วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แบกเป้เที่ยวฟิลิปปินส์ตอนที่7 Rizal Park สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มายาวนาน

                ก็ได้แต่สัญญากับตัวเองว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ Rizal Park แต่เหตุไฉนกว่าจะตื่นก็แปดโมง นี่แหละหนาไม่มีสัจจะว่าตื่นเช้าในหมู่คนแบกเป้ เพราะนี่คือการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์อย่างอิสระเสรี  ไม่เช่นนั้นเราคงไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ได้หลายที่แล้ว ก็เพราะหลักสูตร 5-6-7 กับ 6-7-8 (ไม่ใช่สูตรปุ๋ยผสมนะ) นี่แหละที่เราไม่สามารถปฏิบัติตามได้ (การตื่นแต่เช้าแล้วทานข้าวเช้าจนถึงออกจากโรงแรมอย่างเร่งรีบ) มันช่างทรมานเหลือเกินสำหรับการทำตามสูตรที่ว่านั่น เชอะมิได้แอ้มฉันหรอก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
                เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปสั่งอาหารและจ่ายเงินที่ล็อบบี้ วันนี้เราสั่งข้าวหมูทอดกับไข่ดาว ในราคา65เปโซ จานนี้อร่อยกว่าจานปลาทอดมากๆ เราหยอดซอสพริกลงบนหมูทอดที่เค้าหั่นเป็นริ้วแล้วชุบน้ำผึ้งมาก่อนทอด ทำให้มีรสหวานมัน และเรากินแกล้มกับพริกชี้ฟ้าแห้งซึ่งสามารถหยิบได้ที่เคาน์เตอร์เครื่องปรุง บรรดาชาวปินอยและชาวจีนกับชาวญี่ปุ่นที่มานอนที่นี่มองเราเป็นตาเดียวก็เห็นเราเล่นหยิบพริกมาทั้งกำเต็มจาน กะเหรี่ยงตกดอยมาจากไหนกันหว่าถึงกินพริกได้เยอะขนาดนี้
ข้าวหมูทอดหมักน้ำผึ้งพร้อมไข่ดาว อาหารเช้าตำรับปินอยแท้ๆ

                กว่าจะเยื้องย่างออกจากที่พักได้ก็เก้าโมงครึ่ง เราเดินไปรอขึ้นรถจี๊ปนี่ย์เหมือนเดิม วันนี้วันศุกร์แล้วนี่  ระหว่างการเดินทอดน่องครั้งนี้เราได้สังเกตว่าตึกโทรมๆที่เราเดินผ่านคราวแรกมันคือคาสิโนนั่นเอง เป็นบ่อนที่มีการ์ดคุมอย่างแน่นหนา มีนักเสี่ยงโชคเดินเข้าไปเรื่อยๆ ประเทศฟิลิปปินส์การพนันการเล่นล็อตโต้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะล็อตโต้นั้นออกรายวัน วันละหลายครั้งเลยทีเดียว ประชาชนจึงถูกมอมเมาไม่รู้ตัว เราเลือกขึ้นรถจี๊ปนี่ย์ที่ด้านข้างรถเขียนป้ายว่า LRT EDSA เรามั่นใจว่ารถจะต้องแล่นผ่านสี่แยก เอ็ดซ่าแน่นอน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ รถจอดตรงสี่แยกแล้วเราจ่ายเงิน 10เปโซ เราเดินข้ามถนนเหมือนเดิมขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี EDSA ตอนที่เราอยู่บนสะพานลอยนั้น เหลียวซ้ายแลขวาเห็นคนเดินไม่เยอะ จึงลืมคำสอนของเจ้าหน้าที่โรงแรมไปหมดสิ้นเรื่องการหยิบกล้องใหญ่มาถ่าย เรารวบรวมความกล้าแล้วก็ถ่ายแชะ แชะ แหมบรรยากาศช่างเหมือนห้างย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ บ้านเราเลย มีโรงแรมและห้างสรรพสินค้ารายรอบสี่แยกเลย เราขึ้นไปรอรถนานอยู่ อากาศอบอ้าวเหงื่อไหลโชก หลายคนควักพัดขึ้นมาพัดใหญ่เลย มีพัดเป็นของตนเองทุกคนยกเว้นเรา เลยต้องหยิบผ้าขนหนูมาซับเหงื่อที่ไหลเป็นน้ำ พอรถมาเทียบเท่านั้นแหละผู้คนต่างก็เฮโลเบียดแย่งกันเข้าไปข้างในเพราะเค้าคงไม่อยากตกรถไปเที่ยวต่อไปซึ่งต้องรออีกนาน ปลากระป๋องอบร้อนอีกแล้วครับท่าน คราวนี้ต้องระวังสัมภาระและของมีค่าให้หนักกว่าเดิมอีกเล่นเบียดกันซะขนาดนี้
การจราจรติดขัดแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่นี่
ย่านนี้มีสะพานลอยล้อมสี่ด้านมีทั้งโรงแรมและห้างตั้งอยู่
ห้างสรรพสินค้าราคาย่อมเยาเปิดในย่านที่ผู้มีรายได้น้อยพักอยู่
รถไฟฟ้า LRT เข้าเทียบท่า

