ก็ได้แต่สัญญากับตัวเองว่าจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ Rizal Park แต่เหตุไฉนกว่าจะตื่นก็แปดโมง นี่แหละหนาไม่มีสัจจะว่าตื่นเช้าในหมู่คนแบกเป้ เพราะนี่คือการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์อย่างอิสระเสรี ไม่เช่นนั้นเราคงไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ได้หลายที่แล้ว ก็เพราะหลักสูตร 5-6-7 กับ 6-7-8 (ไม่ใช่สูตรปุ๋ยผสมนะ) นี่แหละที่เราไม่สามารถปฏิบัติตามได้ (การตื่นแต่เช้าแล้วทานข้าวเช้าจนถึงออกจากโรงแรมอย่างเร่งรีบ) มันช่างทรมานเหลือเกินสำหรับการทำตามสูตรที่ว่านั่น เชอะมิได้แอ้มฉันหรอก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปสั่งอาหารและจ่ายเงินที่ล็อบบี้ วันนี้เราสั่งข้าวหมูทอดกับไข่ดาว ในราคา65เปโซ จานนี้อร่อยกว่าจานปลาทอดมากๆ เราหยอดซอสพริกลงบนหมูทอดที่เค้าหั่นเป็นริ้วแล้วชุบน้ำผึ้งมาก่อนทอด ทำให้มีรสหวานมัน และเรากินแกล้มกับพริกชี้ฟ้าแห้งซึ่งสามารถหยิบได้ที่เคาน์เตอร์เครื่องปรุง บรรดาชาวปินอยและชาวจีนกับชาวญี่ปุ่นที่มานอนที่นี่มองเราเป็นตาเดียวก็เห็นเราเล่นหยิบพริกมาทั้งกำเต็มจาน กะเหรี่ยงตกดอยมาจากไหนกันหว่าถึงกินพริกได้เยอะขนาดนี้
ข้าวหมูทอดหมักน้ำผึ้งพร้อมไข่ดาว อาหารเช้าตำรับปินอยแท้ๆ
กว่าจะเยื้องย่างออกจากที่พักได้ก็เก้าโมงครึ่ง เราเดินไปรอขึ้นรถจี๊ปนี่ย์เหมือนเดิม วันนี้วันศุกร์แล้วนี่ ระหว่างการเดินทอดน่องครั้งนี้เราได้สังเกตว่าตึกโทรมๆที่เราเดินผ่านคราวแรกมันคือคาสิโนนั่นเอง เป็นบ่อนที่มีการ์ดคุมอย่างแน่นหนา มีนักเสี่ยงโชคเดินเข้าไปเรื่อยๆ ประเทศฟิลิปปินส์การพนันการเล่นล็อตโต้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะล็อตโต้นั้นออกรายวัน วันละหลายครั้งเลยทีเดียว ประชาชนจึงถูกมอมเมาไม่รู้ตัว เราเลือกขึ้นรถจี๊ปนี่ย์ที่ด้านข้างรถเขียนป้ายว่า LRT EDSA เรามั่นใจว่ารถจะต้องแล่นผ่านสี่แยก เอ็ดซ่าแน่นอน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ รถจอดตรงสี่แยกแล้วเราจ่ายเงิน 10เปโซ เราเดินข้ามถนนเหมือนเดิมขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี EDSA ตอนที่เราอยู่บนสะพานลอยนั้น เหลียวซ้ายแลขวาเห็นคนเดินไม่เยอะ จึงลืมคำสอนของเจ้าหน้าที่โรงแรมไปหมดสิ้นเรื่องการหยิบกล้องใหญ่มาถ่าย เรารวบรวมความกล้าแล้วก็ถ่ายแชะ แชะ แหมบรรยากาศช่างเหมือนห้างย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ บ้านเราเลย มีโรงแรมและห้างสรรพสินค้ารายรอบสี่แยกเลย เราขึ้นไปรอรถนานอยู่ อากาศอบอ้าวเหงื่อไหลโชก