราล้างหน้าแปรงฟันหยิบเสื้อไหมพรมตัวเก่งแล้วเดินออกไปที่ตลาดเช้ากัน ตลาดเช้าอยู่ใกล้กับที่พักมากระหว่างทางเห็นผู้คนหิ้วตะกร้าเดินไปตลาด บ้างขี่มอเตอร์ไซด์ แลเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายดีนัก อากาศเย็นยามเช้าทำให้เราพ่นลมหายใจออกมาเป็นไอน้ำอย่างเห็นได้ชัด
บรรยากาศยามเช้าระหว่างทางไปตลาดแลเห็นชาวเมืองจูงควายไปหากินอยู่
 วินมอเตอร์ไซด์มีให้เห็นทั่วไปในเมืองนี้
 สองตายายถึงจะอยู่คนละเผ่ากันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนในเมืองนี้
ประตูทางเข้าตลาดที่ออกแบบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
                ตลาดที่นี่แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนดีแยกเป็นโซนของสด โซนผักผลไม้ โซนอาหารกับข้าว โซนข้าวของเครื่องใช้ ดูเป็นการจัดการที่เป็นระเบียบ ไม่มีน้ำครำสกปรกเละเทะเหมือนบางที่ วันนี้พวกเราแต่งตัวดีกว่าคนเมืองจึงเป็นที่สังเกตได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คนเมืองที่นี่ เราเดินดูผักผลไม้เจอแม่ค้าขายผักที่เราเจอแกบนรถโดยสารจากท่าขี้เหล็กมาเชียงตุง เค้าจำพวกเราได้ เลยทักทายกันใหญ่  เดินผ่านของกินพวกข้าวเหนียวและข้าวปุกที่เป็นข้าวบดจนเป็นแป้งสีดำดำแล้วนำไปนึ่ง เลยลองซื้อมากินห่อละ 6-7บาท เดินไปเจอขนมถังแตกชิ้นละ2บาท ที่นี่เค้าจะย่างแป้งจากแม่พิมพ์เต่าถ่านเลย ดังนั้นขนมจึงหอมควันจากถ่านเพื่อนเราจึงอุดหนุนแม่ค้ามา3ชิ้น เดินผ่านแม่ค้าขายขนมจีนกำลังสาวเส้นเพื่อไม่ให้ติดกันอย่างสาละวนที่นี่ขายกันเป็นกิโลๆ ให้แม่บ้านซื้อกลับไปทานกินเองที่บ้าน อาหารจำพวกผักหญ้าอุดมสมบูรณ์มากๆ ที่ตลาดนี้มีเนื้อสัตว์ขายน้อยมากมีก็เป็นปลาสดเป็นๆกับเนื้อหมูชำแหละ จนเราอดคิดไม่ได้ว่าคนเมืองนี้คงไม่ค่อยทานเนื้อสัตว์กันหรือว่าราคาค่อนข้างแพงนะ ทำให้เราอดคิดไม่ได้เลย
 แม่ค้าขายข้าวปุกและข้าวเหนียว ห่อละ5บาท ข้าวเหนียวที่นี่จะโรยเนื้อมะพร้าวฉีก
 ขนมถังแตกย่างร้อนๆจากเตาถ่าน ชิ้นละ2บาท ตัวเนื้อขนมหอมกรุ่นจากควันไฟถ่าน
 แม่ค้าคนนี้เค้าบอกว่าจำพวกเราได้ เพราะนั่งรถมาจากท่าขี้เหล็กเที่ยวเดียวกับเรานั่นแหละ
แม่ค้ากำลังสาวเส้นขนมจีนเพื่อไม่ให้เส้นมันติดกัน ร้านนี้เค้าขายแต่ขนมจีนอย่างเดียวโดยชั่งเป็นกิโลๆ