                การมาสวนสาธารณะ Rizal Park อ่านออกเสียงว่า ริซัล พาร์ค นั้นเราจะต้องลงที่สถานี UN (United Nation) ซึ่งจะลงก่อนสถานีเมื่อวาน1สถานี ค่ารถเดินทางไปแค่15เปโซ สถานียูเอ็นนั้นคนลงไม่เยอะย่านนั้นมีแต่สถานที่ราชการและธนาคารต่างๆ เต็มไปหมด เลยได้โอกาสถ่ายรูปลงมาจากสถานีอีก เราเดินไปตามถนน United Nation Ave. เดินลงมาเรื่อยๆ แวะกางแผนที่แล้วเดิน ย่านนี้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าย่านศาลาว่าการเยอะ ไม่มีของวางขายตามทางเท้า เราไม่มั่นใจว่าทางนี้เดินไปถึงสวนหรือไม่ เลยต้องคอยถามทางผู้คนไปเรื่อยๆ จริงอยู่ที่คนโบราณบอกไว้เสมอว่า ทางอยู่ที่ปาก หากเรากล้าถามก็ไม่ได้แปลว่าเราโง่ แต่หากเราไม่กล้าถามเราก็จะโง่ต่อไป ยกเว้นอย่าไปถามทางพวกรถรับจ้างทุกชนิดนะ ไม่งั้นโดนฟันลูกเดียว


 โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนสถานีรถไฟฟ้า
 สถานีรถไฟฟ้า United Nation
เบื้องล่างของถนนUN Avenue

                เราเดินมาถึงสวนสาธารณะ Rizal Park ก็สิบโมงแล้ว แสงแดดแผดจ้าแต่นั่นแหละวันนี้ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน สวนแห่งนี้ไม่เสียค่าเข้ามีขนาด 52เฮคเตอร์ จัดเป็นสวนประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของการเที่ยวฟิลิปปินส์ ด้านหน้าสวนมีของขายเยอะมาก ภายในสวนมีรูปปั้นครึ่งตัวของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ทุกรุ่นและ อนุสาวรีย์ ของดอกเตอร์ โฮเซ่ ริซัล (Dr’ Jose Rizal) วีรบุรุษแห่งฟิลิปปินส์  ด้านในสวนยังมีน้ำพุ โรงละครกลางแจ้ง สวนจีน โรงอาหารราคาถูกแบบบริการตนเอง  มีเด็กวัยรุ่นมาเตะฟุตบอล มีคนมาวิ่งออกกำลังกายด้วย คาดว่าตอนเช้ากับเย็นคงมีคนมาออกกำลังกายที่นี่เยอะแน่  เราเดินผ่านกลุ่มคนขายของภายในสวนมีทั้งฝรั่งสด พวงกุญแจไม้ และไอศกรีมกะทิแบบตักจากถัง  ด้านหน้าของอนุสาวรีย์โฮเซ่ ริซัล จะมีแท่นจารึกรายชื่อบุคคลในสภาในสมัยปี ค.ศ. 1946-1949 คาดว่าน่าจะเป็นสภาชุดที่ได้สร้างอนุสรณ์สถานที่ขึ้นเพื่อสดุดีแด่วีรกรรมของท่าน จุดนี้มีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงมาถ่ายรูปเยอะมาก ไม่แน่ใจว่าเป็นจุดเดียวกับที่เกิดโศกนาฏกรรมจี้ชิงตัวประกันชาวฮ่องกงหรือเปล่า โดยรอบอนุสาวรีย์จะมีทหารคอยผลัดเวรเดินสวนสนามเป็นระยะและยืนอารักขาท่าทางขึงขังเชียว หรือพวกเขามาดูทหารผลัดเวรยามกันนะ
 มุมสวยของสวนสาธารณะ Rizal Park
 รูปสลักบุคคลสำคัญต่างๆ ภายในสวน

โรงอาหารราคาประหยัดเป็นสวัสดิการของรัฐ แต่ต้องบริการตนเอง
คอนโดนกพิราบ สวนที่นี่ไม่มีนโยบายไล่นกเหมือนบางสวน
เด็กวัยรุ่นมาออกกำลังกายกัน
 รูปปั้นสวยๆภายในสวน
 มีไอศครีมกะทิกับลูกฝรั่งขายในสวนด้วย
 ธงชาติฟิลิปปินส์ตั้งตระหง่านภายในสวน
ทำเนียบสส.และสว. ในยุคที่มีการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้