หลายคนควักพัดขึ้นมาพัดใหญ่เลย มีพัดเป็นของตนเองทุกคนยกเว้นเรา เลยต้องหยิบผ้าขนหนูมาซับเหงื่อที่ไหลเป็นน้ำ พอรถมาเทียบเท่านั้นแหละผู้คนต่างก็เฮโลเบียดแย่งกันเข้าไปข้างในเพราะเค้าคงไม่อยากตกรถไปเที่ยวต่อไปซึ่งต้องรออีกนาน ปลากระป๋องอบร้อนอีกแล้วครับท่าน คราวนี้ต้องระวังสัมภาระและของมีค่าให้หนักกว่าเดิมอีกเล่นเบียดกันซะขนาดนี้
การจราจรติดขัดแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่นี่
ย่านนี้มีสะพานลอยล้อมสี่ด้านมีทั้งโรงแรมและห้างตั้งอยู่
ห้างสรรพสินค้าราคาย่อมเยาเปิดในย่านที่ผู้มีรายได้น้อยพักอยู่
รถไฟฟ้า LRT เข้าเทียบท่า
การมาสวนสาธารณะ Rizal Park อ่านออกเสียงว่า “ริซัล พาร์ค” นั้นเราจะต้องลงที่สถานี UN (United Nation) ซึ่งจะลงก่อนสถานีเมื่อวาน1สถานี ค่ารถเดินทางไปแค่15เปโซ สถานียูเอ็นนั้นคนลงไม่เยอะย่านนั้นมีแต่สถานที่ราชการและธนาคารต่างๆ เต็มไปหมด เลยได้โอกาสถ่ายรูปลงมาจากสถานีอีก เราเดินไปตามถนน United Nation Ave. เดินลงมาเรื่อยๆ แวะกางแผนที่แล้วเดิน ย่านนี้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าย่านศาลาว่าการเยอะ ไม่มีของวางขายตามทางเท้า เราไม่มั่นใจว่าทางนี้เดินไปถึงสวนหรือไม่ เลยต้องคอยถามทางผู้คนไปเรื่อยๆ จริงอยู่ที่คนโบราณบอกไว้เสมอว่า ทางอยู่ที่ปาก หากเรากล้าถามก็ไม่ได้แปลว่าเราโง่ แต่หากเราไม่กล้าถามเราก็จะโง่ต่อไป ยกเว้นอย่าไปถามทางพวกรถรับจ้างทุกชนิดนะ ไม่งั้นโดนฟันลูกเดียว
โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนสถานีรถไฟฟ้า
สถานีรถไฟฟ้า United Nation
เบื้องล่างของถนนUN Avenue
มุมสวยของสวนสาธารณะ Rizal Park
รูปสลักบุคคลสำคัญต่างๆ ภายในสวน
โรงอาหารราคาประหยัดเป็นสวัสดิการของรัฐ แต่ต้องบริการตนเอง
คอนโดนกพิราบ สวนที่นี่ไม่มีนโยบายไล่นกเหมือนบางสวน
เด็กวัยรุ่นมาออกกำลังกายกัน
รูปปั้นสวยๆภายในสวน
มีไอศครีมกะทิกับลูกฝรั่งขายในสวนด้วย
ธงชาติฟิลิปปินส์ตั้งตระหง่านภายในสวน
ทำเนียบสส.และสว. ในยุคที่มีการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้
รูปสลักบุคคลสำคัญต่างๆ ภายในสวน
โรงอาหารราคาประหยัดเป็นสวัสดิการของรัฐ แต่ต้องบริการตนเอง
คอนโดนกพิราบ สวนที่นี่ไม่มีนโยบายไล่นกเหมือนบางสวน
เด็กวัยรุ่นมาออกกำลังกายกัน
รูปปั้นสวยๆภายในสวน
มีไอศครีมกะทิกับลูกฝรั่งขายในสวนด้วย
ธงชาติฟิลิปปินส์ตั้งตระหง่านภายในสวน
ทำเนียบสส.และสว. ในยุคที่มีการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้
ทหารเดินตรวจการณ์และผลัดเวรยามตลอด24ชั่วโมง