               เพื่อนเราแวะซื้อใบชาแห้งที่นี่ขายเป็นกิโล ราคาไม่แพงเลยสักนิด พอแปดโมงท้องเริ่มหิวแล้วสิ จะทานอะไรดีให้มันหนักท้องซะหน่อย ก็ด้วยวันนี้ไกด์แสนมุ้งจะพาเราไปเที่ยวหลายที่ไงล่ะ เดินผ่านเห็นเพิงก๋วยเตี๋ยวพม่า ชี้ให้เพื่อนดู ทุกคนส่ายหัวบอกไม่เอาเพราะทานแล้ว บอกอยากกินเป็นข้าวมากกว่า เดินต่อมาก็เจอร้านขายโรตีมีคนแต่งตัวดีดีมานั่งกินกันมากเหมือนพวกข้าราชการเลย เดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายมาจบที่ร้านข้าวแกงพม่า มีโต๊ะนั่งยาวๆโต๊ะเดียว แกงอยู่ในภาชนะปิดมิดชิด ใช้ได้แฮะ เปิดออกมามี่กับข้าวประมาณ 4-5อย่าง มีแกงกะหรี่กุ้ง เนื้อแพะเค็มทอด แกงเนื้อ กุนเชียงทอด และอะไรอีกอย่างไม่แน่ใจ เราสั่งแกงกุ้งราดข้าวกับเนื้อแพะฝอย คล้ายกับเนื้อเค็มฝอยเลยมาราดกับข้าว แม่ค้าตักน้ำพริกมาให้กินแกล้มด้วยพร้อมกับผักสด ตัวน้ำพริกรสชาติคล้ายเคยตำ  ออกรสกะปิมันๆประหลาดๆ อาจเป็นถั่วหมักเค็มก็ได้มั้ง แม่ค้าเป็นคนพม่าแท้พูดภาษาไทยไม่ได้ประแป้งจนหน้าเหลือง พอเรากินอิ่มเรายกนิ้วให้ว่าอร่อย แกยิ้มร่าเลย แล้วคิดค่าเสียหายเบ็ดเสร็จตกคนละ 30บาท

 เพื่อนของเราแวะซื้อใบชาแห้งที่นี่เปิดกระสอบขายกันแบบไม่กลัวความชื้นเลยเพราะอากาศที่นี่แห้งมาก
แม่ค้าคนสวยขายข้าวแกงตำรับพม่าแท้ๆ เป็นร้านแบบยองยองเหลา เธอพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่สามีเธอพูดไทยได้

สำรับพม่าเท่าที่เห็นในภาพ รสชาติส่วนใหญ่จะออกเค็มและมัน ต้องมีน้ำพริกกินเพื่อตัดความมัน
แผงขายก๋วยเตี๋ยวพม่าที่พวกเรามองข้ามไป เอาไว้เป็นที่พึ่งยามยากก็แล้วกัน
            ทานของคาวเสร็จแล้วเราจะพลาดของหวานได้อย่างไร ว่าแล้วเลยพากันเดินไปที่ร้านโรตีที่เพิ่งเดินผ่านมา โรตีที่นี่จะเป็นแป้งบางๆ กรอบๆ ย่างด้วยเตาโอ่ง ลักษณะแบบนาน สั่งมาสองชิ้นใหญ่ๆ เค้าให้เครื่องจิ้มมาเป็นถั่วบด กินแกล้มก็อร่อยดี เราสั่งซาโมซ่าทอดมาด้วยลักษณะคล้ายกะหรี่ปั๊บ  เพื่อนเราอยากทานหวานเลยสั่งนมข้นใส่ถ้วยมาด้วยนำมาจิ้มโรตี คนขายแลงงนิดๆ เพราะคนที่นี่เขาจิ้มแต่ถั่วบดเค้าไม่ทานโรตีจิ้มนมกัน ดีที่คนขายพูดภาษาอังกฤษได้เพราะมีเชื้อสายอินเดียเขาเลยเข้าใจเทนมข้นหวานใส่ถ้วยมาให้โดยไม่คิดเงินเพิ่ม เราสั่งชานมร้อน กาแฟ โกโก้ มากินแกล้มด้วย พร้อมกับนำข้าวปุกที่ซื้อมาทานบนโต๊ะด้วย แต่รสชาติข้าวจืดสนิทเลยทานไปได้นิดเดียวก็ต้องวางมันลงไป
 โรตีแผ่นกรอบจิ้มกับถั่วบด แล้วก็จิบน้ำชาร้อนตาม สุดยอดไปเลย
 ร้านขายโรตีทอดที่เราไปนั่งกินกัน คนทำเป็นคนพม่าเชื้อสายอินเดีย
มุมนี้เป็นมุมที่ทอดซาโมซ่าและขนมทอดอื่นๆที่เอาไว้ทานแกล้มกัน
ข้าวปุกงาดำเป็นม่ายเมื่อต้องท้าชนกับโรตีจิ้มถั่ว โถน่าสงสาร กินแกล้มกับน้องชานมร้อนก็ได้
ตอนหน้าอย่าพลาดพบกับเชียงตุง Sightseeing  tour จ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น