ทหารเดินตรวจการณ์และผลัดเวรยามตลอด24ชั่วโมง

                เราเดินออกจากสวนแล้วเลี้ยวขวา ตรงข้ามกับสวนจะเป็นสนามกีฬาแต่ดูแล้วคล้ายโบสถ์มากกว่า เมื่อเดินเลยมาอีกหน่อยจะเป็นอนุสาวรีย์ของท่านนินอยและกอราซอน อาคิโน่ (Ninoy & Corazon Aquino) อดีตประธานาธิบดีและภริยา ตรงกันข้ามกับอนุสาวรีย์คือโรงแรมที่เก่าแก่และมีชื่อสียงที่สุดของกรุงมะนิลา แต่ไม่แน่ใจว่าค่าห้องพักแพงที่สุดหรือเปล่า โรงแรมที่ว่านี้ก็คือ มะนิลา โฮเต็ล  (Manila Hotel) นั่นเอง รูปแบบของอาคารที่หลังคาเป็นสีเขียวและทาตัวอาคารสีขาว และทาสีด้านข้างเป็นธงชาติฟิลิปปินส์ ทำให้เรานึกถึงโรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ลบ้านเรา และโรงแรมราฟเฟิลในสิงคโปร์ ทั้งนายพลแม็ค อาเทอร์ (Mac Arthur) วงดนตรีสี่เต่าทอง (The Beatles) และประธานาธิบดีเจเอฟเค (JFK : John F. Kenedy) ของสหรัฐอเมริกา ต่างก็เคยใช้บริการโรงแรมนี้มาแล้วทั้งนั้น สนนราคาที่พักคิดเป็นยู.เอส.ดอลลาร์ จะอยู่ที่ $250-300 นั่นเชียว ห้องหนึ่งร่วมหมื่น วันนี้เราแต่งตัวไม่ดี ไม่เช่นนั้นก็จะเดินเข้าไปถ่ายบรรยากาศหรูหราอลังการภายในมาให้ทุกท่านชม


 ประติมากรรมสวยๆริมสวน
 อนุสาวรีย์อดีตท่านผู้นำ นินอย อะคิโน่และภริยา
 สนามกีฬาซึ่งภายหลังได้ดัดแปลงเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่
 ถนนด้านหน้ามะนิลาโฮเต็ล
 Manila Hotel
 ป้ายบอกทางไปอินทรามูโรสและศาลาว่าการมะนิลา

                เราเห็นป้ายบอกทางว่าไปอินทรามูรอส 1.23กิโลเมตร ในขณะที่ริมถนนก็เป็นเขตกำแพงเมืองเก่าแล้วเลยยืนชั่งใจสักครู่ว่าเราน่าจะไปถ่ายรูปซ่อมภายในโบสถ์ซานออกัสตินนะ แต่อีกใจหนึ่งก็ว่าเรื่องอะไรจะเสียเวลาเดินไปไกลขนาดนั้นเพียงแค่ถ่ายรูปโบสถ์แห่งเดียว ก็เลยเดินกลับมาที่หน้าสวนริซัลปาร์ก และเดินตัดไปยังริมทะเลผ่านมะนิลาโฮเต็ล เราผ่านสถานีตำรวจที่มีรถตำรวจจอดเยอะมาก ตั้งใจว่าจะไปแวะชมพิพิธภัณฑ์โลกใต้ทะเล (Manila Ocean Park ) แต่พอเห็นคณะครูอาจารย์และนักเรียนต่อคิวเข้าทัศนศึกษาภายในเท่านั้นแหละถอดใจทันทีเลย แม่เจ้ามากันกี่คันรถเนี่ย เราเลยเดินตัด Parade Ground แถวนั้นมีซุ้มเล็กๆ บริการนวดตัวและนวดฝ่าเท้าด้วย สนนราคาก็ไม่แพงนักชั่วโมงละ200เปโซ  เราเดินผ่าน Museo ng Maynila และ Museo Pambata เป็นที่รวบรวมเรื่องราวสมัยอเมริกาปกครองฟิลิปปินส์เพราะอยู่ติดกับสถานทูตอเมริกาเลย
ภัตตาคารและโรงแรมลอยน้ำริมอ่าว
สำนักงานตำรวจ
กองทัพรถตำรวจประจำกรุงมะนิลา
สนามกว้างที่นี่เค้าเรียกว่า Parade Ground


ตอนต่อไปเราจะพาชมพิธีแต่งงานภายในโบสถ์ที่หาชมได้ทั่วไปในฟิลิปปินส์ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น