เราเดินออกจากสวนแล้วเลี้ยวขวา ตรงข้ามกับสวนจะเป็นสนามกีฬาแต่ดูแล้วคล้ายโบสถ์มากกว่า เมื่อเดินเลยมาอีกหน่อยจะเป็นอนุสาวรีย์ของท่านนินอยและกอราซอน อาคิโน่ (Ninoy & Corazon Aquino) อดีตประธานาธิบดีและภริยา ตรงกันข้ามกับอนุสาวรีย์คือโรงแรมที่เก่าแก่และมีชื่อสียงที่สุดของกรุงมะนิลา แต่ไม่แน่ใจว่าค่าห้องพักแพงที่สุดหรือเปล่า โรงแรมที่ว่านี้ก็คือ “มะนิลา โฮเต็ล” (Manila Hotel) นั่นเอง รูปแบบของอาคารที่หลังคาเป็นสีเขียวและทาตัวอาคารสีขาว และทาสีด้านข้างเป็นธงชาติฟิลิปปินส์ ทำให้เรานึกถึงโรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ลบ้านเรา และโรงแรมราฟเฟิลในสิงคโปร์ ทั้งนายพลแม็ค อาเทอร์ (Mac Arthur) วงดนตรีสี่เต่าทอง (The Beatles) และประธานาธิบดีเจเอฟเค (JFK : John F. Kenedy) ของสหรัฐอเมริกา ต่างก็เคยใช้บริการโรงแรมนี้มาแล้วทั้งนั้น สนนราคาที่พักคิดเป็นยู.เอส.ดอลลาร์ จะอยู่ที่ $250-300 นั่นเชียว ห้องหนึ่งร่วมหมื่น วันนี้เราแต่งตัวไม่ดี ไม่เช่นนั้นก็จะเดินเข้าไปถ่ายบรรยากาศหรูหราอลังการภายในมาให้ทุกท่านชม
ประติมากรรมสวยๆริมสวน
อนุสาวรีย์อดีตท่านผู้นำ นินอย อะคิโน่และภริยา
สนามกีฬาซึ่งภายหลังได้ดัดแปลงเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่
ถนนด้านหน้ามะนิลาโฮเต็ล
Manila Hotel
ป้ายบอกทางไปอินทรามูโรสและศาลาว่าการมะนิลา
เราเห็นป้ายบอกทางว่าไปอินทรามูรอส 1.23กิโลเมตร ในขณะที่ริมถนนก็เป็นเขตกำแพงเมืองเก่าแล้วเลยยืนชั่งใจสักครู่ว่าเราน่าจะไปถ่ายรูปซ่อมภายในโบสถ์ซานออกัสตินนะ แต่อีกใจหนึ่งก็ว่าเรื่องอะไรจะเสียเวลาเดินไปไกลขนาดนั้นเพียงแค่ถ่ายรูปโบสถ์แห่งเดียว ก็เลยเดินกลับมาที่หน้าสวนริซัลปาร์ก และเดินตัดไปยังริมทะเลผ่านมะนิลาโฮเต็ล เราผ่านสถานีตำรวจที่มีรถตำรวจจอดเยอะมาก ตั้งใจว่าจะไปแวะชมพิพิธภัณฑ์โลกใต้ทะเล (Manila Ocean Park ) แต่พอเห็นคณะครูอาจารย์และนักเรียนต่อคิวเข้าทัศนศึกษาภายในเท่านั้นแหละถอดใจทันทีเลย แม่เจ้ามากันกี่คันรถเนี่ย เราเลยเดินตัด Parade Ground แถวนั้นมีซุ้มเล็กๆ บริการนวดตัวและนวดฝ่าเท้าด้วย สนนราคาก็ไม่แพงนักชั่วโมงละ200เปโซ เราเดินผ่าน Museo ng Maynila และ Museo Pambata เป็นที่รวบรวมเรื่องราวสมัยอเมริกาปกครองฟิลิปปินส์เพราะอยู่ติดกับสถานทูตอเมริกาเลย
ภัตตาคารและโรงแรมลอยน้ำริมอ่าว
สำนักงานตำรวจ
กองทัพรถตำรวจประจำกรุงมะนิลา
สนามกว้างที่นี่เค้าเรียกว่า Parade Ground
ตอนต่อไปเราจะพาชมพิธีแต่งงานภายในโบสถ์ที่หาชมได้ทั่วไปในฟิลิปปินส์ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น