วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แบกเป้เที่ยวฟิลิปปินส์ตอนที่9 ทอดอารมณ์เรื่อยเปื่อย เหมือนวันเวลาหยุดนิ่ง ณ Manila Baywalk

                รถราวิ่งขวักไขว่บนถนน8เลนที่เรียกว่าบูเลอวาร์ด แต่ละคันล้วนเป็นรถหรูในขณะที่คนเดินถนนเสื้อผ้าขาดวิ่น บ้างไร้บ้าน ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยังคงเกิดขึ้นทุกพื้นที่ไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบใดก็ตาม ยิ่งเป็นระบบทุนนิยมด้วยแล้วความเหลื่อมล้ำเช่นนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้นเป็นทวีคูณ
บนลานน้ำพุซึ่งติดกับถนน Roxas Boulevard มีน้ำพุไหลเย็น หลายคนที่อยู่แถวนั้นนำขวดน้ำไปตักน้ำดื่มหน้าตาเฉย เด็กบางคนลงไปแหวกว่าย แม่อาบน้ำให้ลูกพลันให้นึกถึงน้ำพุย่านสะพานพุทธฯ ที่เวลาเราไปเดินแถวนั้นจะต้องอุดจมูกด้วย ติดกับลานน้ำพุมีภัตตาคารอาหารฟิลิปิโนอันมีนามว่า อริสโตแครท (Aristocrat) ราคาแพงใช้ได้อยู่ ได้กลิ่นอายลมทะเลโชยพัดเข้าจมูกเป็นระยะ ก็เจ้าถนนสายนี้แหละที่ช่วงหนึ่งเป็น มะนิลาเบย์วอล์ค (Manila Baywalk) ให้ได้เดินทัศนาหลายกิโลเมตร ที่นี่มีทุกอย่างให้ชม ตั้งแต่รูปปั้นริมทาง งานศิลปะ ร้านอาหารริมทางแต่มักจะเปิดตอนเย็นๆ คนตกปลา ชมรมจักรยาน ฯลฯ  ก็เพราะว่าที่นี่นั้นติดทะเลเลย ซึ่งเรียกว่าอ่าวมะนิลา แม้ว่าสีน้ำไม่สวยใสกลิ่นไม่โสภานักแต่ก็มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลราวกับว่าเดินอยู่ในเมืองตากอากาศชายทะเลได้เลยทีเดียว
 รูปปั้นสวยๆ ริมอ่าวมะนิลา
 น้ำพุแห่งนี้มีคนมาตักน้ำไปกินด้วย
 รูปปั้นหน้าตาคล้ายเทพโพไซดอน
 ถนน8เลนริมมะนิลาเบย์ มีทางม้าลายให้ข้ามถนนแบบว่ากว้างมาก
คุณแม่ลูกอ่อนเลี้ยงลูกทั้งสามตามลำพังบนถนนสายนี้

ที่นี่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงควักกล้องออกมาถ่ายรูปได้สบาย แต่สัญชาตญานก็ต้องระวังตัวบ้างแหละน่า ลืมไม่ได้ที่จะเหลียวซ้ายแลขวาก่อนยกกล้องขึ้นมาเล็ง เมื่อเดินผ่านกลุ่มผู้คนที่มาทำกิจกรรมนั้นเราก็ผ่านท่าเรือที่มีเรือยอร์ชลำหรูจอดมากมาย บริเวณนั้นเหม็นกลิ่นน้ำมาก เรือลำหรูของผู้มีอันจะกินจอดอยู่เต็มไปหมด อ้อมันคือ Manila Yatch Club นั่นเอง คลับเรือยอร์ชสุดหรูที่คนมีอันจะกินจะต้องฝากจอดเรือไว้แล้วพอจะเดินทางถึงค่อยมาใช้บริการ ค่าสมาชิกรายปีคงแพงระยับ
งานตกปลาน่าจะเป็นงานหลักของคนแถวนี้
หลากอารมณ์กับคนตกปลาริมอ่าวมะนิลา
 เรือหาปลาแบบมีกาบกันคว่ำด้านข้างอันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น
 รูปปั้นแนวครอบครัวอบอุ่นริมถนน
 เด็กน้อยนั่งจับกบ (ท่าเหมือน)
เรือยอร์ชลำหรูจอดอยู่ในบริเวณที่น้ำเน่าเสีย
Manila Yatch Club

                ชีวิตผู้คนบนมานิลาเบย์เหมือนหยุดนิ่ง ไม่มีใครรีบเร่ง คนตกปลาเค้าก็ตกของเค้าไปเรื่อยๆ คนนั่งชมทะเลก็นั่งเฉยๆ บ้างก็พูดคุยกันเป็นกลุ่มๆ พอเราเดินไปอีกนิดก็จะผ่านภัตตาคารลอยน้ำ และกรมทหารเรือเค้าพักกลางวันพอดีเลย เดินอีกนิดก็จะผ่านโรงละครแห่งชาติซึ่งตอนนี้ไม่มีงานแสดงใดๆ สัญญาณความหิวเริ่มมาเยือน มองไปโดยรอบก็ไม่เห็นมีร้านอาหารแบบโตโรโตโร (Toro Toro) ซึ่งแปลได้ตรงตัวว่า Point point หรือ ชี้ ชี้ นั่นเอง ซึ่งก็คือข้าวราดแกง ไม่มีร้านแบบนี้ให้เราเห็นบนถนนเส้นนี้เลย ร้านขายอาหารริมทางก็จะเปิดให้บริการแต่ตอนเย็นเท่านั้น ทำไงดีล่ะตอนนี้ หิวก็หิวนั่งรถไปกินในห้างดีกว่า

 สมาคมคนตกปลานั่งพักผ่อนหย่อนใจ
เสาไฟรูปแบบต่างๆริมทางเดิน
สมาคมจักรยานแห่งมะนิลาเบย์วอล์ค
 ทิวมะพร้าวให้ร่มเงาในยามเที่ยง ทำให้เดินเล่นแล้วไม่ร้อนเลย
งานศิลปะตกแต่งตามทางเดินมีให้เห็นทั่วไปบนถนนสายนี้

                แล้วเราก็ยืนรอรถตรงหน้ากองทัพเรือนั่นแหละ มีหลายคันวิ่งผ่านไปตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับไปทานข้าวแถวบัคคลาราน แต่พอเอาแผนที่มากางมันอ้อมมากหากจะเดินทางไปย่านมากาติ (Makati) ต่อ เรานั่งรถไปลงกลางทางดีกว่าแล้วค่อยต่อรถเมล์ไปย่านธุรกิจกลางเมือง เราโบกรถจี๊ป ไม่มีคันไหนไปมากาติสักคัน  จนในที่สุดก็มีรถตู้มาจอดคันนึงเราเลยถามว่าไปมากาติได้มั้ย เค้าบอกไม่ได้ไปแต่จะไปส่งตรงจุดที่ต่อรถไปมากาติได้ เราตอบตกลง โอ้แอร์รถเย็นมากมันคือรถตู้โดยสารประจำทางแบบบ้านเรานี่เอง ผู้โดยสารก็น้อยนิดมิน่าเล่าถึงรีบรับเราขึ้นรถ เค้าเริ่มสนทนากับเราเค้าถามว่าไม่ใช่คนฟิลิปิโนหรอกหรือ เราตอบว่าไม่ใช่เป็นคนไทย เค้าตอบมาหน้าตาเหมือนคนที่นี่เลย เราเลยเล่าต่อถึงเรื่องรถติดว่าเหมือนบ้านไอที่บางกอกเลยนะ รถติดแบบนี้ไอชินแล้ว รถตู้วิ่งฝ่าการจราจรที่ติดขัดยามเที่ยงวันศุกร์ผ่านแยกแล้วแยกเล่าจนมาถึงจุดสี่แยกใหญ่คนขับรถบอกให้ลง เค้าแนะให้ข้ามถนนแล้วไปขึ้นรถเมล์ที่สี่แยกแล้วดูป้ายหน้ารถว่าคันที่ไป Ayala Ave. “อายาล่า เอฟเวนิว นั่นแหละ ค่าโดยสารรถเพียง20เปโซ คุ้มค่ากับแอร์เย็นเฉียบจริงๆ
อาคารสถานที่ราชการริมถนนRoxas ซึ่งเป็นสถาบันทางการเงินแห่งชาติ

                เราเดินข้ามถนนไปรอรถเมล์ที่ถนนตรงจุดตัดย่านนี้ใช้ได้นะ ไม่ค่อยเป็นแหล่งเสื่อมโทรมสักเท่าไหร่ ดูแล้วปลอดภัยกว่าย่านที่เราพักนัก รถเมล์แอร์คันนึงวิ่งผ่านมาป้ายรถเขียนคำว่า Ayala Centerใช่แน่นอนเลยคันนี้มันต้องไปห้างที่เรียกว่า อายาล่า เซ็นเตอร์  เราโบกให้รถจอดแล้วเดินขึ้นรถไป รถเมล์ที่นี่ไม่ได้ทันสมัยเป็นระบบหยอดเหรียญเหมือนที่สิงคโปร์นะ เค้ายังเป็นระบบพกส.อยู่เลย ระบบพนักงานเก็บสตางค์นั่นเอง เจ้าหน้าที่จะมาถามเราว่าลงไหน ถามเป็นตากาล็อกด้วย เราตอบอยาล่าเซ็นเตอร์ เค้าก็ฉีกตั๋วให้ราคาประมาณ15เปโซ เลยถามเค้าต่อว่าอีกไกลมั้ยกว่าจะถึง เค้าบอกถ้าถึงเดี๋ยวเค้าเรียกเอง 

ตอนต่อไปจะพาทุกท่านมาสัมผัสย่านหรูใจกลางกรุงมะนิลาอันมีนามว่า Makati City

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น